รีวิวซีรีส์ Fallout (Prime) รวมพลคนสิ้นโลกบันเทิงแบบโลกแตกโดยเคารพและให้เกียรติต้นฉบับมาก!
Fallout
Summary
ซีรีส์จากเกมที่ทำออกมาได้ถึงมากในเรื่องราวที่ลึกซับซ้อนโดยไม่ได้อิงจากเกมโดยตรง แต่ถ่ายทอดหัวใจสำคัญทั้งเรื่องการเมือง ปรัชญาการใช้ชีวิตในโลกที่ไร้ซึ่งความหวัง โดยเป็นโลกสมมุติที่บิดเบี้ยวกันตั้งแต่จุดเริ่มแรกจนถึงยุคหลังสงครามนิวเคลียร์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งความแปลกประหลาดที่คาดเดาไม่ได้นี้ช่วยตรึงความสนใจไว้ได้ตลอด แม้เรื่องจะเล่าแบบช้าๆ แต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ประกอบให้โลกนี้ลึกและมีสีสันแบบดาร์คคอมเมดี้ที่สนุกเกินคาดมากครับ
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- ดัดแปลงจากเกมโดยไม่ได้ใช้เนื้อเรื่องเกม
- งานโปรดักชั่นถอดแบบเคารพเกมสุดๆ
- โลกสมมุติที่แปลกประหลาดมาก
- ฉากแอ็กชั่นโหดความรุนแรงสูง
- นักแสดงสมบทบาทมากแม้แต่หมา
- มีพากย์ไทย
Cons
- องค์ประกอบเล็กๆ หลายอย่างไม่อธิบายคนไม่ได้เล่นเกมให้เข้าใจ
- เรื่องเล่าแบบช้าๆ
Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู ซีรีส์ Prime แนวแอ็กชั่นไซไฟ 8 ตอนจบซีซั่น 1 ดัดแปลงจากวิดีโอเกมชื่อดังของค่าย Bethesda เรื่องราวของโลกอนาคตในอีก 200 ปีข้างหน้าหลังยุคสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก เมื่อบรรดาคนรุ่นหลังที่อาศัยอยู่ในหลุมหลบภัยจำเป็นต้องกลับขึ้นมาเผชิญกับนรกบนดินที่เต็มไปด้วยพิษร้ายจากสารกัมมันตรังสี และร่วมค้นหาความลับในอดีตที่ซุกซ่อนอยู่
รีวิว Fallout ฟอลล์เอาท์ (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์ขายชื่อว่าสร้างโดย โจนาธาน โนแลน และ ลิซ่า จอย สองผู้สร้างซีรีส์ Westworld (HBO) กับ The Peripheral (Prime) ซึ่งทั้งสองเรื่องก็พึ่งโดนแคนเซิลตัดจบมาแบบไม่สวยทั้งคู่ แต่ครีเอเตอร์จริงๆ คือ Geneva Robertson-Dworet ผู้เขียนบท Tomb Raider หนังปี 2018 กับ Graham Wagner ทำให้เรื่องนี้ไม่ได้ออกมาในแนวปรัชญาลึกล้ำซับซ้อนจนดูเข้าใจยากอย่างกังวลกัน แต่เรื่องก็ยังคงลึกและซับซ้อนมากอยู่ดี โดยอิงวัตถุดิบจากวิดีโอเกมดังที่มีมาแล้วหลายภาค ซึ่งผู้สร้างแจ้งว่าไม่ได้ดึงเนื้อเรื่องจากเกมโดยตรง เป็นการสร้างเรื่องใหม่จากวัตถุดิบที่มีอยู่ (ฉบับซีรีส์นับเป็น Canon เนื้อเรื่องที่ถูกยอมรับได้ของจักรวาลนี้) ซึ่งทำให้ผู้ชมไม่จำเป็นต้องเล่นเกมมาก่อนก็สามารถรับชมและสนุกไปกับเรื่องนี้ได้เลย เพียงแต่ผู้ชมที่เล่นเกมมาก่อนก็จะเก็ทกับรายละเอียดต่างๆ ในเรื่องได้มากกว่าเท่านั้นครับ ผู้เขียนไม่ได้เล่นเกมนี้ แต่ก็รู้จักเกมนี้ในรูปเกมที่พรีเซนต์ภาพการ์ตูนยุคเก่ากับตัวละครประหลาดๆ ชวนให้งง ดูเป็นเกมล้อเลียนติดตลกของฝรั่ง ซึ่งพอได้รับชมก็ถึงบางอ้อว่านี่มันคือ มหกรรมรวมพลคนสิ้นโลก บันเทิงแบบโลกแตกในสไตล์ดาร์คคอมเมดี้นี่เอง เรื่องราวเป็นเหมือน Mad Max ที่บ้าบอและโหดเลือดสาดแบบสุรุ่ยสุร่ายกว่า โดยไม่ต้องเน้นความสมจริงใดๆ เลย เพราะอ้างอิงว่าเป็นโลกยุคที่มีสารกัมมันตรังสีแพร่อยู่ทั่วทำให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างผิดปกติกลายพันธ์ไปทั้งหมด ในเรื่องจึงมีทั้งสัตว์ประหลาด มนุษย์กลายพันธ์ คนป่วยจิตมากมาย รวมถึงเทคโนโลยีแปลกๆ ในเรื่องก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใช้ในโลกนั้นเอง ซึ่งนี่คือเรื่องราวสุดพิลึกมากๆ ทุกอย่างแปลกประหลาดเกินคาดเดา ตั้งแต่ตัวเอกที่อาศัยอยู่ในหลุมหลบภัยพิเศษกับสังคมโลกสวยแบบแปลกๆ องค์กรเคร่งศาสนาที่ดันมีกองกำลังทหารไฮเทค เผ่าพันธ์กึ่งๆ ซอมบี้ที่เรียกว่ากูลแต่เป็นนักล่าเงินรางวัล เงินในเรื่องก็ยังเป็นฝาขวดน้ำจากโลกเก่า ซึ่งมีค่ามากในโลกยุคนี้เพราะเทคโนโลยีผลิตฝาขวดได้หายไปแล้ว ซึ่งในเรื่องหลายอย่างก็ไม่ได้อธิบายออกมาตรงๆ อาจจะต้องหาอ่านเพิ่มบ้าง แต่ถ้าผู้ชมปล่อยจอยไปกับความบ้าบอที่เรื่องนำเสนอออกมาก็จะเข้าใจและสนุกสนานไปกับทุกสิ่งที่เรื่องนี้นำมาขายได้ไม่ยาก แล้วก็มองข้ามเหตุผลไปได้เลย เพราะโลกนี้มันมีแต่เรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นมาได้ทั้งนั้น
ถึงซีรีส์จะพรีเซนต์โลกสุดพิลึกได้อย่างโดดเด่นมาก แต่สิ่งที่เป็นเนื้อหาลึกๆ ของเรื่องก็เข้มข้นสวนทางเข้าไปอีก โดยทั้งเรื่องคือการอธิบายจุดกำเนิดประวัติศาสตร์โลกในแบบของตัวเอง ตั้งแต่ที่มาของสงครามนิวเคลียร์ว่าเกิดได้ยังไง โดยอ้างอิงจากช่วงอเมริกายุคสงครามเย็นที่มีผู้คนกลัวทั้งระเบิดกับคอมมิวนิสต์ แต่เรื่องทำให้ความกลัวนี้สุดโต่งยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการให้มีบริษัททำหลุมหลบภัยพิเศษที่ชื่อว่า “วอลท์” พยายามขายสินค้าความปลอดภัยนี้แก่ผู้คนในยุคนั้น ซึ่งเรื่องก็เล่าโดยการย้อนอดีตผ่านตัวละคร Cooper Howard (เล่นโดย Walton Goggins) นักแสดงบทคาวบอยที่เป็นคนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรกจนถึงโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งบทนั้นซับซ้อนและน่าทึ่งมากกับไอเดียทฤษฏีสมคบคิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น
นอกจากปริศนาจุดกำเนิดวันสิ้นโลกแล้ว ในเรื่องยังมีช่วงเวลา 200 ปีที่สูญหายไปเป็นอีกปมปริศนาสำคัญ เรื่องเล่าโดยใช้ตัวละคร Lucy MacLean (เล่นโดย Ella Purnell) นางเอกของเรื่องที่เป็นผู้อยู่อาศัยในหลุมหลบภัยในสังคมโลกสวยต้องโผล่ขึ้นมาตามหาพ่อที่ถูกลักพาตัวไป ทำให้เธอได้พบเจอผู้คนกับเรื่องราวประหลาดๆ ซึ่งความอินโนเซนส์โลกสวยของเธอก็คือภัยร้ายในโลกด้านนอกนี้ที่ทุกคนไม่มีใครไว้ใจกัน โดยมี Maximus (เล่นโดย Aaron Moten) พระเอกของเรื่องเป็นคนดำมาคอยปกป้อง โดยเขาเป็นแค่ทหารชั้นลูกกระจ๊อกที่ถูกสั่งให้เป็นเบ๊ของอัศวินชุดเกราะเหล็กไฮเทค แต่เขาทรยศแล้วรับช่วงเกราะนี้สวมรอยเป็นอัศวินซะเอง ซึ่งก็มาจากความฝันในวัยเด็กที่เขารอดจากเมืองที่ถูกถล่มในช่วงหลังสงครามนิวเคลียร์รอบแรก ซึ่งนี่คือรอยต่อประวัติศาสตร์ดำมืดที่ขาดหายไป โดยเรื่องเล่าผ่านความสัมพันธ์จากโลกที่แตกต่างของทั้งคู่ โดยมีเหตุการณ์ที่เป็นบททดสอบความเชื่อใจอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งความสัมพันธ์ทั้งคู่แปรเปลี่ยนมาเป็นความรัก ซึ่งเรื่องค่อยๆ ไต่ระดับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ดีมากในโลกที่แปลกประหลาดแบบนี้ โดยมีตัวร้ายนักล่าเงินรางวัลที่เป็น “กูล” มนุษย์ผีดิบกลายพันธ์ที่กินยาคุมตัวเองไว้มาเป็นตัวละครที่คอยตามล่าพวกเขา ซึ่งตัวกูลเองก็เป็นตัวเอกที่มีเนื้อเรื่องซ้อนไปกับประวัติศาสตร์ช่วงนี้เช่นกัน
นอกจากนี้แล้วยังมีเนื้อเรื่องในหลุมหลบภัยวอลท์ ผ่านตัวละคร Norm MacLean (เล่นโดย Moises Arias) น้องชายของ Lucy นางเอกในเรื่อง ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์หลังจากพี่สาวเธอขึ้นไปบนโลก เขาต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมในหลุม แล้วก็ค่อยๆ พบกับความผิดปกติบางอย่างที่ย้อนรอยไปถึงจุดล่มสลายของโลกด้วยเช่นกัน โดยที่หลุมในเรื่องก็ไม่ได้มีแค่ที่เดียว แต่มีเป็นร้อยๆ ในอเมริกา โดยเรียกชื่อจากตัวเลขที่กำกับไว้ และทุกที่ก็จะมีสังคมที่แตกต่าง มีกฏของตัวเอง ซึ่งเรื่องก็เสียดสีถึงระบบสังคมแบบประชาธิปไตยในกรอบที่ถูกจำกัด แล้วเปลี่ยนให้ผู้คนกลายเป็นอย่างที่ต้องการไว้ ซึ่งขัดแย้งกับความจริงของโลกภายนอกที่ไร้กฏเกณฑ์ ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ที่นำพาให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นครับ
งานโปรดักชั่น CG ในเรื่องออกมาเหมือนเกมมากอย่างไม่มีที่ติ ทั้งชุดและสิ่งของต่างๆ ถอดแบบจากเกมเป๊ะๆ แม้แต่หมาที่มีบทสมทบเข้ามาในเรื่องตลอด ซึ่งการถ่ายทอดโลกที่แปลกประหลาดแบบนี้ออกมาไม่ง่ายเลยเพราะมีการใช้ CG แทบจะทั้งเรื่องในทุกฉากที่ปรากฏออกมา ตัวละครก็ต้องเมคอัพเป็นพวกกลายพันธ์กันเยอะมาก ซึ่งงานนี้ออกมาดีก็เพราะได้ค่ายเกมเข้ามาคุมงานด้วยโดยตรง ทำให้ทุกอย่างซื่อตรงต้นฉบับมากจนไร้ที่ติจริงๆ
สรุป ซีรีส์จากเกมที่ทำออกมาได้ถึงมากในเรื่องราวที่ลึกซับซ้อนโดยไม่ได้อิงจากเกมโดยตรง แต่ถ่ายทอดหัวใจสำคัญทั้งเรื่องการเมือง ปรัชญาการใช้ชีวิตในโลกที่ไร้ซึ่งความหวัง โดยเป็นโลกสมมุติที่บิดเบี้ยวกันตั้งแต่จุดเริ่มแรกจนถึงยุคหลังสงครามนิวเคลียร์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งความแปลกประหลาดที่คาดเดาไม่ได้นี้ช่วยตรึงความสนใจไว้ได้ตลอด แม้เรื่องจะเล่าแบบช้าๆ แต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ประกอบให้โลกนี้ลึกและมีสีสันแบบดาร์คคอมเมดี้ที่สนุกเกินคาดมากครับ