รีวิว Feels Like Ishq คือ…ความรัก หนังสั้นแนวรักปุ๊บปั๊บเก๋ๆ ทันสมัยของ Netflix อินเดีย
Feels Like Ishq
สรุป
เป็นหนังสั้นที่นำเสนอความรักแบบไวๆ ได้ดีพอสมควร อาจจะไม่ถึงกับอินหรือดิ่งได้มากเพราะคอนเซ็ปต์คือความรักแบบรวดเร็วทันใจหลังพบเจอทุกตอน เป็นแนวเบาๆ ไม่ได้มีดราม่าอะไรมาก แล้วก็ตัดจบในจุดที่กำลังจะพัฒนาไปเป็นมากกว่านั้น ถือว่าดูได้พลินๆ กับคนชอบหนังอินเดียครับ (แนะนำตอน 2 กับ 3 มากสุดครับ)
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- รวมเรื่องรักที่ทันสมัยทุกเรื่อง
- ตอน 3 ภาพทิวทัศน์ท่องเที่ยวสวยมากสุดๆ จนแนะนำให้ลองดู
- รักแบบเบาๆ ง่ายๆ ทำให้อมยิ้มได้ทุกตอน
- นักแสดงเล่นได้ดีทุกตอน
Cons
- สั้นมากจนต้องบังคับจบแบบรวบรัดทุกตอน
Feels Like Ishq คือ…ความรัก หนังสั้น Netflix อินเดีย 6 ตอน รวมเรื่องรักแบบปุ๊บปั๊บของหนุ่มสาวทุกวัยที่ทันสมัย โดยมีคอนเซ็ปต์ความรักแบบไวๆ ในเวลาสั้นๆ ให้คนดูได้อมยิ้มนิดๆ กับเรื่องราวเหล่านี้
ตัวอย่าง Feels Like Ishq คือ…ความรัก
ซีรีส์ที่รวมหนังรักสั้นๆ เข้าไว้ด้วย 6 เรื่อง ตอนละประมาณครึ่งชั่วโมงเท่าๆ กัน โดยมีคอนเซ็ปต์เป็นความแบบเจอหน้ากับปุ๊บปั๊บเริ่มเกิดความรักกันเลย ซึ่งความยากของเรื่องราวแบบนี้คือจะทำไงให้คนดูอินได้ในเวลาสั้นๆ แต่ตัวเรื่องทั้ง 6 ตอนก็ถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลย
เรื่องแรกคือเพื่อนเจ้าสาวที่ตามหาเจ้าสาวที่หายไปก่อนงานแต่ง โดยมีหนุ่มเจ้าของรับงานจัดแต่งช่วยตามหา ต้องบอกว่ากับตอนแรกไม่ได้รู้สึกว่าดีมากเท่าไหร่ โดยเรื่องโฟกัสไปที่ความพิเศษของฝ่ายหญิงที่เป็นคนดังในโลกโซเชียลผู้เชื่อในเรื่องความรัก และพยายามทำให้งานแต่งนี้สำเร็จ ขณะที่ฝ่ายชายรับจัดงานแต่งเป็นอาชีพ แต่กลับไม่อินใดๆ กับเรื่องรัก และมองว่าการที่เจ้าสาวหนีไปคือการตัดสินของเธอเอง เป็นสิ่งที่ถูกแล้วดีกว่าทนอยู่เพื่อความรักฝืนๆ หลังจากงานแต่ง ในเรื่องคือการถกเถียงกันเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่าใครคิดถูกกันแน่ จนกลายเป็นทั้งคู่เริ่มสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว และก็แอบปิ๊งกันนิดๆ ในตอนจบ ซึ่งเรื่องแทบจะไม่ได้ทำให้คนอินอะไรก็จบแล้ว มันช่างสั้นซะเหลือเกินกับหนังรักปุ๊บปั๊บแบบนี้
แต่หลังจากจบตอนแรกถ้าดูต่อไป คนดูอาจจะเริ่มเข้าใจคอนเซ็ปต์แล้วเพราะโครงเรื่องมันคล้ายๆ กันหมด ซึ่งมันเป็นธีมตามชื่อเรื่อง คือ….ความรัก หรือ ความรู้สึกที่เหมือนความรัก Ishq อ่านว่าอีช ในภาษาเปอร์เซียที่มีความหมายว่า “ความรัก” หรือ “ความหลงใหล” ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในภาษาอื่นๆ ของโลกมุสลิมและอินเดีย ซึ่งนี่คือพ้อยท์หลักของเรื่องนี้เมื่อทุกคู่เริ่มพบปะกันโดยบังเอิญ และดูเหมือนจะค่อยๆ รักกันขึ้นมา มันยังไม่ถึงกับเป็นคู่รักหรือตอบแน่ชัดว่าตกลงรักกันแล้ว แต่มันเหมือนความรักแน่ๆ ซึ่งพอเราเข้าใจแบบนี้การดูในเรื่องต่อๆ ไปก็อาจจะเข้าถึงง่ายขึ้นกว่าตอนแรก
ตัวเรื่องตอนสองคือเด็กหนุ่มที่พบรักสาวบ้านตรงข้ามที่มากักตัวช่วงโควิด ในตอนนี้อะไรๆ ดูลื่นไหลเข้ากันดีมาก มีทั้งเพลง ทั้งการแสดงของเด็กหนุ่มแขกซิกข์โพกหัวที่แอบหล่อน่ารัก แต่เป็นคนขี้อายไม่กล้าจีบเธอตรงๆ เลยต้องโกหกผ่านแชทในมือถือว่าเป็นป้าเอาอาหารกับของสำคัญอื่นๆ ไปให้เพื่อพบกับเธอ ซึ่งอีกฝ่ายก็กักตัวจริงจังแทบไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ แต่แล้วก็ค่อยๆ เปิดใจติดต่อคุยกับเขาผ่านการเล่นกีต้าร์หากัน รวมถึงจรวดกระดาษที่ร่อนไปมาระหว่างบ้าน ดูแล้วเป็นอะไรที่น่ารักดีมาก ก่อนจะมีบทสรุปนิดๆ ว่าสุดท้ายความจริงก็ปรากฎ เธอจะยังคบหาเป็นเพื่อนกับเขาได้หรือไม่ ซึ่งนี่คือตอนที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในเรี่องนี้ แถมยังได้เห็นสภาพคนบ้านเขาในช่วงโควิดจริงๆ ว่าทำอะไรกันด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเรื่องจบไวแบบห้วนๆ ไปหน่อยเท่านั้น
ตอนสามคือหนุ่มที่พ่อแม่ปล่อยบ้านว่างไว้บนเขาสวยห่างไกลเมืองใหญ่ เขาอยากหาเงินไปเที่ยวขั้วโลกดูแสงเหนือ ก็เลยเอาบ้านนี้มาเปิด Airbnb รับแขกมาพักครั้งแรก ก่อนที่ฝ่ายหญิงที่มาพักพึ่งจะโดนแฟนนอกใจมา และเขายังรับเงินแฟนที่นอกใจของเธอเพื่อช่วยดูแลเทคแคร์ให้หายโกรธ แต่กลายเป็นว่าสุดท้ายเขากลับมาหลงรักเธอซะเอง ในตอนนี้ต้องบอกเลยว่าฉากทิวทัศน์ต่างๆ ในเรื่องสวยมากๆ สวยขนาดที่ว่าดูแล้วอยากไปเที่ยวอินเดียแบบนี้เลย ซึ่งมีขุนเขาสูงลิ่ว ทะเลหมอก ทะเลสาบบนเขา ภาพก็ถ่ายออกมาเป็นมุมกว้างกับมุมสูงเก็บความงามของโลเคชั่นในเรื่องได้กว้างไกล จนกลายเป็นตอนนี้ที่ฉากดูดีกว่าตัวเรื่องซะอีก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ เพราะประเด็นในเรื่องคือการพบรักจากพักใจก็ทำได้ดี และยังโยงไปถึงรีวิวใน Airbnb โดยตรงอีกด้วยจนมาเป็นชื่อตอน สุดยอดเจ้าของบ้าน ซึ่งก็คือเรื่องเล่าจากรีวิวของ Airbnb ที่หนังนำมาใช้ได้อย่างลงตัวเลย
ตอนสี่เป็นเรื่องแนวใหม่ของอินเดียเหมือนกัน เมื่อเล่นประเด็น LGTBQ โดยตัวเอกเป็นผู้หญิงสองคนในบริษัทโฆษณาที่เป็นเควียร์ สรรพนามเรียกเพศใหม่ที่ไม่ระบุตัวตนชัดว่าเป็นหญิงหญิงรักกันต้องเป็นเลสเบี้ยน เพราะทั้งคู่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้องเป็นหญิง แต่คือเควียร์ เอาว่าถ้าใครงงก็ไม่แปลก เพราะคำนี้มันครอบคลุมกว้างไกลไปหมด แต่ในเรื่องก็คือการที่ผู้หญิงคนหนึ่งเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเควียร์ และมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศมาก แต่ในขณะที่อีกคนไม่กล้าเปิดเผย คนในที่ทำงานไม่รู้ พยายามบอกอ้อมๆ ไปยังอีกคนก็ไม่ได้ผล นี่จึงเป็นความรักแบบอลเวงนิดๆ ของเควียร์ที่มีปัญหามากกว่าคนปกติรักกันซะอีก ซึ่งในอินเดียเองก็ไม่ได้เห็นสถานะหรือหนังแบบนี้บ่อย นับว่าเรื่องนี้เป็นความกล้าฉีกท้าทายเลยทีเดียว แต่ด้วยความเป็นหนังสั้นมันก็เลยไม่ได้มีอะไรมากนอกจากจูบกันเฉยๆ เท่านั้นครับ เรียกว่าพอได้อมยิ้มนิดๆ กับเรื่องราวในอีกมุมที่ต่างไปจากเพศปกติเท่านั้น
ตอนห้าเป็นเรื่องการพบกันของหนุ่มสาวในช่วงรอสัมภาษณ์งานเซลขายเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยฝ่ายชายเป็นหนุ่มบ้านนอกที่ไม่ค่อยรู้เรื่องในเมืองใหญ่นัก และก็ประหม่ากับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ส่วนฝ่ายหญิงคือผู้ช่ำชองในการสมัครงาน มีความมั่นใจตัวเองสูง ด้วยคำขอร้องของฝ่ายชายเธอจึงได้สอนเทคนิคในการสัมภาษณ์ให้ โดยการพาไปดูเซลขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในร้านจริงๆ ก่อนที่ความลับจะเผยออกมาว่าฝ่ายหญิงมีปมถูกแฟนทิ้งหนีไปเพราะหางานไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายการที่เธอช่วยเหลือเขาคนนี้ก็เหมือนการได้คลายปมในใจของเธอเอง เป็นตอนที่เหมือนจะไม่มีอะไรเพราะเป็นแค่ช่วงรอสัมภาษณ์งานสั้นๆ แต่หนังก็ทำออกมาได้เรียบง่าย ดูสนุก มีจุดพลิกอะไรนิดหน่อยๆ ในช่วงท้ายเพิ่มอีกแบบน่ารักพอตัวเลย
ตอนหก ตอนสุดท้ายของเรื่องที่เวลาสั้นกว่าเรื่องอื่น แล้วตัวเรื่องก็ไม่มีอะไรมากด้วยเป็นแค่เรื่องราวของผู้ชายที่นัดเดทกับสาวทางไกลครั้งแรก แต่ดันเจอสาวผู้รักความยุติธรรมพาไปประท้วงทางการอินเดียในม็อบ เขาจึงเหวอเลยว่าโดนหลอก ก่อนที่จะเกิดเหตุสลายม็อบต่อมาและโดนจับกุมด้วยไปด้วยกับแก๊งของเธอ โดยตำรวจเอาปล่อยไว้ที่ชายแดนห่างไกลให้เดินกลับเอง จนกลายเป็นระหว่างทางเดินกลับนั้นเองที่เขาก็ค่อยๆ พิสูจน์ตัวเองว่ามีดีอะไรหลายอย่างเหมือนกัน แม้จะไม่ใช่ในแนวเดียวกับที่เธอพยายามต่อสู้เพื่อโลก ตอนนี้ขายความแปลกด้วยการเป็นรักจากม็อบ อาจจะไม่มีอะไรมาก แต่ก็ไม่ขี้เหร่อะไรพอดูได้เฉยๆ ครับ
โดยรวมอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็เหมาะสำหรับการดูเพลินๆ สำหรับคนชอบหนังอินเดียเป็นหลัก แนะนำว่าลองดูตอน 2 กับ 3 ที่มีจุดขายมากสุดน่าจะโอเค แต่ตอนที่เหลือยังไงก็ได้ ถ้าชอบสองตอนที่ว่า ตอนอื่นก็ให้อารมณ์คล้ายๆ กันครับ
ติดตามรีวิวหนังอินเดีย Netflix เรื่องอื่นได้ที่นี่