playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Fresh (Disney+) สยองขวัญหรรษากับวงการอาหารเนื้อมนุษย์

สรุป

หนังสยองขวัญที่พล็อตไม่ได้แปลกใหม่ แต่มีจุดขายที่น่าสนใจในเรื่องการชำแหละแจกแจงวงการค้าเนื้อ (สด) มนุษย์  ออกแนวความบันเทิงสยองขวัญแหวะแบบมีสไตล์แตกต่างจากทั่วไป คล้ายๆ ฮันนิบาลเล็คเตอร์ในอีกเวอร์ชั่น แต่น่าเสียดายที่ตอนท้ายกลับทิ้งเรื่องราวส่วนนี้ไปเฉยๆ กลายเป็นหนังสยองขวัญที่จบแบบดาษดื่นทั่วไปมาก

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เรื่องราววงการอาชีพค้าเนื้อมนุษย์ที่วิปริตแบบหรูหรามีสไตล์ดี
  • นางเอกมีเสน่ห์แบบบ้านๆ เข้ากับบทดี
  • เป็นแนวพลังหญิงช่วยหญิงตบหน้าผู้ชาย
  • ตัวร้ายที่มีเสน่ห์ (นักแสดงจากบทบัคกี้ในกับตันอเมริกา)

Cons

  • จบแบบตัดเรื่องราวค้าเนื้อไปเฉยๆ
  • การกระทำของตัวละครในฉากไล่ล่าดูไม่สมเหตุผล
  • ไม่มีพากย์ไทย

ADBRO

Fresh หนังสยองขวัญของค่ายฟ็อกเสิร์ชไลน์ที่ถูกดิสนีย์ซื้อไปรวมและมาลงใน Disney+ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของสาวโสดที่หลงเสน่ห์หนุ่มแปลกหน้า แต่กลายเป็นว่าเขาคือฆาตกรมืออาชีพที่หลงไหลในการกินเนื้อมนุษย์

 Fresh (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

รีวิว Fresh

*รีวิวมีส่วนเนื้อหาหลักของเรื่อง แต่ไม่ได้สปอยล์จุดจบของเรื่อง

หนังสยองขวัญที่มาในสไตล์เรียบหรูดูมีเสน่ห์เย้ายวนแบบฮันนิบาลเล็คเตอร์เวอร์ชั่นหนุ่มหล่อ โดยได้ Sebastian Stan นักแสดงจากบทบัคกี้ในกับตันอเมริกามาเล่นเป็นตัวร้ายหลักในเรื่องนี้ ซึ่งพล็อตแนวหลอกไปเชือดหลอกไปฆ่าอะไรนี่คงไม่แปลกใหม่สักเท่าไหร่แล้ว หนังโหดสยองขวัญใช้กันมาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว แต่สิ่งที่เรื่องนี้แตกต่างออกไปหน่อยคือการสร้างที่มาที่ไปของฆาตกรให้เป็นมืออาชีพด้านการชำแหละเนื้อคนมากกว่า ซึ่งในกรณีของฮันนิบาลหรืออื่นๆ ก็ออกแนวโรคจิตชอบสะสมคอลเลคชั่นกันตามปกติ แต่กับเรื่องนี้คือนอกจากจะเป็นพวกโรคจิตนักสะสมอะไรแบบนี้แล้วก็ยังเป็นอาชีพทำมาหากินในวงการค้าเนื้อมนุษย์ ซึ่งตัวเรื่องได้วางที่มาเส้นทางแรงจูงใจต่างๆ ในการทำอาชีพนี้ครบ เป็นจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีอะไรที่แตกต่างน่าสนใจไปกว่าในแนวเดียวกันค่อนข้างมาก และเป็นจุดขายที่สามารถต่อยอดเรื่องราวไปได้อีกมากมายด้วย ในกรณีที่คิดจะทำภาคต่อๆ ไปอีก

ตัวเรื่องสร้างบทของสตีฟ หมอผ่าตัดที่กลายมาเป็นนักค้าเนื้อมนุษย์ในคราบหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ที่มองหาหญิงสาวโสดไม่มีพันธะกับครอบครัวมาเป็นเหยื่อ โดยนางเอกโนอา ที่รับบท Daisy Edgar-Jones สาวโสดที่สวยระดับหนึ่ง แต่มีปัญหาในการหาแฟนก็มาตกหลุมรักเข้ากับเขาอย่างจังจากการพบกันในมาเก็ต ก่อนจะนัดดินเนอร์กันมื้อเดียวแล้วก็หลงไหลมีอะไรกับเขาในคืนนั้นทันที ซึ่งเรื่องช่วงครึ่งชั่วโมงแรกจะดำเนินไปเหมือนหนังรักป๊อปปี้เลิฟที่ดูสวยงามหน่อย แต่คนดูก็รู้แหละว่ามันมีอะไรไม่ปกติในตัวชายคนนี้ ซึ่งหนังก็ไม่ได้รีรออะไรมากรีบเข้าเรื่องเลยว่าเขานำเธอมากักขังในเซฟเฮาส์เชือดส่วนตัวได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องสยองขวัญบันเทิงจะเริ่มจากจุดนี้

ตัวเรื่องให้โนอาค่อยๆ ได้รับรู้ว่าสตีฟเป็นใครผ่านการพูดคุยกับเขาและกับเพื่อนข้างห้องที่ถูกขังด้วยกันมานาน ซึ่งระหว่างนั้นเองความวิปริตของสตีฟก็ค่อยๆ ออกมาให้เห็นทีละฉากผ่านการชำแหละเนื้อคนส่งขาย การทำเมนูอาหารชั้นยอดที่เจ้าตัวภูมิใจนำเสนอ ตัวเรื่องทำส่วนนี้ออกมาให้ดูดีมีเสน่ห์ ใช้การจัดแสงโทนสีแดงเข้ามาประกอบฉากให้เข้ากับธีมเรื่องที่ต้องใช้เนื้อสดแดงๆ ได้อารมณ์เข้ากับเรื่องมาก ฉากสยองไม่ได้เน้นแหวะๆ แบบหนังแนวนี้ แต่มาในแบบโลกเฉพาะตัวของวงการอาหารจากเนื้อมนุษย์ ซึ่งตรงนี้ก็มีชุมชนที่สนใจกินเนื้อมนุษย์กันอยู่จริงๆ ตัวบทจึงเอาจุดนี้มาขยายให้กลายเป็นภาพธุรกิจอาหารรสเลิศที่สุดแบบที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ขึ้นมา แล้วสตีฟคือผู้สนองจัดหาวัตถุดิบเหล่านี้ส่งไปขายนั่นเอง ซึ่งเรื่องถูกเล่าแบบโรคจิตๆ มาก แล้วก็เริ่มคุกคามตัวนางเอกมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการจะเอาชีวิตรอดจากการถูกขังล่ามโซ่ไว้ในห้องได้ ก็มีเพียงทางเดียวคือการใช้เสน่ห์ของเธอหลอกล่อเขาให้สำเร็จ ตัวเรื่องจึงเป็นเกมการใช้เสน่ห์กลับจากตอนต้นเรื่อง โดยตัวนางเอกเองก็ต้องทำให้เขาเชื่อให้ได้ว่าเธอก็โรคจิตไม่แพ้กัน ซึ่งนี่คือจุดที่เรื่องทำออกมาสนุกแล้วก็ลุ้นมากว่านางเอกจะถลำลึกเข้าไปแค่ไหนถึงกลายเป็นคนพิเศษของสตีฟได้สำเร็จ

นอกจากนี้เรื่องของสองคนนี้ตัวเรื่องมีความเก๋นิดๆ ที่ให้ตัวละครรองอย่างเพื่อนเพียงคนเดียวโนอามาตามหา โดยมีเบาะแสแค่บาร์เทนเดอร์ที่ชงเหล้าให้ทั้งคู่ในคืนเดตวันนั้น ซึ่งบทส่วนนี้ถูกวางไว้เพื่อบอกเล่าชีวิตอีกด้านของสตีฟเพิ่มขึ้นในแบบที่นอกเหนือความคาดหมาย แล้วก็ยังให้บาร์เทนเดอร์คนนั้นกลายมาเป็นตัวละครรองที่มีบทบาทเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้เพิ่มมาอีก แต่น่าเสียดายที่ว่าบทนี้ต้องการแค่เอามากวนๆ ตบหน้าผู้ชายเท่านั้น คงเพราะเรื่องนี้คือตัวเอกทั้งหมดคือผู้หญิง ผู้กำกับก็ผู้หญิง หนังจึงต้องการแสดงพลังของผู้หญิงโดยไม่ต้องพึ่งผู้ชายเข้ามาช่วย บทของผู้ชายที่ใส่เข้ามาเลยกลายเป็นโจ๊กตลกที่หลอกตบหน้าคนในตอนท้ายเท่านั้น

 

หลายอย่างเรื่องนี้เหมือนคิดมาดีแล้ว ตัวเรื่องเดินได้สนุก ความแหวะก็กำลังดี แต่กลับมีปัญหาตรงการทิ้งเอกลักษณ์เรื่องราวตรงจุดนี้ไปในภายหลัง ซึ่งบทหนังช่วงหลังกลายเป็นหนังต่อสู้เอาชีวิตรอดของเหยื่อกับผู้ล่ากันตามปกติ ไม่มีเรื่องราวของวงการค้าเนื้อมนษย์มาเกี่ยวเลย แม้เรื่องจะพยายามเปิดตัวละครอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสตีฟให้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำคนเดียว แต่บทในส่วนนี้กลับเอามาใช้ทื่อๆ แล้วก็ตัดทิ้งหายไปเฉยๆ ไปโผล่เอาตอนท้ายเอนด์เครดิตให้เห็นนิดเดียว เป็นการปูเรื่องราวพื้นฐานวงการนี้มาดีทั้งเรื่องและยังเล่าต่อยอดได้อีกมากมาย แต่กลับจบแบบทิ้งไปซะเฉยๆ น่าเสียดายและทำให้คลาสของหนังตกลงไปมาก กลายเป็นหนังสยองขวัญธรรมดาแบบที่ไม่มีอะไรน่าจดจำแบบตอนแรกเลย

จุดด้อยอีกอย่างคือหลายครั้งในเรื่องนี้โดยเฉพาะช่วงหลังที่มีฉากไล่ล่าสู้กลับของเหยื่อ ตัวหนังทำมาเหมือนตั้งใจให้ตัวละครดูโง่เกินจริง คือแทบจะเป็นการสร้างฉากมาเพื่อให้ดูเป็นฉากไล่ล่า แต่มันกลับไม่สมเหตุผลเลยเมื่อมีโอกาสจัดการ แต่กลับปล่อยไว้เรื่อยๆ ให้หนีๆ สู้ๆ กันไปเพื่อให้มีฉากแบบนี้เกิดขึ้นมาเท่านั้น

แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นหนังที่ทำออกมาน่าสนใจ และยิ่งหาดูได้ยากในดิสนีย์+ ด้วย ก็แนะนำเลยว่าใครที่ชอบแนวสยองขวัญใหม่ๆ ไม่ควรพลาดครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!