รีวิว From Me to You ฝากใจไปถึงเธอ ซีรีส์โลกสวยแสนสดใสที่ตกหัวใจคนดูได้ง่ายๆ

ซีรีส์ From Me to You ฝากใจไปถึงเธอ ซีรีส์ญี่ปุ่น 12 ตอนจบมีพากย์ไทย เป็นผลงานผลิตร่วมระหว่าง TV Tokyo กับ Netflix สร้างมาจากผลงานมังงะยอดฮิต Kimi ni Todoke ของนักเขียน คารุโฮะ ชิอินะ ซึ่งลงเล่มเป็นตอนๆ ในนิตยสาร Bessatsu Margaret ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชูเอชะ ตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2017 และได้รับรางวัล Shojo Manga สาขาการ์ตูนยอดเยี่ยมมาก่อน

เรื่องราวของ ซาวาโกะ คุโรนุมะ สาวมัธยมปลายปีหนึ่งเข้ากับเพื่อนในห้องไม่ค่อยได้ จนโดนล้อด้วยฉายา “ซาดาโกะ” เพราะผมดำยาวและผิวขาวซีด เหมือนซาดาโกะในหนังเดอะริง ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเธอจึงโดดเดี่ยว จนกระทั่งได้พบกับโคตะ คาเซฮายะ เด็กหนุ่มที่เข้ามาคุยด้วยและไม่สนใจเรื่องข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญเขาเป็นหนุ่มที่ป็อปที่สุดในชั้นเพราะบุคลิกแสนร่าเริงที่ใครๆ ก็ชอบ หลังจากได้คุยกับโคตะ ซาวาโกะก็เริ่มเปิดใจกับเพื่อนคนอื่นๆ ในชั้น และความรู้สึกที่เธอมีต่อโคตะก็เริ่มเปลี่ยนไปท่ามกลางบรรยากาศการเรียนในโรงเรียนที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด

รีวิว ซีรีส์ From Me to You ฝากใจไปถึงเธอ

ซีรีส์ญี่ปุ่นที่เคยทำมาก่อนเป็นอนิเมะของเน็ตฟลิกซ์ และยังมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์ด้วย ซึ่งก็เหลือแค่ซีรีส์คนแสดงเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำออกมา นี่จึงเป็นการขายผลงานที่การันตีไว้แล้วว่าดีแน่นอน ซึ่งผู้เขียนเองไม่เคยผ่านผลงานก่อนนี้มาเลย ทั้งๆ ที่ก็เป็นคนอ่านการ์ตูนมากมาย รวมถึงการ์ตูนผู้หญิงบางเรื่องด้วย อย่างหน้ากากแก้ว คำสาปฟาโรห์ แต่เรื่องนี้สารภาพว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หลังได้รับชมก็เข้าใจแล้วที่มีผู้ชายแท้ๆ ให้ข้อมูลว่านี่เป็นการ์ตูนผู้หญิงที่ผู้ชายดูแล้วติดชุ่มชื่นหัวใจด้วยแน่นอน เรียกว่าโดนตกได้ไม่ยากจริงๆ ครับ

สิ่งที่ตกผู้ชายให้ชอบเรื่องนี้ได้เลยหลักๆ ก็เป็นตัวนางเอกที่แม้จะไม่สวยหวานมาก แต่ก็มีเสน่ห์จากบุคลิกท่าทางความคิดซื่อบริสุทธิ์แบบเกิน 100% เรียกว่าไม่เคยเห็นเรื่องไหนสร้างนางเอกที่แสนซื่อขนาดนี้มาก่อนแน่ๆ ถ้าใครเคยดูซีรีส์หรือมังงะญี่ปุ่น Liar Game ว่านางเอกนั่นซื่อแล้วนะ เธอคนนี้ซื่อแบบชนะขาดเข้าไปอีก ซึ่งความซื่อของเธอนั้นตรงข้ามรูปลักษณ์ของเธอที่ผู้เขียนมังงะตั้งใจให้คล้ายผีซาดาโกะจากเดอะริง ทำให้กลายเป็นเสน่ห์ที่ภายนอกดูน่ากลัว แต่พอได้สัมผัสเธอกลับเป็นสาวน้อยแสนดีที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร แม้เธอจะถูกปองร้ายมาแบบไหน อย่างนางอิจฉาตัวร้ายของเรื่องที่พยายามใส่ร้ายปล่อยข่าวลือเธอก็กลับแพ้ความซื่อบริสุทธิ์ใสๆ ของนางเอกไปเอง ซึ่งเป็นมุกตลกจุดขายของเรื่องที่คนจะขำทันทีกับความซื่อของนางเอกที่ชนะได้ทุกสิ่ง เหมือนเป็นเกราะป้องกันตัวจากสิ่งร้ายๆ ในเรื่องนี้ได้หมดสิ้น ซึ่งใครดูแล้วไม่รักตัวละครนี้ก็คงใจแข็งมากครับ

นอกจากนี้แล้วการสร้างคาแรกเตอร์พระเอกที่ป็อบในโรงเรียน สดใสร่าเริง ปิ๊งชอบนางเอกหลังจากยื่นมือเข้าไปดึงเธอออกมาจากความเหงาโดดเดี่ยวที่ผู้อื่นสร้างภาพลักษณ์ผิดๆ ให้เธอ ก็เป็นอะไรที่หวานแหว๋วโรแมนติกมากๆ แต่ตัวเรื่องไม่ได้สร้างให้พระเอกดีพร้อม แต่เป็นคนที่ขี้หึงแล้วก็มักคิดไปเองนำหน้าเรื่องราวจริงๆ รวมกับตัวนางเอกที่ชอบคิดมากกับทุกอย่าง โดนเสี้ยมให้เข้าใจไปเองง่ายๆ ก็กลายเป็นมุกที่ทำให้เวลาทั้งคู่มีจังหวะโรแมนติกแบบดูแล้วจะได้บอกรักกันแน่ๆ แต่ก็กลายเป็นผิดเพี้ยน ผิดแผน ผิดใจกันตลอดเรื่อง ทำให้ผู้ชมแบบลุ้นมากว่าทำไมไม่ลงเอยกันสักที ทั้งๆ ที่ขนาดบอกรักกันแล้วก็ยังกลายเป็นเรื่องราวดราม่ากันได้ ซึ่งการดำเนินเรื่องแบบนี้แหละที่ทำให้เรื่องนี้มีเสน่ห์แบบที่ใครดูก็ต้องหลงติดงอมแงมได้ไม่ยากแน่นอน 

ส่วนของตัวละครสบทบในเรื่องก็มีส่วนช่วยสร้างโลกนี้ให้สวยงาม ทุกคนเป็นคนดี ตัวละครทุกตัวแม้จะเคยทำไม่ดีกับนางเอก แต่ต่อมาก็จะกลายเป็นคนดีหมด ทั้งเพื่อนสนิทสองสาวที่มีซับพล็อตคู่ของตัวเองให้ลุ้นได้เช่นกัน หรือตัวร้ายที่โผล่มาว่าไม่ดี แต่จริงๆ ก็เป็นแค่การพยายามทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เป็นร้ายแบบรังแกหรือบูลลี่นางเอกแบบร้ายๆ ซึ่งการสร้างให้โลกในเรื่องมีแต่เรื่องสวยงามของชีวิตนักเรียน ม.ปลายใสๆ ก็ช่วยทำให้เรื่องทั้งหมดดูเพลินๆ ฟีลกู๊ดได้ไม่มีเครียดแม้แต่น้อย แม้บางช่วงจะสร้างดราม่าให้อารมณ์ของเรื่องดิ่งลงบ้าง แต่แปบเดียวก็พาผู้ชมกลับมาสดใสร่าเริงได้ง่ายๆ อีกครั้ง และก็มักจะหาทางออกให้เรื่องแบบเป็นไปตามธรรมชาติได้ค่อนข้างดี ไม่ขัดใจหรือประดิษฐ์อะไรมากด้วย

แต่กระนั้นด้วยความที่เรื่องเน้นโลกสวยก็เป็นจุดด้อยของเรื่องด้วยถ้าคนดูไม่ใช่สายจิ้นชอบอะไรแบบนี้นัก และครึ่งแรกด้วยความที่ตัวพระเอกนางเอกยังเล่นบทจีบกันแบบเหนียมๆ เผยความในใจกันไม่ได้สักที ด้วยคาแรกเตอร์ที่แปลกทั้งคู่ทำให้เรื่องดูสนุกแปลกใหม่มาก แต่พอครึ่งหลังที่เรื่องราวหัวใจของทั้งคู่จบลงแล้ว พาร์ที่เหลือก็เลยเป็นการเล่าถึงตัวรองคู่อื่นๆ กับการเล่าถึงชีวิตช่วง ม.ปลาย ที่ต้องตัดสินใจหาเส้นทางไปต่อในอนาคตว่าจะต่อมหาวิทยาลัยหรือทำในสิ่งที่ชอบเลย ซึ่งเรื่องพวกนี้ดูเป็นแนวการใช้ชีวิตวัยรุ่นธรรมดามากไปหน่อย แล้วเรื่องก็ยังคงดำเนินไปแบบเรียบๆ มีดราม่าพอกล้อมแกล้มนิดๆ ก็เลยรู้สึกว่าครึ่งหลังไม่ได้ดูสนุกอะไรมาก แบบไม่ดูเลยก็ได้หลังจากจบครึ่งแรกในตอน 7 แล้วครับ

โดยรวมนี่คือซีรีส์วัยรุ่นใสซื่อบริสุทธิ์ดูแล้วอิ่มเอมไปกับความรักได้ไม่ยาก แนะนำเลยว่าต้องทดลองดู อาจจะไม่ถึงกับดีมากเพราะตัวเรื่องมีโทนเดียวคือ “โลกสวย+รักสดใส” แต่ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้มีดีแบบใครที่ชอบก็ต้องเทใจให้มากกว่าจะมาสนใจคะแนนรีวิวแน่นอนครับ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่