playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว GG Precinct ภาคต่อ Marry My Dead Body แต่งงานกับผี ที่ยังคงสนุกแบบเดิมได้อยู่

Summary

ภาคต่อของหนังดังไต้หวันที่เป็นปรากฏการณ์ Marry My Dead Body แต่งงานกับผี ในปี 2023 ทีมงานเดิมกลับมาครบได้ทุนเน็ตฟลิกซ์มาทำซีรีส์ที่ไม่ใช่งานเผาแม้แต่น้อย ยังคงจับประเด็นร่วมสมัยเล็กๆ มาสานต่อให้เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องใหญ่โตได้ดี โดยมีโครงเรื่องที่ล้อเลียน  The Silence of the Lambs อย่างจงใจหลายฉาก แต่ก็มาในมุมของฮันนิบาลเล็กเตอร์เอเชียได้เข้าท่ากับคดีฆาตกรรมจากสำนวนโบราณที่ถูกคนรุ่นใหม่ละเลย และยังมีมุกตลกที่ขยันยิงมาเป็นชุดแจกไม่หยุดให้ได้ฮาตั้งแต่ต้นยันเอนด์เครดิต แต่ความซึ้งสะเทือนใจมากๆ อาจจะหายไปไม่เหมือนภาคแรกเท่านั้นครับ (แนะนำว่ายังไงต้องดูหนังก่อนเพราะเรื่องราวต่อกันครับ) 

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ภาคต่อของ Marry My Dead Body แต่งงานกับผี
  • ล้อเลียน  The Silence of the Lambs ในแบบเอเชีย
  • พาร์ทสืบสวนลึกซับซ้อน
  • มุกตลกฮาจริงยิงกันไม่หยุด
  • พัฒนาตัวละครเก่ากับเพิ่มตัวละครใหม่
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • มีฉากที่เหนือจริงมากจนไม่สมเหตุผลอยู่ 2 ฉาก (แต่ก็มีมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว)
  • ไม่มีดราม่าขยี้ซึ้งๆ แบบภาคแรก
  • การแปลสำนวนจีนมาเป็นไทยยังไม่ดีพอทั้งพากย์กับซับไตเติล

GG Precinct คดีป่วนเขตเจิ้งกัง ซีรีส์ไต้หวัน Original Netflix แนวสืบสวนตลก 6 ตอน ภาคต่อของหนังดัง ‘แต่งงานกับผี’ เมื่อกลุ่มตำรวจบ๊องๆ นั้นต้องมาเจอกับฆาตกรที่ฆ่าคนตามสำนวนโบราณ โดยต้องไปหวังพึ่งฆาตกรชื่อดังเมื่อ 20 ปีก่อนในคุกที่อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีใหม่ในครั้งนี้ก็เป็นได้

 

รีวิว Marry My Dead Body แต่งงานกับผี

รีวิว Marry My Dead Body แต่งงานกับผี หนังเกย์นิดๆ ที่อัดแน่นประเด็นร่วมสมัยได้อย่างดีงามลงตัวมาก

 

ตัวอย่าง GG Precinct คดีป่วนเขตเจิ้งกัง

รีวิว GG Precinct คดีป่วนเขตเจิ้งกัง (ไม่สปอยล์)

ต้องเท้าความก่อนว่านี่เป็นซีรีส์ที่ทำต่อจากตอนจบของหนังดัง Marry My Dead Body แต่งงานกับผี ที่ทำเงินอันดับ 1 ไต้หวันปี 2023 โดยเน็ตฟลิกซ์ซื้อมาแปะป้ายเป็นของตัวเอง แล้วก็รันเรื่องราวต่อจากตอนจบของหนังเลย โดยที่เน็ตฟลิกซ์ก็ดันไม่โปรโมทเลยว่านี่คือภาคต่อ ถ้าผู้ชมเปิดดูซีรีส์มาก่อนจะมีความงงเล็กๆ เพราะตัวละครกลุ่มนี้เปิดตัวมาแบบไม่อธิบายอะไรเลย เพราะหนังเล่าไปค่อนข้างเยอะแล้ว และเรื่องในภาคนี้ก็มีการฉลยปมหลังของนางเอกเพิ่มอีก ซึ่งภาคแรกยังเคลียร์ไม่หมด รวมถึงภาคแรกเป็นแนวเหนือจริงมีผีเกย์หนุ่มน่ารักๆ มาเกาะแกะพระเอก ในขณะที่ภาคนี้ไม่มีผี แต่ก็มีความเหนือจริงในบางฉากอยู่ อย่างพระเอกที่มักโดนอุบัติเหตุระหว่างจับผู้ร้ายหนักๆ แล้วไม่ตายสักที ถ้าไม่ได้ดูหนังมาก่อนก็อาจจะงงกับความเหนือจริงจนไม่สมเหตุผลของเรื่องนี้ได้ครับ แนะนำต้องดูก่อนจริงๆ รับรองซึ้งเกินคาดครับ


ด้วยความที่เป็นภาคต่อจากหนังมาเป็นซีรีส์ก็อาจจะกังขาหน่อยว่ามันอาจะเป็นงานเผาหากินของเน็ตฟลิกซ์หรือเปล่า แต่ปรากฏว่าทั้งผู้กำกับ เขียนบท และนักแสดงทีมเดิมหมด ทุกคนเหมือนอยากสร้างก๊วนตำรวจนี้ให้เป็นแฟรนไชนส์ใหม่ของเน็ตฟลิกซ์จริงๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ภาคต่อแบบเดียวกับหนังที่ยาว สนุก และอัดแน่นด้วยประเด็นร่วมสมัยหลายๆ อย่างแบบเดียวกับที่หนังเคยทำไว้ โดยมีโครงเรื่องที่ตั้งใจล้อเลียนและใช้ประโยชน์จากหนังตำนาน The Silence of the Lambs ต้นกำเนิดฮันนิบาลเล็คเตอร์นั่นด้วย แต่คราวนี้มาในแบบจีนไต้หวันซึ่งคมคายไปอีกแบบ โดยไม่รู้สึกว่านี่เป็นงานลอกเลียนอะไรครับ 

 

สิ่งที่ยังคงไว้อย่างดีเยี่ยมมากๆ คือหนังยังคงตลกฮาไม่หยุด ยิงมุกตลกกันกระจายตั้งแต่เปิดเรื่องยันเอนเครดิต หนังตลกไต้หวันก็จริงแต่มุกหลายๆ อย่างก็คือคนเอเชียด้วยกันขำได้แน่นอน อย่างพวกมุกไรเดอร์กวนทีนทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ยัดประเด็นความลำบากของอาชีพไรเดอร์มาเต็มๆ เหมือนเจาะลึกความกดดันของไรเดอร์มาแปลงเป็นมุกตลกที่ฮาได้หน้าตาเฉย อย่างสั่งอาหารตอนฝนตก บอกจะรีวิวแล้วไม่รีวิวให้ ฯลฯ หรือมุกตลกที่ล้อเลียนฉากใน The Silence of the Lambs อย่างจงใจหลายฉาก แต่ใช้เรื่องราวเอเชียมาทำให้ฮาจนเหมือนเป็น Scary Movie ยำหนังจี้ได้เลยครับ

แต่สิ่งที่ต้องยกย่องคือเรื่องทำออกมาตลกโดยยังคงแนวสืบสวนเข้มๆ ดาร์คๆ ไว้ได้ไม่มีตกหล่นเลย โดยคดีในภาคนี้คือ ‘ฆาตกรสำนวน’ คือการฆ่าโดยจัดวางศพแบบโหดๆ ให้สื่อถึงสำนวนคนรุ่นเก่า โดยมีสาเหตุว่าเหยื่อพวกนี้ใช้สำนวนสะกดคำผิด ซึ่งตรงนี้คือสำนวนจีนโบราณที่เป็นตัวอักษรจีน แล้วทางคนแปลกับพากย์ต้องมาแปลงให้เป็นสำนวนไทยในความหมายเดียวกัน ซึ่งยากไม่ใช่เล่นเลย แล้วทั้งพากย์กับซับใช้ประโยคไม่ตรงกันอีก ผู้เขียนแนะนำว่าพอๆ กันดูอันไหนก็ได้ แต่แค่ให้เข้าใจเจตนาของต้นฉบับเท่านั้นก็พอ ซึ่งก็ไม่ยากเกินไปนัก แล้วเรื่องก็เล่นกับการหาคนร้ายผ่านสำนวนที่ตำรวจแก๊งนี้ก็รู้กันอยู่ว่าโง่อ๊องๆ บ๊องๆ ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว เลยทำให้ต้องไปพึ่งฆาตกรอีกคนในคุกแบบฮันนิบาลเล็กเเตอร์ แล้วก็กลายเป็นคดีฆาตกรรมที่ลึกลงไปเรื่อยๆ ขนาดที่เฉลยตัวคนร้ายแล้วก็ยังมีการขุดลึกลงไปได้อีกว่าคนร้ายเองก็ผิดพลาดอะไรไป ซึ่งเรื่องก็สะท้อนปัญหาที่ดูเล็กๆ ว่าแค่สะกดผิดจะเป็นไรไปทำให้กลายมาเป็นคดีที่ใหญ่โตเกินคาดมากครับ

นอกจากนี้แล้วเรื่องก็ยังเดินหน้าสานสัมพันธ์ตัวละครในก๊วนนี้ให้ลึกขึ้น อย่างพระเอกกับนางเอกที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็มีจุดที่เห็นใจกันมากขึ้น หัวหน้าก๊วนได้เลื่อนขั้นขึ้นไปแต่ยังปกครองลูกน้องไม่ได้เหมือนเดิม ไม่รู้จะเข้าข้างไหนเพราะก็โดนลูกน้องเคืองทั้งคู่ แล้วก็มีตัวละครใหม่ๆ ปรากฏตัวเข้ามาในทีมนี้ที่แต่ละคนกวนโอ๊ยมาก อย่าง ตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวเข้าแก๊งค้ายาจนติดยาเองแล้วเหมือนคนติดยาในสถานีตำรวจ มีตัวละครนิติเวชหนุ่มที่มีปัญหาพูดติดอ่างแถมยังเป็นพวกโอตาคุหมกหมุ่นวงการไอดอลญี่ปุ่น ตำรวจสาวรุ่นน้องเข้ามาใหม่ที่บ้าวิเคราะห์พฤติกรรมคนอื่นเป็นแนวประเภทคนตามหลัก MBTI Personalities ผสมกับที่ FBI ใช้แบ่งประเภทฆาตกรอย่างหมกหมุ่น ซึ่งเธอยิงมุกนี้ฮาซ้ำได้เรื่อยๆ และสร้างสีสันจนเด่นขึ้นมาเท่าๆ กับตัวละครจากภาคแรกเลยครับ

 

ซีรีส์มีเพียงแค่ 6 ตอนไม่ยาวมาก แต่ก็จบแบบทิ้งเรื่องขยายโลกต่อไปอีก ซึ่งคาดว่าผู้สร้างน่าจะเตรียมทำต่อกันอยู่แล้วครับ และก็น่าติดตามมากว่าเรื่องนี้จะกาวไปได้ถึงไหนพร้อมกับประเด็นปัญหาร่วมสมัยแบบไหนอีกครับ 

สรุป ภาคต่อของหนังดังไต้หวันที่เป็นปรากฏการณ์ Marry My Dead Body แต่งงานกับผี ในปี 2023 ทีมงานเดิมกลับมาครบได้ทุนเน็ตฟลิกซ์มาทำซีรีส์ที่ไม่ใช่งานเผาแม้แต่น้อย ยังคงจับประเด็นร่วมสมัยเล็กๆ มาสานต่อให้เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องใหญ่โตได้ดี โดยมีโครงเรื่องที่ล้อเลียน  The Silence of the Lambs อย่างจงใจหลายฉาก แต่ก็มาในมุมของฮันนิบาลเล็กเตอร์เอเชียได้เข้าท่ากับคดีฆาตกรรมจากสำนวนโบราณที่ถูกคนรุ่นใหม่ละเลย และยังมีมุกตลกที่ขยันยิงมาเป็นชุดแจกไม่หยุดให้ได้ฮาตั้งแต่ต้นยันเอนด์เครดิต แต่ความซึ้งสะเทือนใจมากๆ อาจจะหายไปไม่เหมือนภาคแรกเท่านั้นครับ (แนะนำว่ายังไงต้องดูหนังก่อนเพราะเรื่องราวต่อกันครับ) 

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!