รีวิว God’s Crooked Lines พล็อตแนว Shutter island แต่สนุกเหนือชั้นฉีกไปได้อีก (ไม่มีสปอยล์)
God's Crooked Lines
Summary
หนังที่พล็อตเหมือนแนวชัตเตอร์ไอซ์แลนด์ แต่ฉีกเรื่องราวแตกแขนงออกไปได้มากกว่า สนุกแบบเหนือชั้นด้วยเรื่องราวซ้อนกันหลายตลบ และขุดหลุมหลอกล่อให้ผู้ชมตกลงไปได้อย่างชาญฉลาด แถมจบแบบลุ้นระทึกกันจนวินาทีสุดท้ายกันเลยทีเดียว ใครชอบหนังบทฉลาดๆ นี่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- พล็อตสืบสวนในโรงพยาบาลบ้าเหมือนแนวชัตเตอร์ไอซ์แลนด์
- ซับซ้อนหลอกล่อผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด
- แฝงดราม่าความสัมพันธ์ตัวละครต่างๆ ในเรื่องได้ดี
- นักแสดงเล่นได้สมบทบาทมาก
Cons
- ความยาวของเรื่องถึง 2 ชั่วโมงครึ่งอาจจะดูนานมากไป
- แฟลชแบ็คถี่จนอาจจะดูรำคาญอยู่บ้าง (แต่เรื่องมีเหตุผลเฉลยตอนหลัง)
God’s Crooked Lines เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า ชื่อสเปน Los renglones torcidos de Dios หนัง Original Netflix แนวดราม่าจิตวิทยา ของ Oriol Paulo ผู้กำกับและเขียนบท The Invisible Guest หนังดังสุดยอดหักมุมที่รีเมคไปหลายชาติมากใน Netflix มาคราวนี้เขาหยิบนิยายดังมาทำ เรื่องราวของหญิงสาวที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ้า แต่เธอกลับเป็นนักสืบที่เข้ามาสืบหาคดีการตายปริศนาของผู้ป่วยรายหนึ่งในโรงพยาบาลแห่งนี้แบบลับๆ แต่นั่นคือความจริงหรือไม่?
รีวิว God’s Crooked Lines (ไม่มีสปอยล์)
ถ้าคุณเคยดู Shutter island มา นี่คือพล็อตแนวเดียวกันเลยเรื่องของการสืบหาความจริงในโรงพยาบาลบ้า หรือสถานกักตัวผู้ป่วยจิตเวช แต่สิ่งที่เรื่องนี้ทำไม่ใช่การลอกไอเดียมาแต่อย่างใด เอาว่าแค่พล็อตคล้าย แต่การดำเนินเรื่องราวแตกแขนงไปไกลกว่า ซับซ้อนกว่า แต่ดูง่ายกว่า งงน้อยกว่า ซึ่งหนังจากสเปนเรามักเห็นแนวการเขียนบทที่ดีๆ แบบนี้อยู่แล้ว อย่างที่หลายคนอาจจะติดใจจาก The Invisible Guest ของผู้กำกับคนเดียวกันนี้เอง ซึ่งผู้เขียนไม่ค่อยชอบตอนจบที่มันเว่อร์ไปหน่อย แต่กับเรื่องนี้คือผลงานที่ไม่เวอร์ และก็ลงตัวมากกว่าในหลายด้านเลย
แน่นอนว่าด้วยพล็อตมันคือแนวชัตเตอร์ไอซ์แลนด์ที่คนดูต้องสงสัยตั้งแต่นาทีแรกเปิดเรื่อง เมื่อบทสนทนาทดสอบจิตวิทยาผู้ป่วยที่เป็นนางเอกในเรื่องเดินทางมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ้า แต่บอกว่าตัวเอง “ถูกลักพาตัวมาแบบถูกกฎหมาย” พร้อมเรื่องราวที่เล่าแบบน่าเชื่อถือว่าทำไมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ซึ่งแค่เปิดเรื่องก็สามารถดึงให้ผู้ชมคิดตามได้ทันทีว่าเรื่องนี้อะไรจริงหรือเท็จกันแน่ และบทก็เหมือนรู้เลยว่าผู้ชมต้องพยายามเดาอะไรบางอย่างแล้วคิดว่าตัวเองถูก แต่จริงๆ คือถูกผู้สร้างขีดเส้นวางไลน์ให้ตกหลุมพรางเรื่องเป็นสเต็ปๆ แบบถึงรู้ตัวว่าอาจจะโดนหลอก แต่ก็ยังต้องเชื่อกับเส้นเรื่องที่วางไว้จนได้แน่ๆ รับประกันเลย
และในเรื่องยังมีความฉีกกว่าชัตเตอร์ไอซ์แลนด์ ด้วยเส้นเรื่องการสืบสวนหาความจริงของคดีฆาตกรรมในโรงพยาบาลบ้า ที่นางเอกค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวแบบนักสืบก่อนที่เรื่องจะฉีกออกไปนอกกรอบคดีที่สืบได้อย่างน่าทึ่งในช่วงกลางเรื่อง และก็ยังสร้างความทึ่งต่อเนื่องได้อีกหลายชั้นไปจนกระทั่งจบเลย
ตัวเรื่องยังซ้อนเส้นเรื่องอีกชั้นด้วยการเล่าเป็นฉากแฟลชแบ็คคดีฆาตกรรมในโรงพยาบาล ซึ่งแฟลชแบ็คนี้จะมีมาตลอดเรื่อง อาจจะดูน่ารำคาญอยู่บ้าง เพราะนึกจะตัดก็ตัดมาเลย แต่เมื่อตัวเรื่องเฉลย เราจะได้รู้ว่าทั้งหมดนี้มีที่มาที่ไปเกี่ยวข้องกันหมด และก็เป็นการแฟลชแบ็คที่ใช้กับเรื่องนี้ได้อย่างฉลาดมาก
ตัวเรื่องไม่ใช่แค่การสืบสวนหาความจริงของนางเอก หรือการคิดว่านางคือคนบ้าจริงหรือไม่ แต่ตัวเรื่องยังเดินเรื่องราวดราม่าความผูกพันของตัวละครคนบ้าในที่แห่งนี้ ที่มีปฏิสัมพันธ์กับนางเอก และอาจจะเป็นฆาตกรที่นางเอกตามหา รวมถึงตัวหมอที่รักษานางจนเริ่มเห็นอกเห็นใจ ตัวละครสมทบทั้งหมดนี้มีความสำคัญร้อยเรียงกันเป็นเส้นเรื่องรองที่แอบอบอุ่นนิดๆ เป็นความสัมพันธ์ช่วยส่งตอนจบให้ชวนลุ้นชะตาชีวิตนางเอกมากขึ้นไปอีก
นี่คือหนังที่บทดีแบบแทบไร้ที่ติเลยก็ว่าได้ ไม่มีหลุดพล็อตโฮล และก็ชวนให้ผู้ชมขบคิดคาดเดาได้ตลอดเวลา ใครที่ชอบหนังแนวนี้ต้องไม่พลาดเป็นอันขาดเลยครับ แนะนำเป็นอย่างยิ่ง
สปอยล์ God’s Crooked Lines เวอร์ชั่นนิยายตอนจบที่แตกต่าง
ในเวอร์ชั่นนิยายจะอธิบายหลายอย่างเพิ่มให้ละเอียดกว่าตอนจบของหนัง ที่ยังไม่สามารถชี้ชัดเรื่องราวของอลิซได้หมดสิ้นข้อสงสัย
ในหนังสือของผู้แต่ง Torcuato Luca de Tena ดร. โดนาดิโอไม่เคยปรากฏตัวในสถาบันหรือพูดคุยกับสภาการแพทย์ หลังจากสภาลงมติให้ปล่อยตัวอลิซ ก็มีการสอบสวนอย่างละเอียดซึ่งนำโดยนักสืบ María Luisa Fernández เธอจะเป็นคนที่ได้ยิน ดร. โดนาดิโอและรายงานความจริงกับแพทย์ของสถาบัน . ความจริงก็คือ อลิซต้องทนทุกข์ทรมานจากความหวาดระแวง เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยแต่งงานกับเฮลิโอโดโร และหลังจากที่เธอพบว่าเขาไม่ได้รักเธอและแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อเงิน เธอก็เริ่มเสียสุขภาพจิต สามีของเธอเริ่มขโมยเงินของเธอและเปลี่ยนทรัพย์สินของเธอให้เป็นซ่อง พฤติกรรมชั่วร้ายของเขาทำให้เธอใกล้บ้า เธอพยายามวางยาเขาจริงๆ และเขาจะโทรหา ดร.โดนาดิโอเพื่อขอความช่วยเหลือ ดร. โดนาดิโอใช้เวลาอยู่ในบ้านของอลิซ เฝ้าดูพฤติกรรมของเธออย่างระมัดระวัง ในช่วงเวลานั้น อลิซเริ่มเรียกคุณหมอโดนาดิโอเป็นคุณ การ์เซีย เดล โอลโม (พ่อของเด็กที่ตายในโรงพยาบาลในข่าวทางทีวี หรือคนที่อลิซคิดว่าจ้างเธอมาสืบ) หมอเข้าใจว่าเธอกำลังสร้างความจริงทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น (การถูกส่งไปโรงพยาบาลบ้า) การวินิจฉัยโรคหวาดระแวงของหมอโดนาดิโอนั้นแม่นยำ และตัดสินใจนำเธอมาที่สถาบันก็เพื่อความปลอดภัยของเธอและคนอื่นๆ อลิซสร้างเรื่องราวการสอบสวนเพื่อที่เธอจะได้เข้าไปในสถาบันโดยเชื่อว่าเธอไม่ได้บ้า จากนั้นจึงสร้างความจริงเวอร์ชันใหม่ที่สนับสนุนเธออีกครั้ง ตรงตามที่ดร. โดนาดิโอทำนายไว้ในการวินิจฉัยของเขา อลิซฉลาดมากจนทำให้ทุกคนเชื่อในเวอร์ชั่นของเธอ มีเพียงดร. อัลวาร์เท่านั้นที่ไม่ตกหลุมพรางของเธอ หนังสือเล่มนี้จบลงด้วยตอนจบที่คาดไม่ถึง: หลังจากได้ยินความจริงที่นักสืบรายงาน แพทยสภาจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งและลงมติเป็นครั้งที่สองเกี่ยวกับชะตากรรมของอลิซ เมื่อวิเคราะห์เรื่องราวของเธอ พวกเขาตัดสินใจว่าสาเหตุที่กระตุ้นให้อลิซหวาดระแวงไม่มีอยู่อีกต่อไป เนื่องจากสามีของเธอหนีหายไปพร้อมกับเงินของเธอ จากการประเมินสภาพปัจจุบันของอลิซ พวกเขาสรุปได้ว่าเธอสมควรได้รับโอกาสครั้งที่สองในการใช้ชีวิตตามปกติ โดยเชื่อมั่นในความสามารถของเธอที่จะควบคุมความหวาดระแวงที่ซ่อนอยู่ภายในได้ ดังนั้นสภาจึงยืนยันการปลดปล่อยเธอในการโหวตครั้งที่สอง หนังสือเล่มนี้จบลงด้วยการที่อลิซก้าวออกจากสถาบัน ตระหนักถึงความจริงของเรื่องราวของเธอ และตื่นตระหนก: เธอรู้สึกไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตตามปกติในโลกภายนอก ในที่สุดก็ยอมรับความเจ็บป่วยทางจิตของเธอ เธอไม่เชื่อในความสามารถในการรักษาสมดุลทางจิตใจของเธอเอง และขอกลับเข้าไปในสถาบัน
ปล.หนังสือมีเจตนาให้คนเข้าใจว่าผู้ป่วยทางจิตมักถูกบีบคั้นบางอย่างจนมาลงเอยที่จุดนี้ อยากให้สังคมเข้าใจ
ที่มา https://auralcrave.com/en/2022/12/11/gods-crooked-lines-explained-the-book-ending/