Good Boys เด็กดีที่ไหน? หนังตลกสัปดน แสบเกินวัย
สรุป
หนังตลก สนุก ซึ้ง มีอะไรมากกว่าที่คิด เป็นแนว Coming of age ที่จบเรื่องราวในวันเดียว
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- ตลกสัปดนฮาจริงจังมาก
- ดาราเด็กเล่นได้น่ารักน่าถีบจริงๆ
- ช่วงดราม่าซึ่งเข้าถึงได้
Cons
- หนังสั้นจบไวแค่ 90 นาที
- บทสรุปรวบรัดเร่งไวจนไม่อิน
- มุกตลกสัปดนบางมุกแรงไปเหมือนกัน
วันแย่ๆ วันหนึ่งจะเป็นยังไงบ้าง? ผลงานจากผู้สร้าง Superbad, Pineapple Express และ Sausage Party ที่จะเล่าเรื่องฮาๆ ของเด็กป.6 กับภาพยนตร์ตลกเรื่องใหม่ Good Boys เด็กดีที่ไหนกัน แม็กซ์ เด็กชายวัย 12 ปี ได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้จูบแรก ซึ่งทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร? เขาและเพื่อนซี้ ธอร์ (เบรดี้ นูน) และลูคัส (คีธ แอล.วิลเลียมส์) จึงตัดสินใจใช้โดรนของคุณพ่อแม็กซ์ ซึ่งแม็กซ์ถูกห้ามใช้ และนำมาแอบส่องวัยรุ่นข้างบ้าน แต่โดรนเกิดพังขึ้นมา พวกเขาจึงต้องหาของมาแทนก่อนที่พ่อจะกลับบ้าน เด็ก ๆ จึงโดดเรียนเข้าสู่การผจญภัยสุดฮา
สารภาพว่าก่อนดูคิดว่าเป็นแค่หนังเด็กที่ดูทะลึ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรนัก แต่พอหลังดูจบยอมรับเลยว่านี่เป็นหนังทะลึ่งสุดโปกฮาของ 3 เด็กเพี้ยนๆ แต่มีอะไรในเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าที่คาดไว้เยอะ ในส่วนของตลกการันตีเลยว่าหนังทำให้คุณต้องฮาลั่นโรงได้จริงๆ กับมุกสัปดนติดเรต R ที่พาเด็กดูไม่ได้แน่นอน อย่างมุกตุ๊กตายางที่เด็กเข้าใจผิดว่าเป็นหุ่นซ้อมผายปอดของกู้ภัย พร้อมกับฉากจูบติดขนล่างสุดฮา คือต้องบอกเลยว่าหนังเล่นตลกแบบไม่เกรงใจเด็กในเรื่องเลย เพราะนี่คือการจับเด็กวัยประถมจริงมาเล่นสัปดน 18+ แบบจัดมาเป็นชุด ซึ่งไม่ได้มีแค่นั้นแต่ยังพ่วงด้วยความฮาแบบเด็กที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยในหลายๆ อย่าง แต่อย่าพึ่งคิดว่าจะน่าเกลียดอะไรนะครับ กลับกันเลยหนังทำให้เราดูเข้าอกเข้าใจความพยายามของเด็กเหล่านี้ในเรื่องได้ดีว่าการพยายามทำอะไรเกินวัยมันมักจะดูเท่ห์ๆ ในช่วงวัยนั้น แต่มันกลับเป็นตลกเมื่อวันเวลาผ่านไปมาคิดได้ว่าตอนเด็กเราทำไปได้ไง ซึ่งเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องเคยมีโมเมนต์อะไรแบบนี้ในตอนนั้นเช่นกัน ซึ่งหนังหยิบจับเรื่องพวกนี้มาเล่นใหญ่โตขึ้นไปอีกมากมาย จนไม่ว่าใครที่ดูก็ไม่น่าทนขำกับความอ่อนวัย แล้วแกล้งทำเป็นไม่ใสของแก๊งสามแสบนี้ได้จริงๆ (การันตีความฮา)
แต่ส่วนที่หนังมีดีกว่าแค่ตลกก็คือการเล่นกับช่วงเปลี่ยนวัยจากประถมไปมัธยม ซึ่งมีความกดดันว่ามิตรภาพความสัมพันธ์ที่เคยมีมาในช่วงประถมจะหายไป ซึ่งหนังผูกมิตรภาพของ 3 คนนี้ไว้ด้วยการรวมตัวเป็นแก๊งจากเด็กที่บ้านใกล้กัน หล่อหลอมให้เห็นว่ามิตรภาพวัยเด็กที่เหนียวแน่น แต่แล้วก็ใส่โจทย์ปัญหาให้พวกเขาเห็นว่า มิตรภาพวัยเด็กเป็นอะไรที่สั่นคลอนได้ง่าย เมื่อต่างคนต่างเริ่มเติบโตขึ้น มีความสนใจในสิ่งที่แตกต่างกัน ซึ่งการอยากเติบโตไปในเส้นทางที่ต่างกันของแต่ละคน ก็กลายเป็นค่อยๆ ทำลายมิตรภาพที่เป็นอยู่ลงเรื่อยๆ แม้ใจไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ในเรื่องเปรียบให้เด็กเหล่านี้เหมือนปูเสฉวน ที่วันนึงก็ตัวคับเปลือกออกเดินทางหาโลกที่ใหญ่ขึ้นต่อไป หนังเก่งตรงที่เลือกเล่นในเวลาแค่วันๆ เดียวจากเหตุการณ์ผิดพลาดในชีวิตเล็กๆ ที่ทำโดรนของพ่อพังและต้องไปผจญภัยหาซื้อมาแทนในวันนั้นไม่ให้พ่อรู้ว่าเอาไปเล่น ซึ่งดูเหมือนไม่มีอะไรแต่หนังหยิบจับทั้งจังหวะตลกสุดฮากับเรื่องการเติบโตทางความคิดของเด็กสามคนนี้ได้จากเหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียว แถมบทยังทำให้เราเชื่อได้ว่าอะไรๆ ที่เด็กเหล่านี้เจอมาทำให้เขาเติบโตขึ้นมาได้จริงๆ นี่เป็นหนัง Coming of age ที่สร้างผ่านเรื่องสัปดนออกมาได้ลงอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่แม้ว่าหนังจะมีข้อดีทั้งตลกทั้งดราม่าที่เอาเราอยู่ แต่ด้วยพล็อตวันเดียวจบ ก็ทำให้ช่วงท้ายหนังรีบเล่ามากจนเกินไป กลายเป็นเหมือนช่วงไทม์สคิปข้ามเวลาให้เราได้รับรู้การเปลี่ยนแปลงจากหนังตลกมาสู่โหมดชีวิตดราม่าไวมากไป ดูแล้วออกจะสับสันในหลายๆ เรื่องว่าด้วยเวลาผ่านไปแค่สองอาทิตย์ถึงทำให้เด็กทั้งสามคนเปลี่ยนการใช้ชีวิตได้ขนาดนี้เลยหรือ จุดนี้เลยทำให้ตอนจบของเรื่องดูจะแปลกแยกต่างจากเรื่องราวช่วงก่อนมากไปสักหน่อย จนไม่อินไปกับฉากจบบทสรุปสุดท้ายของทั้งสามคนมากนัก (แต่ก็เป็นข้อเสียที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร)
ดาราเด็กทั้งสามคนสอบผ่านเลย แต่ละคนมีบุคลิกที่แบบว่าเป็นเอกลัษณ์ฮาๆ ต่างกันชัดเจน ไม่มีใครด้อยกว่าใคร แถมรับบทหนักในส่วนของการเปลี่ยนผ่านของชีวิตได้อย่างจริงจังน่าเชื่อถือมาก โดยเฉพาะธอร์ ที่เป็นเด็กนักร้องเพลงเสียงสุดไพเราะ น้องร้องเพลงด้วยเสียงจริง เพราะจริงแบบที่สมบทบาทมาก แต่ต้องมาอายเพื่อนที่โดนล้อว่าว่าร้องเพลงเล่นละครมันน่าอาย จนเจ้าตัวต้องยอมทิ้งความสามารถนี้ไว้เพื่อให้เพื่อนเด็กในโรงเรียนไม่ล้อเขา และต้องทำตัวเก๋าๆ กุ๊ยๆ ให้เพื่อนยอมรับ
นอกจากเด็กสามคนนี้แล้ว นักแสดงวัยรุ่นสองสาวที่ต้องมารับบทประมือกับแก๊งเด็กแสบนี้แล้วก็ไม่ได้เป็นแค่ของแถม ทั้งสองคนก็ยังได้กลายมาเป็นผู้ที่สอนจากประสบการณ์ที่โตกว่า และช่วยทำให้เด็กเหล่านี้กลับมามั่นใจในตัวเอง และกลายมาเป็นมิตรภาพระหว่างวัยที่แม้ใส่มาเล็กๆ แต่ก็ลงตัวดี
แม้ว่าหนังจะเล็ก หาดูโรงยาก แต่ถ้ามีโอกาสว่างๆ ดูได้ก็แนะนำว่าตีตั๋วดูได้เลยครับ นี่เป็นหนังที่ใสๆ เบาสมอง แต่ก็แฝงไว้ด้วยเรื่องราวดีๆ มากกว่าแค่หน้าหนังหรือเทรลเลอร์ทำไว้มากครับ