playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Good Girls SS1-4 แก๊งแม่บ้านชีวิตรันทด จนต้องลุกขึ้นมาเป็นอาชญากรตัวเอ้!

  • SS1 - 9/10
    9/10
  • SS2 - 8.5/10
    8.5/10
  • SS3 - 7/10
    7/10
  • SS4 - 8/10
    8/10

สรุป

ซีรีส์อาชญากรรมที่มีความร้ายแบบแสบๆ จาก 3 แม่บ้านที่ผันตัวมาเป็นอาชญากรตัวเอ้ด้วยความจำเป็นต้องหาเลี้ยงปากท้องครอบครัวแทนสามี เนื้อเรื่องสนุก สดใหม่ มีความฮา+ร้าย ตัวละครมีเสน่ห์น่าจดจำและเอาใจช่วยทุกตัว แต่เรื่องไม่ได้ตั้งใจทำให้สมจริงหรือสมเหตุผล อาชญากรรรมในเรื่องจะง่ายๆ รวบรัดจบไวในแต่ละครั้ง และสามตัวเอกก็รอดได้เรื่อยๆ ไม่ได้ลุ้นอะไรมากนัก ออกแนวพลิกล็อคโชคช่วยซะเยอะ ซึ่งก็อาจจะไม่ถูกจริตกับคนดูที่ต้องการอะไรที่จริงจังหนักๆ แบบ Breaking bad หรือ Ozark ที่มีแนวเรื่องแบบเดียวกันคือ คนดีผันตัวไปเป็นอาชญากร ก็คงเอาไปเทียบกันไม่ได้เลยครับ

Overall
8.1/10
8.1/10
Sending
User Review
5 (3 votes)

Pros

  • ตัวละครหลัก/รอง มีเสน่ห์เล่นดีกันทุกคน ไม่มีตัวละครไหนที่น่าเบื่อหรือถูกทิ้งไว้เลย
  • ตลกร้ายแบบแสบๆ จากปัญหาแม่บ้านในชีวิตปกติจนต้องมาก่ออาชญากรรมร้ายขึ้นเรื่อยๆ
  • ปัญหาดราม่าครอบครัวที่พัวพันปนเปไปกับชีวิตลับๆ ของทั้งสามคน
  • เรื่องนำเสนอทุกตัวละครเป็นแบบสีเทาๆ
  • ริโอ อาชญากรตัวร้ายในเรื่องที่เสน่ห์เหลือล้นมากๆ

Cons

  • ไม่ได้เน้นความสมเหตุผลหรือจริงจังในการก่ออาชญากรรมมากนัก
  • จำนวนตอนที่เยอะกว่าปกติในแต่ละซีซั่น เรื่องเลยไม่กระชับ ดูวนเวียนไปกับเรื่องดราม่าเยอะมากไปหน่อย

ADBRO

Good Girls (ชื่อไทย ถึงเวลาร้าย) ซีรีส์ Netflix เรื่องราวของ 3 แม่บ้านที่มีปัญหาการเงินจนตรอกจนลุกขึ้นมาปล้นซูเปอร์มาเก็ต แต่พวกเธอกลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น และถลำลึกลงไปในวงการอาชญากรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่าง Good Girls

บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญในเรื่องทั้ง 3 ซีซั่น

เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ทำลงช่อง NBC ของอเมริกาเมื่อปี 2018 จนถึงปัจจุบันที่ซีซั่น 3 แล้ว Netflix ซื้อสิทธิ์การฉายลงทั่วโลกอีกที ซึ่งตัวเนื้อเรื่องก็ไปทำนองคนปกติดีๆ ที่ก้าวเข้าสู่วงการอาชญากรรมแบบเดียวกับซีรีส์ Breaking bad หรือ Ozark เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ออกไปในทางตลกเบาสมองมากกว่าจะมาซีเรียสจริงจังแบบสองเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะเบาโหวง เพราะก็มีความลึกอยู่เหมือนกันในแนวทางอาชญากรรมแบบที่ผู้หญิงก่อขึ้นมาได้ และก็เป็นเสน่ห์จุดแตกต่างที่ฉีกออกไปได้ดีมากด้วย

ตัวเรื่องหลักคือ 3 แม่บ้านที่เป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่เด็ก เบธ แอนนี่ รูบี้ โดยทั้ง 3 คนมีนิสัยและชีวิตครอบครัวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็คบหาสนิทสนมกันมาตลอดด้วยมิตรภาพที่เหนียวแน่นมาก โดยเบธเป็นพี่ใหญ่สุดของแก๊ง ที่ชีวิตครอบครัวดูเพียบพร้อมสุด ลูก 4 สามีขยันทำงานทำการ เธอเองก็เป็นแม่บ้านเต็มตัว ส่วนแอนนี่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเบธที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย มีลูก 1 คนที่เป็นวัยรุ่นทรานเจนเดอร์ จากผู้หญิงข้ามมาเป็นผู้ชาย สามีก็แยกทางไปแต่งงานใหม่ เธอเองก็เรียนน้อยเลยทำงานแค่ในซูเปอร์มาเก็ต แล้วก็เป็นคนออกไอเดียปล้นที่ทำงานตัวเองให้กับพี่สาวเองนี่แหละ ส่วนรูบี้สาวผิวสีลูกสอง 2 ที่ดูไม่น่ามาคบหากันได้ แต่เธอเองก็สนิทกับเบธมากที่สุด และก็เคารพเชื่อฟังเบธมาก แอบมีไม่ถูกกับแอนนี่อยู่บ้าง แต่ก็แคร์กันและกัน

ตัวเรื่องเริ่มมาทั้ง 3 ก็ปล้นกันซึ่งๆ หน้าไม่ต้องมีแผนการอะไรมากตั้งแต่เปิดเรื่องเลย แล้วก็ค่อยย้อนเล่าที่มาที่ไปจนกลับมาต่อช่วงเวลาที่กำลังปล้นในตอนแรก ซึ่งเรื่องไม่ได้โฟกัสไปที่ความสมจริงว่าเธอรอดมาได้ยังไง ซึ่งผู้ชมเรื่องนี้ถ้าดูให้สนุกต้องละทิ้งความรู้สึกจับผิดออกไปก่อน เพราะเรื่องไม่ได้ต้องการรายละเอียดความสมจริงยิบๆ มานำเสนอคนดูอะไรทั้งสิ้น แม้จะมีแผนการอยู่บ้างแต่ก็แค่เป็นโครงเรื่องคร่าวๆ ในอาชญากรรมแต่ละช่วงเท่านั้น (เพราะสามสาวไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียวเลิก)

รายละเอียดความสนุกของเรื่องนี้จริงๆ คือการที่ตัวละครหลักทั้ง 3 คนได้เงินมาง่ายๆ แต่ก็มีเรื่องให้เงินหมดไปง่ายๆ แบบตลกร้ายไปกับชีวิตปกติในฐานะแม่บ้านที่ต้องมาแบกรับภาระเหลือรับที่สามีผู้นำครอบครัวก่อไว้และหมดทางแก้ปัญหา โดยที่คนอื่นรอบตัวก็ไม่รู้เลยว่าทั้ง 3 คนนี้กลายเป็นอาชญากรที่มีพัฒนาการถลำลึกเข้าสู่ด้านมืดขึ้นเรื่อยๆ แม้ตอนแรกอาจจะดูมือใหม่ แต่พอเรื่องเดินไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าทั้ง 3 คนนี้เกิดมาเพื่อเป็นอาชญากรดีๆ นี่เอง แต่ว่าเรื่องก็ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกว่าเกลียดพวกเธอ กลับมีแง่มุมที่น่าสงสารทุกครั้ง ที่ทำลงไปต้องมีเหตุบีบบังคับแบบจนตรอกกันสุดๆ อย่างลูกของรูบี้ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตใช้เงินมหาศาล บ้านของเบธต้องถูกยึดหลังสามีถังแตกเอาเงินไปลงธุรกิจแล้วผิดพลาด เรื่องจะวางตัวละครหลักไว้ที่สีเทาๆ ตลอดเวลา ไม่มีผิดมีถูก ไม่มีดีหรือชั่วชัดเจน แม้พวกเธอจะสำนึกผิดทุกครั้ง แต่ก็กลับมาทำใหม่ซ้ำๆ กันอยู่เรื่อยจนเป็นความสนุกของเรื่องนี้ที่ผู้ชมจะได้ดูแก๊งแม่บ้านนี้คิดหาทางก่ออาชญากรรมใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ไปจนถึงซีซั่น 3 เลย และนักแสดงทั้ง 3 คนก็เล่นได้ดีมากไม่แพ้กัน แม้เบธอาจจะเหมือนนางเอกของเรื่องนี้ แต่ว่าตัวเรื่องก็ให้ความสำคัญสูสีกันหมดทั้งสามคน ผู้เขียนชอบเรื่องของแอนนี่มากสุด เพราะวนๆ อยู่กับเรื่องความรักครั้งใหม่ทุกซีซั่นที่มีเซอร์ไพรส์ใหม่ๆ ตลอด (อีกสองคนมีสามีอยู่บ้านแล้ว แค่หาทางเลี้ยงดูลูกให้รอด)

นอกจากนั้นแล้วเรื่องนี้ยังมีอีก 1 คนที่โดดเด่นจนต้องนับเป็นตัวละครหลักของเรื่องเท่ากันนั่นคือ “ริโอ” ชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่เข้ามาพัวพันกับทั้งสามคนโดยบังเอิญ มีรอยสักที่คอเป็นรูปนกเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว และก็เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เหลือล้นตั้งแต่ออกฉากแรก ด้วยเสียงพูดที่นุ่มๆ แหบๆ เหมือนพวกขี้ยา แต่กลับมีเสน่ห์อย่างประหลาดจนมีแฟนๆ ติดตามเขาจากบทนี้มากพอๆ กับตัวสามแม่บ้านหลักเลยทีเดียว ซึ่งริโอเองแม้จะไม่ได้ออกมาบ่อย แต่ก็เป็นเมนหลักของปัญหาในทุกซีซั่น ในฐานะอาชญากรร้ายตัวจริงที่ฉลาด ไหวพริบสูง โหดเลือดเย็น และก็เข้ามาบบให้เบธก่ออาชญากรรมทำงานให้เขาเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละงานก็มีอะไรแปลกๆ มาให้ได้ลุ้นกันตลอดว่าสุดท้ายงานนั้นคืออะไร และก็หักมุมไม่เป็นไปตามที่คิดทุกครั้ง

ส่วนความตลกของเรื่องนี้แรกๆ รับรองว่าฮามากแน่นอนกับความเปิ่นๆ ผิดๆ ถูกๆ ในการก่ออาชญากรรมแต่ละครั้ง แต่ว่าพอครึ่งหลังของซีซั่น 1 ไปเรื่องจะลดความตลกลงไปเยอะ อาจจะเพราะตัวละครหลักทั้งสามเริ่มเข้าสู่วงการอาชญากรรมจริงจัง เลยเริ่มซีเรียสมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าไม่ใช่จะทิ้งมุกตลกไปเลย เพียงแต่ว่ามุกตลกช่วงหลังไปจะเป็นแนวตลกร้ายเสียดสีแสบๆ กวนๆ ไม่ใช่แบบเห็นแล้วก็ฮาเลยแบบช่วงแรกเท่านั้นครับ แต่รับรองถึงตลกน้อยลง แต่เรื่องไม่ได้ดูเครียดแน่นอนครับ

นอกจากเรื่องของอาชญากรรมที่ทั้ง 3 คนก่อมาเรื่อยๆ แล้ว ตัวเรื่องยังมีส่วนปมปัญหาครอบครัวกับชีวิตส่วนตัวเป็นเรื่องหลักด้วย ซึ่งก็เป็นส่วนช่วยให้เรื่องขับเคลื่อนดำเนินไปแบบสมดุลย์กัน เพราะพวกเธอเองต้องพยายามปกปิดอาชญากรรม ในขณะที่ต้องทำงานบ้าน เลี้ยงลูก ไปพร้อมกัน ซึ่งก็กลายเป็นความอลเวงของงานบ้านกับงานเสริมตีกันวุ่นตลอดเวลา และเรื่องก็ค่อยๆ ดึงให้ตัวละครอื่นในครอบครัวของทั้ง 3 เข้ามาร่วมทำความผิดด้วยในตอนหลัง จนกลายเป็นไม่มีคนดีสุจริต 100% เหลือในเรื่องเลยสักคน แต่เรื่องก็วางไว้ที่เทาๆ ไม่ได้ดาร์คไปกับอาชญากรรมที่เกิดมากนัก ยกเว้นในส่วนของริโอที่เป็นอาชญากรหลักตัวจริงของเรื่องนี้เพียงคนเดียว

ซีซั่น 1 คือเดอะเบสต์ของซีรีส์นี้เลย ด้วยความสดใหม่ จังหวะตลกยิงถี่ เส้นทางจากแม่บ้านไปเป็นอาชญากรมือใหม่ที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับปมพัวพันกับริโอที่จบแบบกระชากใจคนดูมากๆ มาซีซั่น 2 แม้เรื่องจะไม่ได้เน้นตลกแบบซีซั่นแรกแล้ว แต่ว่าเรื่องก็เข้มข้นขึ้นมากจากอาชญากรรมปกติที่ไม่มีคนตาย ก็มีคนตายขึ้นมา แล้วเบธก็ขยับขยายไปเป็นหัวหน้าแก๊งของจริง ส่วนซีซั่น 3 เรื่องเหมือนสงบลงกว่า 2 ซีซั่นก่อนมาก และก็พยายามเน้นปูธุรกิจใหม่ของสามแม่บ้าน ในขณะเดียวกันก็ปัญหากับริโอก็หลักขึ้นจนถึงขั้นแตกหัก แต่ข้อเสียของซีซั่น 3 ที่ดรอปลงก็คือการที่เรื่องไม่ได้เดินหน้าไปมากนัก ปมสำคัญมีน้อย ยืดเยอะ ไม่มีจุดพีคตอนจบ จนต้องไปต่อที่ซีซั่น 4  ไม่เหมือนสองซีซั่นก่อนที่มีปมสำคัญจบเคลียร์ในตัวเลยครับ


รีวิว Good Girls SS4

สำหรับซีซั่นนี้เป็นซีซั่นสุดท้ายหลังทาง NBC ประกาศแคนเซิล SS5 ที่เป็นซีซั่นจบ ด้วยเหตุผลขาดงบสร้างต่อ ซึ่งก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าการมาลง Netflix แบบ Exclusive เจ้าเดียวแล้วจะมีโอกาสย้ายมาทำต่อที่นี่หรือไม่ แต่ยังไงซีซั่น 4 ก็เป็นซีซั่นที่ดีพอให้ชวนดูกันครับ แม้จะมีความยาวมากกว่าเดิมรวมแล้ว 16 ตอนก็ตาม (ซีซั่น 3 มี แค่ 11 ตอน)

เนื้อเรื่องสานต่อจากที่ค้างไว้ตอนจบ SS3 ว่าเบธเตรียมฟอกเงินให้ริโอผ่านธุรกิจอ่างแช่น้ำไฮโซ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้เดินไปตามรอยเดิม ฟอกเงินวนไปวนมาเหมือนซีซั่นก่อนๆ แต่ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นเรื่องราวใหม่ เส้นเรื่องใหม่ จากการปรากฎตัวของพี่ชายริโอ ที่เป็นสมาชิกสภาของเมือง และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังริโอในหลายๆ เรื่องอีกที

นิค ตัวละครใหม่ ญาติผู้พี่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของริโอ

ช่วง 4 ตอนแรกคือการพยายามเคลียร์เนื้อเรื่องที่ค้างจากซีซั่นก่อนๆ อย่างมือปืนที่จ้างมาฆ่าริโอแล้วไม่ยอมทำงานฆ่าสักที โดยมาเฉลยว่าเขาหลงรักเบธ เลยพยายามยื้อเวลาทำงานเพื่อสานสัมพันธ์กับเธอ ซึ่งก็ชวนให้เกิดเรื่องตลกขำๆ อยู่บ้าง แต่เรื่องก็มามีถึงแค่ตอน 4 นี่แหละ รวมถึงธุรกิจอ่างแช่น้ำไฮโซเพื่อฟอกเงินด้วย ซึ่งก็เป็นความพยายามตัดบทเรื่องราวเก่าๆ ให้จบไป รวมถึงปมรักย่อยๆ ของแอนนี่กับจิตแพทย์ที่ปรึกษาของเธอด้วย (รวมถึงแฟนเก่าคนแรกด้วย)

เนื้อเรื่องทิศทางใหม่เริ่มขึ้นจากริโอชวนเบธไปพบกับครอบครัวของเขา เพื่อดูอะไรหลายๆ ในตัวเบธ พร้อมกับแนะนำให้รู้จักกับคนในครอบครัว ที่มี นิค เป็นพี่ชายของริโอ (รับบทโดย Ignacio Serricchio) และมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาเมือง เป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลเส้นสายโยงใยไปทั่ว ซึ่งตรงนี้ช่วยอุดช่องโหว่ในซีซั่นแรกๆ ที่ริโอมักทำอะไรหลายอย่างได้เกินคาดมากกว่าการเป็นแค่มาเฟียปกติ นอกจากนี้ยังทำให้เรื่องดูซับซ้อนมากขึ้นเมื่อทั้งริโอกับนิคต่างพุ่งเป้าแย่งตัวเบธมาใช้งานอาชญากรรมซับซ้อนที่ตัวเองทำอยู่ เพื่อที่มือจะได้ไม่สกปรกให้ฝั่งกฎหมายตามรอยมาได้ โดยบทของนักสืบคู่หูเดิมถูกลดทอนไปเหลือแค่นิดหน่อย ไม่ได้บทบาทประกอบเรื่องตามล่าอะไรอีกแล้ว เพราะเจอเข้ากับอิทธิพลของนิคที่สามารถเคลียร์ทุกอย่างได้หมด ซึ่งตัวนิคเองก็โหดกว่าริโอ เป็นบทที่ช่วยขยายเรื่องราวอาชญากรรมให้ใหญ่โตมากขึ้น เมื่อเขาพยายามปั้นเบธให้ลงสมัครเล่นการเมืองเพื่อหวังเอามาใช้ประโยชน์ต่อไป ทำให้ทิศทางของเรื่องพาเบธก้าวไปสู่โลกใหม่เส้นทางการเมืองสีเทาๆ ที่ไกลกว่าการเป็นอาชญากรลับๆ กับแม่บ้านลูก 4 โดยที่มีทั้งริโอกับนิคแข่งบลัฟกันอีก จนกลายเป็นสถานะความสัมพันธ์แบบใหม่ของเบธกับริโอจนถึงตอนจบซีซั่นนี้ อีกทั้งยังมีช่วงย้อนอดีตให้เห็นตั้งแต่เด็กของริโอด้วยว่าเติบโตมายังไง และอะไรทำให้นิคกับริโอไม่ถูกกันจนถึงปัจจุบัน

ซีซั่นนี้เพิ่มเรื่องราวของพวกขายตรงแบบเพชรยอดมงกุฎมาาด้วย ถือเป็นอาชญากรรมเล็กๆ แบบถูกกฎหมายที่น่าอึดอัดใจสำหรับคนเข้าไปติดในวังวนนี้

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังเสริมพล็อตรองให้ฝั่งสามีของเบธกับรูบี้ต้องมาติดบ่วงของกลุ่มขายตรงแนวเพชรยอดมงกุฎ ซึ่งตัวพล็อตรองนี้ก็พ่วงไปถึงการที่ทั้งสองคนพยายามจัดการเบธ เพราะคิดว่าเบธเห็นแก่ตัวนำแต่ปัญหามาให้พวกเขา ซึ่งพล็อตรองนี้เหมือนเป็นอาชญากรรมเบาๆ เสริมเรื่อง ออกแนวตลกร้ายกับชีวิตพ่อบ้าน ทำให้เห็นว่าการติดเข้ามาในวังวนของธุรกิจขายตรงแบบเพชรยอดมงกุฎนี้น่าอึดอัดขนาดไหน ตัวเรื่องนำพล็อตรองมาเสริมเส้นเรื่องหลักได้อย่างน่าสนใจ

ซีซั่น 4 ต้องบอกว่าโดยรวมทำเนื้อเรื่องใหม่ได้อย่างน่าสนใจกว่าซีซั่น 3 มาก แม้มีถึง 16 ตอนแต่กลับทำได้ดีกว่า ยิงมุกตลกได้ขำมากกว่า ตัวเรื่องแทบไม่มีช่วงน่าเบื่อให้เห็นเลย (แต่ก็ยังมีพวกดราม่าชีวิตส่วนตัวของแต่ละคนอยู่เหมือนเดิม) เนื้อเรื่องถูกพาไปยังทิศทางใหม่สู่วงการเมืองสีเทา และจบได้น่าติดตามต่อมาก แต่ก็น่าเสียดายว่าตอนนี้ถูกแคนเซิลซีซั่น 5 ไป ทำให้ต้องรอดูก่อนว่าจะมีค่ายไหนโดยเฉพาะ Netflix จะเข้ามาโอบอุ้มทำต่อให้จบได้มั้ยครับ

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!