รีวิว Greyhound ทอม แฮงส์กับบทกับตันเรือรบฟริเกต VS.เรือดำน้ำนาซีเยอรมัน 4 ลำพร้อมกัน
Greyhound
สรุป
เป็นภาพยนตร์สงครามที่เน้นถ่ายทอดการปฏิบัติงานในเรือรบเป็นหลัก อาจจะเพราะทุนที่มีจำกัดกว่าลงโรงปกติก็ได้ จึงทำให้ตัวเรื่องที่ออกมาวนเวียนอยู่แต่ภายในเรือรบ แต่ตัวเรื่องมีฉากน่าตื่นเต้นอยู่พอสมควร และก็จบแบบมีดราม่าซึ้งนิดๆ แต่เสียตรงที่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แค่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงเท่านั้น จึงมีความเว่อร์เกินในเรื่องสู้กับเรือดำน้ำติดๆ กันได้ขนาดนั้น
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ทอมแฮงค์ยังช่วยลากให้ดูเรื่องนี้ได้จนจบอย่างน่าสนใจ
- ขั้นตอนการปฏิบัติงานในเรือรบฟรีเกตที่สมจริงว่าเป็นยังไง
- ฉากต่อสู้ที่งัดทุกกลยุทธมาสู้กับเรือดำน้ำหลายลำรุมเรือรบฟรีเกตในเวลาเดียวกัน
Cons
- ตัวเรื่องวนเวียนอยู่แต่ในเรือรบเป็นหลัก เหมือนงบจำกัด
- อ้างอิงจากเหตุการณ์จริง แต่เรื่องดูเว่อร์เกินไปเหมือนกัน
Greyhound ภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นสงครามของ Apple TV+ ที่แสดงนำโดย ทอม แฮงส์ นำเรือรบฟริเกตต่อสู้กับเรือดำน้ำนาซีเยอรมันในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 4 ลำพร้อมกัน
ตัวอย่าง Greyhound
ตัวเรื่องอ้างอิงจากนิยายเรื่อง The Good Shepherd โดย C.S. Forester ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ต่อสู้ Battle of the Atlantic ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนแรกๆ ของความร่วมมือระหว่างอเมริกา อังกฤษ และกองกำลังสัมพันธมิตร ตัวเรื่องนำแสดงโดย Tom Hanks รับเป็นเป็นนาวิกโยธิน ซึ่งรับหน้าที่กัปตันเรือรบฟริเกตที่ชื่อเดียวกับหนังเป็นครั้งแรก นำกองทัพเรือ 37 ลำซึ่งบรรทุกทหารหลายพันนายพร้อมสิ่งของจำเป็นข้ามมหาสมุทร Atalantic ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเวลาห้าวันที่กองทัพเรือต้องเดินทางโดยปราศจากการคุ้มกันทางอากาศ กัปตันและกองกำลังเล็กๆ อันประกอบไปด้วยเรือ 3 ลำ ต้องฝ่าผ่านพื้นที่ที่เรียกว่า “Black Pit” ต่อสู้กับกองทัพเรือนาซี พร้อมกับปกป้องทรัพย์สินและกองกำลังทหาร
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สงครามที่เน้นถ่ายทอดการปฏิบัติงานในเรือรบเป็นหลัก อาจจะเพราะทุนที่มีจำกัดกว่าภาพยนตร์ลงโรงปกติก็ได้ จึงทำให้ตัวเรื่องที่ออกมาวนเวียนอยู่แต่ภายในเรือ เป็นแนวการถ่ายทอดคำสั่งต่อๆ กันระหว่างต่อสู้กับเรือดำน้ำนาซีเยอรมัน (เรืออู) ที่ไม่มีฉากภายในเรือดำน้ำของอีกฝ่ายให้เห็นเลยสักฉาก
แต่ถึงตัวเรื่องจะเน้นไปที่การถ่ายทอดคำสั่งด้วยปากส่งต่อกันตามลำดับชั้นหน้าที่ของใครของมัน แต่ก็ทำออกมาสนุกทีเดียวไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เราจะได้เห็นทุกตำแหน่งหน้าที่ในเรือมีความสำคัญเฉพาะทางที่ต้องการตัดสินใจ รายงาน สรุป หาสาเหตุ คาดการณ์ กับเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นทันที แบบถ้าใครรายงานผิดพลาดไปก็อาจจะทำให้คนเรือทั้งลำตกอยู่ในอันตราย นั่นหมายถึงชีวิตทั้งหมดก็อาจจะไม่รอดได้อีกด้วย ซึ่งตัวเรื่องเน้นความสมจริงในส่วนนี้ได้ดีมาก
เราอาจจะเคยได้เห็นได้ดูหนังเรือดำน้ำมาเยอะแล้ว (เพราะมันตื่นเต้นกว่า) แต่กับเรือรบฟรีเกตที่ล่าเรือดำน้ำอาจจะไม่ได้มีบ่อยนัก เรื่องนี้นอกจากฉากรายงานสถาณการณ์ในเรือแล้ว เรื่องก็งัดเอาอาวุธที่มีไว้ต่อสู้กับเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาใช้ทั้งหมด อย่างระเบิดน้ำลึกทำงานยังไง ปืนกลยิงเรือดำน้ำได้จากตรงไหน รวมถึงพวกทริกการไล่ล่า ตรวจจับเรือดำน้ำต่างๆ ตัวเรื่องใส่มาละเอียดครบทั้งหมดที่เรือฟรีเกตในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มีใช้กัน และในเรื่องนี้ต้องเจอเรืออูถึง 4 ลำ เรื่องจึงงัดมาทุกอย่างจนเรียกว่าหมดคลังอาวุธเพื่อโค่นเรือทั้ง 4 ลำนี้ให้ได้ (ตอนแรกเจอลำเดียว ก่อนจะเจออีก 3 ลำพร้อมกัน) ซึ่งฉากสู้กับเรือดำน้ำต้องใช้ทั้งไหวพริบ ความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง ตัวเรื่องทำออกมาได้ดีมาก แม้เราแทบจะไม่ได้เห็นเรือดำน้ำเต็มๆ ลำอะไรในเรื่องเลย
ตัวเรื่องยังมีฉากที่เกี่ยวกับลูกเรือที่ตายระหว่างรบ ตัวเรื่องนำเสนอให้เห็นว่าการตายในช่วงเวลาคับขัน ทางกองทัพเรือเองก็มีระเบียบการปฏิบัติจัดการกับศพยังไง และก็แสดงให้เห็นถึงการจัดงานศพทางทะเลแบบด่วนๆ แม้จะยังสู้รบกับเรือดำน้ำอยู่ก็ต้องทำให้เสร็จ เพื่อเป็นเกียรติแก่คนที่ตายไปทุกคน
ส่วนของนักแสดงไม่มีใครโดดเด่นอะไรนัก เพราะตัวเรื่องฝากบทไว้ที่ทอมแฮงค์เป็นหลัก ซึ่งเขาเองก็แทบไม่ได้ใช้ฝีมืออะไรมากนัก เพราะบทวนเวียนอยู่กับการออกคำสั่งทั้งเรื่อง แต่ทอมเองก็ยังเป็นจุดที่น่าสนใจลากให้เราดูได้อยู่ดี และก็คุณภาพการแสดงของเขาไม่มีตกหล่นหายไปเลย
ตัวเรื่องมีฉากน่าตื่นเต้นอยู่พอสมควร และก็จบแบบมีดราม่าซึ้งนิดๆ แต่เสียตรงที่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แค่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงเท่านั้น จึงมีความเว่อร์เกินในเรื่องสู้กับเรือดำน้ำติดๆ กันได้ขนาดนั้น โดยแทบไม่มีความเสียหายเลย มีแค่เรือที่อยู่ในการอารักขาโดนจมลงเท่านั้น แต่ว่าก็ไม่ได้เห็นฉากพวกนี้เท่าไหร่ แค่มีรายงานมาทางวิทยุเท่านั้น คงเพราะทุนสร้างไม่ถึงนี่แหละครับ ทำให้เรื่องไปไม่สุดในแนวทางหนังสงครามนัก