รีวิว Gyeongseong Creature Part 2 ไม่ได้ปิดจบ แต่สร้างปมเรื่องใหม่ไปต่อ SS2 จนน่าเกลียด
Gyeongseong Creature Part 2
Summary
สรุปเป็น Part 2 ที่พยายามเล่าเรื่องใหม่ไปต่อซีซั่น 2 ล้วนๆ เน้นดราม่าความรักพระเอกนางเอกยืดยาว ฉากสัตว์ประหลาดทำลายล้างน้อยลงมากต่างกับ 7 ตอนแรก และก็แทบไม่จบเรื่องที่ทิ้งค้างไว้เลยจนน่าผิดหวังที่ผู้สร้างพยายามบิดเนื้อเรื่องให้มีต่อแบบนี้ครับ
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องต่อ 3 ตอนสุดท้ายที่ปูเรื่องใหม่หลายอย่าง
Cons
- พยายามบิดเรื่องให้ไปต่อซีซั่น 2 จนน่าเกลียด
- ฉากสัตว์ประหลาดทำลายล้างน้อยลงมาก
- เน้นฉากความรักเยอะมาก
- ปิดจบการกู้ชาติแบบลวกๆ
Gyeongseong Creature Part 2 ซีรีส์เกาหลี Original Netflux ภาคต่อ 3 ตอนสุดท้ายที่ทิ้งค้างไว้ เพื่อเล่าเนื้อเรื่องใหม่มากกว่าปิดจบ
รีวิว Gyeongseong Creature Part 1
รีวิว Gyeongseong Creature ซีรีส์สัตว์ประหลาดเกาหลีที่ลงลึกถึงความโหดร้ายเกินมนุษย์ของญี่ปุ่น!
รีวิว Gyeongseong Creature Part 2 (มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
Part 2 ที่ในตอนแรกเหมือนว่าทาง Netflix กั๊กเรื่องไว้ไม่ฉายให้จบ แต่ที่จริงคือการเล่าเนื้อเรื่องใหม่เพื่อเตรียมทำต่อซีซั่น 2 ต่างหาก โดยมีส่วนทิ้งท้ายของฉากจบใน 7 ตอนแรก ซึ่งก็มีแค่สัตว์ประหลาดที่เหลือในโรงพยาบาลก็คือ เซชิน แม่ของนางเอก ซึ่งซีรีส์ลดความเข้มข้นลงอย่างมาก มีฉากทำลายล้างสัตว์ประหลาดน้อยลงมาก มีฉากต่อสู้แปลกๆ อย่างแก๊งมือสังหารเอามีดมารุมต่อสู้ซึ่งดูงี่เง่ามาก ส่วนอีกคนก็คือ มยองจา เมียน้อยของหัวหน้าตำรวจอิชิคาวะที่อยู่ในเมือง ซึ่งเนื้อเรื่องก็พยายามเล่าถึงตัวละครนี้ในแง่มุมใหม่หลังได้รับนาจินเข้าไป โดยมีการเฉลยข้อมูลเพิ่มว่าจริงๆ แล้วนาจินทำได้แค่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นดุร้ายกระหายเลือด แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนร่างไปเป็นสัตว์ประหลาดเต็มตัวได้ ต้องมีเซรุ่มพิเศษฉีดเข้าไปอีก ซึ่งทำให้ไม่มีฉากทำลายล้างเมืองแบบที่คาดหวังไว้ (เหมือน Resident Evil) มีแค่ฉากของตัวละครมยองจาที่กระหายเลือดทำร้ายคนสั้นๆ แล้วต้องหนีตำรวจญี่ปุ่นที่ตามจับ ก่อนโดนจับกุมตัวไปไว้ในโรงพยาบาลอีกรอบ แล้วบทของเธอก็หายไปเลยจนกระทั่งถึงช่วงท้ายเพื่อไว้ทำต่อซีซั่น 2
ส่วนที่น่าเบื่อเพิ่มมากไปอีกคือ การเล่นเนื้อหาความรักของตัวพระเอกนางเอกที่มีซ้ำหลายฉากมาก โดยใช้เวลาเนิ่นนานกับฉากโรแมนติก ทั้งๆ ที่ตามจริงนี่คือช่วงเข้มข้นของซีรีส์ที่ควรข้ามสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว แต่เรื่องกลับพยายามเริ่มปูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ใหม่ทั้ง 3 ตอน พร้อมกับตัวละครมาเอดะซังที่มาเฉลยว่าก็ชอบพระเอกอยู่เหมือนกัน กลายเป็นความรักสามเส้าที่ไม่สมเหตุผลในแง่ของสถานการณ์ญี่ปุ่นในเรื่องที่ใกล้แพ้สงคราม หรือประเด็นการกดขี่ทางเชื้อชาติก็ด้วย แถมยังผูกปมตัวละครเซชินเข้ากับมาเอดะและนางเอกทิ้งท้ายไว้ โดยไม่ยอมเฉลยเรื่องทั้งหมดปิดจบตัวละครเพื่อไว้สร้างซีซั่น 2 โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ประเด็นการกู้ชาติเกาหลีก็ถูกปิดจบลงแบบง่ายๆ ด้วยการวางระเบิดในงานศพจนคนระดับสูงของญี่ปุ่นตายหมู่ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเข้าไปวางระเบิดในงานศพญี่ปุ่นที่เข้มงวดกันขนาดนั้นได้อย่างไร มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการพกไดนาไมต์เข้าไปติดตั้งได้รอบงาน หรือแปะมากับพวงหรีดขึ้นป้ายชื่อฝ่ายกบฏหราขนาดนั้น เหมือนอยากให้มีชัยชนะจากฝ่ายกบฏยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่ตามประวัติศาสตร์อีก 4 เดือนต่อมาญี่ปุ่นก็ยอมแพ้สงครามและถอนการยึดครองจากเกาหลีไปอยู่แล้ว ซึ่งซีรีส์เอ่ยถึงสั้นๆ แบบไม่มีคำว่าญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมณูด้วยซ้ำ
ซีรีส์ยังจบเรื่องโดยพยายามกระชากอารมณ์ของผู้ชมโดยให้นางเอกตาย แต่ก็ตัดมาตอนท้ายกลายเป็นสามารถฟื้นคืนชีพได้จากปรสิตที่โผล่จากตัวเซชินเลื้อยเข้าไปร่างของนางเอกจนฟื้นกลับมาได้อีก ก่อนตัดเรื่องมาที่นายพลคาโตะที่ยังรอดมาได้พร้อมกับมาเอดะซังที่รอดจากระเบิดในงานศพได้แบบงงๆ และทำให้เห็นว่านายพลคาโตะก็ยังทำการทดลองนาจินต่อไป ก่อนที่เรื่องจะสคิปข้ามเวลาไปเร็วๆ โดยมีฉากโลกทัศน์เกาหลีที่เปลี่ยนไปพร้อมเหตุการณ์สำคัญอย่างฟุตบอลโลก 2002 ที่จัดขึ้นในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และตัวละครปริศนาที่ชื่อโฮแจ มีแผลเป็นที่หลังคอ หน้าตาเดียวกับจางแทซัง และเล่นโดย Park Seo-joon คนเดิม สภาพในบ้านมีแต่ของเก่าเก็บสะสมไว้ แต่ฉากเมืองกยองซองเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นการสคิปเวลามาสร้างซีซั่น 2 ในโลกปัจจุบันขึ้น แต่ยังไม่รู้ช่วงเวลาชัดเจน ทำให้เรื่องมีแต่ปริศนาทิ้งค้างไว้เต็มไปหมด จนน่าผิดหวังมากในฐานะซีรีส์ Original Netflix ที่ควรจบลงตัวมากกว่านี้ครับ
สรุปเป็น Part 2 ที่พยายามเล่าเรื่องใหม่ไปต่อซีซั่น 2 ล้วนๆ เน้นดราม่าความรักพระเอกนางเอกยืดยาว ฉากสัตว์ประหลาดทำลายล้างน้อยลงมากต่างกับ 7 ตอนแรก และก็แทบไม่จบเรื่องที่ทิ้งค้างไว้เลยจนน่าผิดหวังที่ผู้สร้างพยายามบิดเนื้อเรื่องให้มีต่อแบบนี้ครับ
including other English reviews