รีวิว Hanna SS1-2-3 เด็กสาวนักฆ่าผู้โดดเดี่ยว เหงา เศร้า แต่อบอุ่น ละมุนกว่าเวอร์ชั่นภาพยนตร์ (อัพเดทจบ 3SS)
-
คะแนน SS1 - 8.5/10
8.5/10
-
คะแนน SS2 - 7.5/10
7.5/10
-
คะแนน SS3 - 8/10
8/10
สรุป
ซีรีส์แนวแอ็กชั่นดราม่าที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์มาเป็นของตัวเองได้ดีเลย แม้ว่าจะไม่ถึงกับบู้สุดๆ ตลอดเวลาแบบเรื่องแนวเดียวกัน แต่ว่าเรื่องให้อารมณ์ดราม่า เหงา เศร้า ซึมลึก อบอุ่น เป็นอะไรที่หาได้ยากที่จะทำให้ลงตัวแบบเรื่องนี้ ที่นึกออกมีแค่ ลีออง (Léon: The Professiona) เท่านั้นที่มีโทนหนังนักฆ่าอารมณ์เหงาๆ เปล่าเปลี่ยวแต่อบอุ่นด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ครับ ตอนนี้ซีรีส์จบแล้วที่ 3 ซีซั่น ซึ่งก็จบได้สวยงามลงตัว ถ้าใครชอบอารมณ์สายลับแบบดราม่าเหงาๆ เล่นกับชีวิตตัวละครเป็นหลัก ก็ถือว่าเป็นซีรีส์น้ำดีเรื่องหนึ่งของ Amazon Prime ที่ควรค่าแก่การดูเลยครับ
Overall
8/10User Review
( vote)Pros
- ความสัมพันธ์พ่อลูกนักฆ่าในเรื่องซึ้งๆ อบอุ่นในระหว่างความเป็นความตายตลอดเวลา
- ตัวนักแสดงฮันนาที่ครบเครื่องทั้งฉากบู้และฉากดราม่า
- จุดเปลี่ยนในซีรีส์ต่อยอดเติมเต็มจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์ได้ดี
- ฉากแอ็กชั่นคิวบู้สมจริง มีความรุนแรงสูง
- ดนตรีประกอบเหงาๆ ส่งเสริมโทนดราม่าของเรื่องได้ดี
Cons
- ดราม่าชีวิตวัยรุ่นของนางเอกใน SS1 เยอะ ที่คนต้องการดูแต่แอ็กชั่นอาจจะไม่ชอบ
- SS2 เรื่องแตกไลน์ตัวละครแบบเดียวกับฮันนาเยอะ ทำให้เส้นเรื่องกระจายไปมากไม่ได้โฟกัสที่ตัวฮันนาแบบ SS1
- ฉากเอาตัวรอดของ SS2 ดูง่ายกว่า SS1 ที่ลุ้นกว่ามาก
Hanna ซีรีส์ แนวแอ็กชั่นดราม่าของ Amazon Prime Video ที่เดินเรื่องด้วยการเติบโตของเด็กสาวนักฆ่าที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในป่ากับพ่อมาตลอดชีวิต แต่กลับต้องมาอยู่ในสังคมปกติ ที่มีอดีตเลวร้ายตามไล่ล่าเธออยู่ตลอดเวลา
ตัวอย่าง Hanna SS1 Amazon Prime Video
บทความมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน แต่ไม่ใช่จุดหักเหสำคัญของเรื่อง
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการสร้างใหม่จากฉบับภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดเมื่อปี 2011 ในชื่อเดียวกัน (ชื่อไทย เหี้ยมบริสุทธิ์) และก็เปลี่ยนทีมสร้างใหม่หมด แต่เรื่องราวก็ยังอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปเหมือนเดิม และก็ยังคงเนื้อเรื่องหลักกับตัวละครตามภาพยนตร์ไว้แบบถอดแบบฉากต่อฉากเลยในซีซั่น 1 ครึ่งแรก จากนั้นก็เพิ่มเติมรายละเอียดกับเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้เป็นเวอร์ชั่นซีรีส์ ซึ่งถ้าใครอยากตัดสินใจดูไวๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบก่อนดูซีรีส์ แนะนำให้ดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก่อนครับ สามารถหาดูได้หลายทาง หรือผ่าน Netflix คลิกที่นี่ ดูฮันนาฉบับภาพยนตร์
ตัวเรื่องใน 4 ตอนแรกยังคงเป็นเหมือนภาพยนตร์คือเริ่มจากย้อนอดีตไปจุดกำเนิดฮานนาตั้งแต่ยังเป็นทารก ในสถานที่ทดลองของหน่วยงาน CIA ลับสุดยอดกับโปรเจ็กต์ชื่อ Utrax (ยูแทร็ก) ซึ่งเธอถูก “อีริค” ทหารรับจ้างของ CIA ในโปรเจ็กต์นี้เองลักพาตัวออกมา ก่อนที่ทางยูแทร็กจะส่งหน่วยไล่ล่าที่นำโดย CIA สาว “มาริสซา” มาตามเอาทารกคืน แต่เธอทำงานพลาด แม่ของฮานนาตายระหว่างหลบหนี อีริคเองก็พาฮันนาหนีเข้าไปในป่าลึกของโรมาเนีย และใช้ชีวิตอยู่ในป่าตั้งแต่นั้นมา โดยฝึกหนักฮานนาตั้งแต่เด็กให้รอบรู้ทุกอย่างทั้งด้านวิชาการและความสามารถนักฆ่า เพื่อที่วันหนึ่งไม่มีเขาแล้วฮานนาจะยังอยู่ได้ด้วยตัวเองต่อไป
ตัวเรื่องเริ่มจริงๆ คือ 15 ปีต่อมา และฮานนาก็เริ่มสงสัยในอดีตของตัวเอง และคำสั่งของพ่อที่ห้ามออกจากป่า เธอฝ่าฝืนคำสั่งนี้และก็ได้เจอกับการไล่ล่าของทีมจากยูแทร็ก และมาริสซาที่ยังต้องการปิดบัญชีในอดีตให้เรียบร้อย ซึ่งเรื่องใน 4 ตอนแรกจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพยนตร์คือ ฮันอยากรู้อยากเห็น และได้พบเพื่อนใหม่ที่บังเอิญเจอระหว่างพลัดหลงกับพ่อ และก็หันมาใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นปกติ แต่ว่ากลับเป็นภัยต่อตัวเธอเอง
ซีรีส์ยังคงเดินไปในอารมณ์เดียวกับภายนตร์คือ ไม่ใช่หนังบู๊แอ็กชั่นตรงๆ แม้ว่าฉากแอ็กชั่นที่ใส่มาจะไม่น้อย และก็ทำได้โหด 18+ มีความรุนแรงสูง ถึงตัวนางเอกจะเป็นแค่เด็กสาววัยรุ่นตัวเล็กๆ แต่ตัวเรื่องหลักตั้งอยู่บนอารมณ์เหงา เปล่าเปลี่ยว แต่อบอุ่น ของชีวิตฮานนากับอีริค ที่ทั้งคู่กลายเป็นคนนอกสังคม และเมื่อกลับมาในสังคมปกติกลับกลายเป็นภัยต่อตัวเอง ตัวเรื่องเน้นหนักไปที่การเติบโตของฮันนา คล้ายๆ เมาคลีในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เธอเรียนรู้แต่การล่าสัตว์เอาชีวิตรอดในป่า พ่อสอนว่าไม่ควรไว้ใจใคร แม้แต่เหตุผลก็ไม่ยอมเล่าออกมา จนกลายเป็นฮานนาต้องพยายามหาทางเรียนรู้ชีวิตในสังคมปกติด้วยตัวเอง ซึ่งก็เป็นแนวดราม่าชีวิตวัยรุ่นวัยแรกรุ่นของเธอ สำหรับคนที่ต้องการดูแต่แอ็กชั่นอาจจะน่าเบื่ออยู่บ้าง แต่ว่าส่วนนี้เป็นสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นแตกต่างจากหนังนักฆ่าผู้หญิงที่มีมาก่อนแล้ว ตัวเรื่องมีโทนอบอุ่นเหงาๆ ระหว่างฮานนากับอีริค ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่รักและเลี้ยงดูฮานนามาเหมือนลูกจริงๆ เป็นฟีลของเรื่องที่ละมุนมาก แม้จะฉาบไปด้วยเหตุการณ์รุนแรงตลอด ซึ่งทำให้คนดูอินกับความรักระหว่างสองคนนี้ได้ไม่ยาก และเอาใจช่วยให้ทั้งคู่หาทางใช้ชีวิตพ่อลูกกันสองคนให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ขยายความและทำออกมาดีงามกว่าภาพยนตร์มาก ถ้าใครชอบจุดนี้ของภาพยนตร์ แนะนำว่าตัดสินใจดูได้เลยครับ
ครึ่งหลังของซีซั่น 1 คือทิศทางใหม่ของเรื่อง ตัวเรื่องเปลี่ยนให้ มาริสซา มีบทลึกซึ้งทางอารมณ์กับฮันนามากกว่าในภาพยนตร์ที่จ้องไล่ฆ่าอย่างเดียว และก็เป็นส่วนที่ช่วยให้โทนเหงาอบอุ่นของเรื่องดีขึ้นไปอีก ตัวมาริสซาจะมีความย้อนแย้งในใจกับสิ่งที่เคยทำในอดีตกับอีริค และก็กลายเป็นตัวละครสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวพันกับชีวิตฮานนาในโลกปกติต่อมา
จุดเปลี่ยนของสองเวอร์ชั่นนี้อีกจุดคือ Utrax ในซีรีส์ไม่ได้ปิดตัวหลังเมื่อ 15 ปีก่อนหลังการหายไปคงฮันนา และก็นำมาซึ่งการทดลองสร้างฮันนาในเวอร์ชั่นสมบูรณ์กว่า มีจำนวนมากหลายสิบคน ซึ่งตัวเรื่องจุดนี้จะอยู่ท้ายๆ ซีซั่น 1 และก็นำเสนอตัวละครเด็กสาวในแบบเดียวกับฮานนาเพิ่มมาอีกหลายคน และก็ไปต่อที่ซีซั่น 2 ถึงเป้าหมายที่แท้จริงของ Utrax ว่าคืออะไร และทำไมเด็กสาวอย่างฮานนาถึงมีความสามารถพิเศษบางอย่าง เช่น การที่ประสาทหูได้ยินดีกว่าคนปกติมากมาย เป็นต้น
ในซีซั่น 2 เรื่องจะกระจายความสำคัญของตัวละครในแบบเดียวกันฮานนาเพิ่มมาอีกหลายคน และก็มุ่งเน้นไปที่รายละเอียดโปรเจ็กต์ยูแทร็กที่ในภาพยนตร์ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ให้ครบว่าเอาทารกที่เติบโตมาต้องทำอะไรบ้าง ในซีซั่นเรื่องจะเป็นการฝึกเด็กสาวรุ่นใหม่แบบเดียวกับฮันนาขึ้นมาเป็นกองทัพย่อมๆ ฉากแอ็กชั่นพอๆ กับซีซั่นแรก แต่ว่าอาจจะด้อยกว่าตรงที่ตัวละครกระจายไปยังเด็กๆ อีกหลายคนจนดูเหมือนจะเน้นชีวิตวัยรุ่นเยอะไปหน่อย และมีฉากขับคันเอาตัวรอดง่ายกว่าในซีซั่นแรก จนดูดรอปลงบ้าง แต่โทนอารมณ์เหงาๆ เศร้าๆ ยังคงอยู่เช่นเดิม ซึ่งถ้าใครชอบจุดนี้ของซีซั่นแรก ก็ยังถือว่าไม่ผิดหวังครับ
ตัวเรื่องจากที่วางไว้น่าจะจบที่ซีซั่น 3 ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ก็เป็นซีรีส์แนวแอ็กชั่นที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์มาเป็นของตัวเองได้ดีเลย แม้ว่าจะไม่ถึงกับบู๊สุดๆ ตลอดเวลาแบบเรื่องแนวเดียวกัน อย่าง Treadstone ที่พล็อตคล้ายๆ กันในเรื่ององค์กรสร้างฝูงนักฆ่าของ CIA แต่ว่าเรื่องให้อารมณ์ดราม่า เหงา เศร้า ซึมลึก อบอุ่น เป็นอะไรที่หาได้ยากที่จะทำให้ลงตัวแบบเรื่องนี้ครับ ที่ผู้เขียนนึกออกมีแค่ ลีออง (Léon: The Professiona) เท่านั้นที่มีโทนหนังนักฆ่าอารมณ์เหงาๆ เปล่าเปลี่ยวแต่อบอุ่นด้วยความสัมพันธ์พ่อลูกนักฆ่าแบบนี้ครับ
รีวิว Hanna SS3 (ซีซั่นสุดท้าย)
ซีซั่นนี้มีเพียง 6 ตอนจบเรื่องราวสมบูรณ์ ซึ่งก็ถือว่าสั้นกระชับลงตัวดี เพราะปมของเรื่องนี้ถูกขมวดมาจากซีซั่น 2 มากแล้ว โดยฮานนาต้องกลับมาทำลายโครงการที่ให้กำเนิดตัวเธอขึ้นมา และกำลังสร้างกองทัพนักฆ่าเด็กสาววัยรุ่นเหมือนเธอส่งไปเก็บเป้าหมายทั่วโลก โดยซีซั่นนี้เดินเรื่องแบบช่วงแรกฮานนายังไม่ถูกจับได้ว่าทรยศ ก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้นมาเธอจึงต้องร่วมมือกับมาริสซาทำลายโครงการนี้ของ CIA ให้สำเร็จ โดยซีซั่นนี้มีตัวร้ายเป็นพ่อของมาริสซาเอง ซึ่งอาจจะไม่ใช่เซอร์ไพรส์อะไรมากเพราะเรื่องมีแพลมๆ มาตลอด ตัวเรื่องจึงเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยการแฟลชแบ็คย้อนอดีตไปยังมาริสซาสมัยเด็กที่ถูกพ่อฝึกขึ้นมาเป็นสายลับตัวฉกาจแบบเดียวกับฮานนา แต่วิธีการของเขากลับโหดร้ายกว่ามาก แต่ตัวเรื่องก็ไม่ได้ทำให้เขาร้ายสุดขั้ว เพราะในความเลวร้ายนั้นเขาเองก็มีปมอยากได้ลูกชายมาสืบทอดงานของตัวเอง แต่กลับได้ลูกสาวมาแทน ทำให้เขาแม้จะชิงชังแต่ก็ต้องยอมรับในตัวลูกสาวคนนี้ ซึ่งพอโตมาเธอกลับกลายเป็นเบอร์ 1 ใน CIA ทำให้เขาต้องการตัวลูกกลับมา ตัวเรื่องจึงเป็นการพยายามวางแผนดึงมาริสซากลับมาให้ได้ โดยมีเรื่องความรักของพ่อผสมอยู่ด้วย ซึ่งก็แอบคล้ายๆ กรณีของฮานนาที่เติบโตมากับพ่อที่ฝึกเธอเป็นสายลับเช่นกัน
ในซีซั่นนี้ยังเปิดประเด็นเรื่องความรักของฮานนาที่เคยมีในซีซั่นแรกนิดๆ คราวนี้เธอมาเจอกับเป้าหมายที่ต้องฆ่า เป็นหนุ่มนักปฏิวัติสายการเมือง แต่เธอวางแผนสวมรอยช่วยเขาให้รอดตาย ก่อนจะกลายมาเป็นความรักในเวลาต่อมา ซึ่งบทนี้อาจจะไม่ถึงกับอินตามได้เพราะตัวเรื่องให้สองคนนี้รักกันเร็วเหลือเกิน แต่ก็ไม่ถึงกลับน่าเบื่ออะไร เพราะการที่ฮานนาต้องมีคนรักทำให้เธอมีจุดอ่อนที่ถูกโจมตีได้ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ไม่มีพะวงกับความสัมพันธ์กับใคร ซึ่งเรื่องก็เอาจุดนี้ย้อนมาเล่นงานฮานนาในตลอดซีซั่นนี้ไปจนจบ โดยให้คนได้ลุ้นว่าเธอจะสมหวังมีความสุขกับหนุ่มคนนี้ได้หรือไม่
ด้วยความที่ซีซั่นนี้มี 6 ตอน เรื่องจึงไปไวกระชับมาก ช่วงแรกมีอืดนิดหน่อย แต่จากตอน 2 ไปก็กลายเป็นหนังแอ็กชั่นสายลับไล่ล่า โดยมีทีเด็ดอยู่ที่ฮานนากับมาริสซาต้องบุกเข้าไปทำลายตึกองค์กรนี้จากภายในกัน 2 คน ซึ่งก็กลายมาเป็นฉากบู๊ที่ระห่ำมันส์ใช้ได้เลย แล้วก็มีช่วงตอนจบกับการไล่ล่ากันในป่า ซึ่งฮานนาต้องเจอกับเจน เด็กสาวสายลับอีกคนที่ฝังความแค้นกับเธอไว้ตลอด แม้จะรู้ว่าตัวเองเป็นเหยื่อของโครงการนี้เช่นกัน ซึ่งตัวเรื่องก็พาไปถึงบทสรุปจบของเด็กในโครงการนี้ว่าจะลงเอยแบบไหน แต่ก็ไม่เคลียร์หมดเพราะเรื่องโฟกัสมาที่เจนกับฮานนาเท่านั้น
แต่จุดด้อยของซีซั่นนี้ก็เป็นความรีบเร่งเล่าเรื่องไวๆ ด้วย ทำให้บทดูผ่านด่านหาทางออกกันง่ายไปหน่อย บางทีก็ไม่สมเหตุผลโดยเฉพาะพ่อของมาริสซาที่อ่อนข้อให้ลูกสาวทุกครั้งจนไม่ค่อยสมเหตุผลหรือตรงกับเอกลักษณ์ความโหดที่เรื่องปูไว้ว่าเขาเป็นบอสใหญ่สักเท่าไหร่ แต่บทสรุปจบของทั้งคู่ก็ทำได้ดีลงตัว
ถือเป็นซีซั่นปิดท้ายเรื่องที่สวยงาม ถ้าใครชอบอารมณ์สายลับแบบดราม่าเหงาๆ เล่นกับชีวิตตัวละครเป็นหลัก ก็ถือว่าเป็นซีรีส์น้ำดีเรื่องหนึ่งของ Amazon Prime ที่ควรค่าแก่การดูเลยครับ