playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวหนังสารคดี Have a Good Trip: Adventures in Psychedelics ผจญภัยหลุดโลกกับยาหลอนประสาทของ Netflix

Have a Good Trip: Adventures in Psychedelics

สรุป

คอนเซ็ปต์ของการถ่ายทอดอาการหลอนยาดูดี แต่พอดูจริงกลับถ่ายทอดออกมาไม่เหมือนที่อวดอ้างไว้เลย

Overall
4/10
4/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แอนิเมชั่นกับภาพประหลาดๆ
  • มี Carrie Fisher ที่เสียชีวิตไปแล้วมาประกอบเรื่อง

Cons

  • ภาพแอนิเมชั่นแค่ดูประหลาด แต่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกเหมือนประสบการณ์จริง
  • คนดังในเรื่องคนไทยรู้จักนิดเดียว
  • ประสบการณ์คนดังขุดมาแบบเก่าเกินจนไม่น่าเชื่อถือว่าจำได้สักเท่าไหร่
  • พยายามสร้างภาพเชิงบวกให้กับการเมายา แต่ก็ไม่ได้ลงลึกเรื่องข้อมูลเลย
  • การตัดต่อทำได้ไม่ดี ไม่เอาทางไหนสักทาง

ADBRO

Have a Good Trip Adventures in Psychedelics หรือชื่อไทย ผจญภัยหลุดโลกกับยาหลอนประสาท สารคดีที่จะพาคุณไปพบกับ ช่วงเวลาที่คนดังมีชื่อเสียงเสพยาเข้าไปแล้วเห็นภาพหลอนแบบไหนกันบ้าง

 Have a Good Trip: Adventures in Psychedelics (2020) on IMDb

ตัวอย่างหน้าหนังสารคดีเรื่องนี้มีความน่าสนใจที่ว่าบอกเล่าอาการเมายาได้เหมือนจริงกว่าที่เราเห็นจากหนัง สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นยาหรือใช้ยาประเภทใดก็ตามให้ตัวเองเมายา ก็คงจะมีประสบการณ์ตรงนี้แค่ได้เห็นจากในหนังหรือคนอื่นบอกเล่ามา แต่ความจริงมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ สารคดีเรื่องนี้จึงพยายามถ่ายทอดเรื่องราวกับภาพที่ปรากฎในตอนเมายาออกมาให้คนดูได้รับชมกัน โดยเพิ่มจุดสนใจด้วยการเอาดาราหรือคนในวงการบันเทิงที่พอมีชื่อเสียงบ้าง กับพวกที่มีชื่อเสียงมากมาเล่าให้ฟัง

Have A Good Trip: Adventures in Psychedlics

ต้องบอกว่าส่วนตัวผู้เขียนเคยได้ยามอร์ฟีนจากตอนผ่าตัดมาก่อน ก็เลยได้ประสบการณ์ตรงนี้ติดมาด้วย ซึ่งมันแปลกประหลาดมาก ทุกอย่างเป็นสีขาวโพลนไปหมด เสียงหมอพยาบาลคุยกันเบาๆ ก็ได้ยินก้องดังในหัว เหมือนประสาทรับรู้ของเราถูกเร่งขึ้นมาเกินขีดปกติ ตัวเบาเหมือนลอยได้ทั้งๆ ที่ถูกตรึงอยู่บนเตียงผ่าตัด เมื่อดูเรื่องนี้ก็มีความคาดหวังว่าน่าจะได้เห็นอะไรที่น่าจะได้แบบนั้นบ้าง แต่กลายเป็นว่าตัวหนังดูเหมือนไม่ค่อยมีแก่นสารสำคัญสักเท่าไหร่ จนดูจบแล้วก็แทบไม่ได้อะไรกลับไปแบบที่ตอนเริ่มต้นบอกว่า ดูเรื่องนี้จบแล้วจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไงโดยไม่ต้องเสพยาเข้าไปเองเลยแม้แต่นิดเดียว

ตั้งใจถ่ายให้ดูเก่าเพื่อเอามาเล่าย้อนอดีต แต่มันดูไม่ค่อยเข้ากับเรื่องเลย

ตัวเรื่องเคลมว่าหนังฮอลลีวู๊ดที่ผ่านมาไม่เคยนำเสนอเรื่องตรงนี้ได้ตามจริงเลย แม้แต่ใกล้เคียงก็หาได้ยาก เนื่องจากมักใช้เลนส์ฟิชอายกับเลนส์ไวด์ถ่ายทำเพื่อให้ภาพออกมาบิดเบี้ยวผิดสัดส่วน รวมถึงอาการบ้าที่เกินพอดีอย่างกระโดดหน้าต่างอะไรแบบนี้ แต่พอสารคดีเรื่องนี้นำเสนอแบบของตัวเองขึ้นมาก็กลับไปใช้ภาพแบบเดียวกันผสมกับแอนิเมชั่นประหลาดๆ เป็นตัวการ์ตูนฝรั่งแทนตัวคนที่เล่าเรื่องช่วงนั้น แล้วก็มีการถ่ายทำแบบตั้งใจให้ย้อนยุคไปเหมือนหนังเก่ามากๆ เพื่อให้เหมือนประสบการณ์ของคนที่มาพูดเล่าเรื่องในอดีตสมัยวัยรุ่นหรือหนุ่มสาว แต่กลายเป็นดูแล้วกลับไม่เข้ากันเลย กลายเป็นเหมือนหนังเก่าๆ ไม่น่าดู แทนที่จะเล่าเรื่องด้วยแอนิเมชั่นทุกตอนไปยังจะน่าสนใจมากกว่าอีก

ฉากหลุดโลกบางอันก็ดี แต่ส่วนใหญ่จะแย่ (อันนี้ดี)

คนดังมีชื่อเสียงที่ออกมาเล่าในซีรีส์ส่วนตัวคิดว่าคนไทยแทบไม่รู้จักทั้งนั้น มีแค่ 2 คนที่ดังจริงคือ Carrie Fisher ที่แสดงเป็นเจ้าหญิงเลอาในสตาร์วอร์และเสียชีวิตไปแล้ว กับ Ben Stiller นักแสดงสายตลกที่ตอนหลังก็แทบไม่มีผลงานดีๆ ให้คนจดจำได้เลย ซึ่งประสบการณ์ของทั้งคู่ก็ไปขุดเอาสมัยหนุ่มสาวไกลมาก ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อว่าพวกที่มาเล่านี่จะทดลองเสพยาแค่ครั้งนั้นครับ แต่คงเหมือนการเซฟไปในตัวว่าฉันไม่ได้จะเล่นยา แต่แค่สมัยหนุ่มสาวห้าวทดลองไปตามปกติเท่านั้น ซึ่งมันก็พื้นๆ มากกับเรื่องที่เล่ามา แถมยังใช้นักแสดงมาเล่นแทนตัวดาราพวกนี้ตอนวัยรุ่นไปอีก แล้วก็ผสมกับแอนิเมชั่นเข้าไปบ้าง ก็เลยกลายเป็นประสบการณ์ที่ดูแล้วปลอมๆ ไม่ได้เหมือนจริงหรือมีอะไรน่าสนใจแปลกใหม่เลย สู้เอาขี้ยาตัวจริงมาเล่าอาจจะได้อะไรมากกว่าอีกด้วยซ้ำครับ

Carrie Fisher
นักแสดงมาเล่น Carrie Fisher สมันยสาวๆ แล้วได้ลองยาครั้งแรก

ตัวเรื่องพยายามสอดแทรกว่าสารคดีเรื่องนี้นำเสนอประสบการณ์จริงให้คนดูแทนการไปเสพยาจริงๆ แต่มันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ดูไปมีแต่ความงงงวยกับเรื่องที่เล่าออกมา เผลอๆ คนดูเองจะไปลองเสพยาจริงๆ แทนซะมากกว่า เพราะตัวเรื่องพยายามนำเสนอแง่บวกของพวกยา LSD เห็ดเมา ที่มีวางขายในบางที่แบบถูกกฎหมาย ว่าตอนนี้นักวิจัยในอเมริกากำลังศึกษาการนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า มะเร็ง และอาการอื่นๆ ที่ยาน่าจะช่วยให้อาการเหล่านี้ดีขึ้นได้ แต่จุดนี้ก็ไม่ได้ใส่เรื่องราวเชิงลึกอะไรมาเลย มีแค่ตอนจบว่าพึ่งเริ่มอนุมัติให้นักวิจัยนำไปใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น เป็นการศึกษาเพื่อนำมาใช้แบบถูกกฎหมาย

แม้หลายอย่างจะดูเฟคๆ แต่ที่สำคัญคือถ้าเรื่องเล่าแบบตัดสลับให้สนุกก็จะไม่รู้สึกอะไร แต่เรื่องนี้ตัดต่อก็ไม่ดี มีแต่การผสมภาพฟุตเตจหนังเก่าที่ถ่ายทำเอง สลับกับแอนิชั่น รวมถึงฟุตเตจหนังฮอลลีวู้ดเก่าบางส่วนมายำๆ กัน จนทำให้เรื่องที่ทุกคนออกมาเล่าดูน่าเบื่อไปเลย กลายเป็นจุดเด่นการนำเสนอกลับเป็นจุดที่ดูเฟลแทน แต่ถ้าอยากลองดูสารคดีแปลกๆ ก็ทดลองดูก่อนได้ครับ

ตัวอย่างหนังสารคดี Have a Good Trip Adventures in Psychedelics ผจญภัยหลุดโลกกับยาหลอนประสาท Netflix

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!