playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Heart of Stone Netflix สนุกแบบจืดๆ แม้จะมีแม่แกลมาดึงดูดก็ตาม…

Heart of Stone

Summary

ผลงานสายลับฟอร์มยักษ์ที่น่าผิดหวังมาก ทั้งฉากแอ็กชั่นที่พอดูสนุกอยู่ แต่ก็เล่นแต่ฉากเดิมๆ ธรรมดาไม่มีความแปลกใหม่ มีจุดหักมุมในช่วงแรก แต่จากนั้นก็ไม่มีเลย บทก็เต็มไปด้วยช่องโหว่หลายอย่างที่ชวนให้ตั้งคำถามตลอด จุดดีของเรื่องนี้มีอย่างเดียวคือการได้ดู Gal Gadot เต็มๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนก็มีความน่าดูอยู่ แต่อย่าคาดหวังด้านอื่นๆ จากเรื่องนี้ก็พอครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • สายลับเต็มตัวจาก Gal Gadot
  • อาเลีย บาตต์ จากคังคุไบ
  • ฉากแอ็กชั่นทุนสูงเยอะ

 

Cons

  • บทมีช่องโหว่ไม่สมเหตุผลมากมาย
  • ฉากแอ็กชั่นเยอะแต่ขาดความแปลกใหม่
  • เล่าประเด็นหลักในเรื่องไม่คม

 

ADBRO

Heart of Stone ฮาร์ท ออฟ สโตน หนังแอ็กชั่นสายลับฟอร์มยักษ์ของ Netflix แกล แกด็อตรับบทเรเชล สโตน เจ้าหน้าที่สายลับขององค์กรสายลับในตำนานของโลก ที่ปฏิบัติงานตามคำสั่งของเครื่องมือที่ทำนายผลได้อย่างแม่นยำ แต่ตัวมันเองก็กลายมาเป็นภัยร้ายแรงของโลกนี้เช่นกัน

Heart of Stone (2023) on IMDb

รีวิว Heart of Stone (ไม่มีสปอยล์)

หนังแอ็กชั่นสายลับที่ได้ Gal Gadot มารับบทนำ และหวังสร้างเป็นแฟรนไชนส์กันยาวๆ ด้วยคำโฆษณาดูดีหลายอย่างถึงความสดใหม่ในหนังแนวนี้ แม้แต่การโฆษณาว่าถึงเวลาของสายลับผู้หญิงเป็นตัวเอก ซึ่งจริงๆ ก็มีมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งคำโอ้อวดเหล่านี้กลายมาเป็นปัญหาเมื่อหนังไม่สามารถทำได้ถึงจุดที่โฆษณาไว้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าหนังจะไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้สนุกและแปลกใหม่อย่างที่ควรจะเป็นเลย

 

หนังได้ผู้กำกับ Tom Harper ที่ล่าสุดคือ The Aeronauts ปี 2019 ที่ฉายโรงเล็กน้อยก่อนลง Amazon Prime แล้วก็หายไปมากำกับเรื่องนี้ และร่วมเขียนบทกับทีมงานเดิมด้วยเช่นกัน (Richard Holmes,Tom Harper, Jack Thorne) ซึ่งเป็นผลงานแนวสายลับทุนสูงที่ต่างจากผลงานในอดีตที่ออกแนวดราม่า เรียกว่าเป็นของใหม่ของทีมงานเขาเลยก็ว่าได้ ทำให้องค์ประกอบเรื่องบทที่ควรจะสดใหม่ แต่กลับไปคล้ายซีรีส์ของ Prime เรื่องล่าสุด Citadel ที่สร้างโดยพี่น้องรุสโซ่ ที่พึ่งทำ The Gray Man ปี 2022 ลง Netflix ไปเช่นกัน กลายเป็นการสลับทีมงานสร้างกันเลย แล้วผลที่ได้ก็แย่ลงด้วยเมื่อมาลงใน Netflix 

ความเหมือนกับ Citadel จุดใหญ่เลยคือเรื่องราวของ องค์กรสายลับในเงามืดที่คอยช่วยเหลือหรือทำภารกิจใหญ่ในโลกมาตลอดกลับต้องมาเจอปัญหาในตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ที่ว่าหนังสายลับโดยปกติมักอ้างอิงหน่วยงานหลักในโลกไปหมดแล้ว ก็เลยต้องมาใช้พล็อตนี้เล่น แต่ประเด็นมันสดใหม่แค่นิดเดียว โดยอ้างว่าองค์กรสายลับชาร์เตอร์ในเรื่องนี้มีอุปกรณ์ที่ชื่อว่า “ฮาร์ท” ที่แฮ็กทุกอย่างได้ในโลก (ใน Citadel ก็มีเหมือนกันอีก)  เป็นอาวุธที่ใช้สั่งงานปฏิบัติการต่างๆ ให้สายลับทำเพื่อเป้าหมายความสำเร็จสูงสุด แต่ก็เป็นเหตุให้ตัวร้ายใช้จุดนี้หลอกและพยายามขโมยเครื่องมือนี้มาเพื่อครอบครองเอง ซึ่งฟังดูไอเดียมันก็ดีอยู่ แต่ผลลัพธ์ของเรื่องคือบทมีช่องโหว่ปัญหามากมาย ยกตัวอย่างที่มาของเครื่องมือนี้ก็แทบไม่มีปรากฎ องค์กรในเรื่องก็มองไม่เห็นว่าใช้เงินลงทุนหรือมีที่มาจากไหน ถึงขนาดทำแบบนี้ได้ฟรีๆ หัวหน้าองค์กรก็เป็นคนดีกันสุดๆ ตัวร้ายก็เก่งแบบโอเว่อร์โดยไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมหลบเลี่ยงฮาร์ทมาได้โดยตลอด ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้ชมต้องรู้สึกเอะใจแล้วตั้งคำถามกันตลอดเรื่องแน่นอน

ที่บังเอิญเหมือน Citadel อีกจุดใหญ่ คือการใช้ตัวเอกเป็นนักแสดงอินเดีย อาเลีย บาตต์ จากคังคุไบ ส่วน Citadel ใช้ Priyanka Chopra Jonas นางเอกจาก The White Tiger ของ Netflix คือเป็นความบังเอิญที่น่าแปลกใจ แต่พอเข้าใจได้ว่าแนวสายลับผู้หญิง ต้องการรูปร่างหน้าตาแบบนี้ และเพื่อเจาะตลาดสตรีมมิ่งอินเดียที่ใหญ่มากด้วย ซึ่ง อาเลีย บาตต์ ก็พอใช้ได้อยู่ในบทแฮ็กเกอร์สาวที่หลงผิด แต่บทของเธอพึ่งเป็นจุดเริ่มเรื่องนี้แล้วหวังไปต่อในภาคหน้า ก็เลยไม่ได้มีเยอะมาก

แต่แน่นอนว่าผู้ชมทั้งหมดต้องการมาดู Gal Gadot มากกว่า ซึ่งบทของเธอก็ถือว่าเน้นแอ็กชั่นมากที่สุดที่เคยเล่นมา เพราะนี่เป็นหนังโชว์ออฟตัวเธอล้วนๆ โดยมีคนอื่นเป็นตัวรองในตอนแรกตามบทสายลับที่แฝงเข้าทำงานใน MI6 อีกที แต่น่าเสียดายที่ฉากแอ็กชั่นต่างๆ มันไม่ว้าวเลย แม้จะทำออกมาค่อนข้างสนุก แต่มันก็ยังไม่อลังการ แปลกใหม่ มีจุดขายใดๆ เลยสักฉาก ดูแล้วสนุกแบบเฉยๆ มากกว่าสนุกตื่นเต้นลุ้นระทึกแบบที่ควรจะเกิดขึ้นบ้างกับหนังแนวนี้ และนี่คือภาคแรกด้วย ไม่ใช่หนังหลายภาคที่มีปัญหาตรงนี้เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ซึ่งหลักๆ ก็น่าจะมาจากทีมงานสร้างมือไม่ถึงด้วยนี่แหละครับ (ไม่นับความหลุดของฉากแอ็กชั่นที่มีเยอะด้วยเช่นกัน)

ตัวเรื่องพยายามเอาประเด็นของการทำตามคำสั่งกับทำตามเจตจำนงค์ของตัวเองมาใช้เล่นหลายครั้ง แต่ปัญหาคือหนังก็ยังตีบทไม่แตกตรงนี้ ประเด็นที่นำมาใช้กลับทื่อๆ ไม่พลิกแพลง ไม่มีจุดหักมุมเลย เริ่มมาว่าความผิดพลาดมาจากระบบกับการตัดสินใจของนางเอก แต่ตอนจบกลับสรุปจบเหมือนโยนความผิดให้ระบบล้วนๆ โดยที่ขาดดีเทลของการทำงานให้แน่ชัดไปว่า ตกลงต่อไปจะใช้ฮาร์ทแค่ไหนยังไง และยังเน้นให้ความสำคัญอยู่หรือไม่ ซึ่งหนังทิ้งท้ายไว้ว่าทำต่อแน่นอนถ้าเน็ตฟลิกซ์ไฟเขียว แต่น่าจะลำบากจากผลงานที่ออกมาด้อยมาตรฐานเป็นอย่างมาก

 

โดยรวมนี่คือผลงานสายลับฟอร์มยักษ์ที่น่าผิดหวังมาก จุดดีของเรื่องนี้มีอย่างเดียวคือการได้ดู Gal Gadot เต็มๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนก็มีความน่าดูอยู่ แต่อย่าคาดหวังด้านอื่นๆ จากเรื่องนี้ก็พอครับ

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!