รีวิว Hello Me! (Netflix) ซีรีส์น้ำดีที่ช่วยปลุกไฟในชีวิตให้กลับมาอีกครั้ง (อัพเดทจบ)
Hello, Me! สวัสดีตัวเอง
สรุป
ซีรีส์ที่เอาเรื่องราวจริงของผู้ใหญ่ในวัยกลางคนที่หมดไฟในชีวิตมาเล่นเป็นแนวตลกเสียดสีชีวิตได้สุดฮา เมื่อมาเจอตัวเองในวัยเด็กอีกครั้ง ตัวเรื่องเต็มไปด้วยความน่ารักสดใส แต่ก็ยังจริงจังกับดราม่าการเติบโตเปลี่ยนแปลงของตัวละครนางเอกวัยเด็กกับผู้ใหญ่ไปพร้อมกัน ดูแล้วได้แรงบันดาลใจสู้ชีวิตในเรื่องต่างๆ บทดีตั้งแต่ต้นจนจบลงตัวสวยงามไม่มีหลุดจากหัวใจสำคัญของเรื่องเลย เป็นซีรีส์น้ำดีที่เมื่อดูจบแล้วจะประทับติดอยู่ในใจเรื่องแน่นอนครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- นำเรื่องราวชีวิตจริงของผู้ใหญ่ที่ล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาใช้เป็นเมนหลักของเรื่องกับทุกตัวละคร
- มุกตลกที่ยิงมาไม่หยุด ไม่เว้นแม้แต่มุกสัปดนหรือตลาดล่างเล่นกัน
- นางเอกวัยเด็กกับผู้ใหญ่ต้องเล่นสอดรับประสานกันเหมือนฝาแฝดต่างวัย ซึ่งทั้งคู่เล่นได้ลื่นไหลสุดๆ
- พระเอกที่ชีวิตล้มเหลวไม่เอาไหน นิสัยแย่ แตกต่างจากบทพระเอกดีๆ ในเกาหลีทั่วไป
- เรื่องราวมีย้อนยุคกลับไป 20 ปีก่อนพร้อมกับปัจจุบัน
- เรื่องราวการทำงานสร้างชีวิตใหม่อีกครั้งในช่วงสูงวัย
- ความลับในอดีตที่ทุกคนเชื่อมโยงถึงกันหมดแบบวุ่นวายมาก
- รักสามเส้าจากอดีตมาปัจจุบันที่ชวนให้ลุ้นน่ารักสุดๆ
- เพลงประกอบไพเราะส่งอารมณ์เข้ากับเรื่องมาก
Cons
- จุดแฟนตาซีข้ามเวลาของเรื่องดูซ้ำกับเรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมาก่อนเยอะแล้ว
- นางเอกคือไม่สวยเลย ขี้เหร่ด้วย ถ้าใครดูเน้นนางเอกสวยคงต้องผ่านไปเลย (แต่บทต้องเป็นแบบนี้)
- พระเอกไม่ได้หล่อ ไม่เน้นหล่อ ซึ่งก็ตรงตามบท แต่สายเน้นดูหน้าตาพระเอกหล่อชวนจิ้นก็คงต้องผ่าน
- ความติ๊งต๊องหลุดโลกของเรื่องมีสูง ถ้าใครไม่ชอบมุกตลกบ้าบอเกินจริงอาจจะไม่ตลกแทน
Hello Me! สวัสดีตัวเอง ซีรีส์แนวดราม่าตลกแฟนตาซี Netflix เมื่อสาววัย 37 ใกล้หมดไฟในชีวิต กลับต้องมาเจอตัวเธอเองในวัย 17 ปีสุดฮอต ที่ช็อคเมื่อรู้ว่าชีวิตตัวเองตอนโตกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง
ตัวอย่าง Hello Me! สวัสดีตัวเอง
ซีรีส์พล็อตแนวข้ามเวลา หรือย้อนวัยไปดูตัวเองแก้ไขความผิดพลาดมีมาหลายครั้งแล้ว (อย่าง 17 Again) ดูเผินๆ อาจจะมองว่าไม่แปลกใหม่ แต่สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่ามีความแตกต่างไปพอสมควร เพราะนี่ไม่ใช่การย้อนเวลาหรือย้อนอายุ แต่เป็นการดึงคนตัวละครในวัยเด็กมาสู่ยุคปัจจุบันมาอยู่ด้วยกัน เป็นนางเอกทั้งคู่ และก็ต้องรับบทบุคลิกท่าทางสอดคล้องเหมือนกันหมด แบบเล่นเหมือนเป็นฝาแฝดทำอะไรพร้อมกัน แต่แค่เป็นคนละช่วงวัยต่างกันเท่านั้น
ซึ่งการข้ามเวลามาในเรื่องนี้ก็เป็นเป็นแนวตัวละครเปิ่นๆ จากยุคสมัยก่อนมายังปัจจุบันที่เจออะไรก็เข้าใจผิดไปหมด (อย่างเข้าใจว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเป็นที่ชั่งน้ำหนัก) ซึ่งตัวเรื่องเน้นฮาแบบไม่บันยะบันยังกันเลย แถมยังเล่นมุกสัปดนหรือเรื่องขี้ๆ ตลาดล่างแบบไทยๆ เยอะผิดไปจากมุกเกาหลีปกติมากพอสมควร แต่ก็ทำออกมาฮาได้ใจจริงๆ เรียกว่าคนเขียนรีวิวขอการันตีเลยว่าผู้ชมจะเจอการยิงมุกขำก๊ากแบบไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องนี้บ่อยมว๊าก แถมยังกล้าเล่นมุกบ้อบอใส่ฉากในจินตนาการที่เพี้ยนสุดๆ เข้ามาหลายฉาก จนเเรื่องนี้เหมือนการยำรวมมิตรตลกแฟนซีที่ตั้งใจให้ผู้ชมขำก๊ากกันไม่หยุดตลอดเรื่องเลยจริงๆ
แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องจะตลกจนไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้จับต้องได้นะ ตัวเรื่องชีวิตของนางเอกนี่คือ การถอดเอาชีวิตจริงช่วงสูงวัยใกล้ 40 ของผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายส่วนมากมาไว้ในเรื่อง ซึ่งนางเอกของเรื่อง พัน ฮานี รับบทโดย Choi Kang-hee ดาราสาวที่ไม่ได้สวยหรือศัลอะไรมานัก ทำให้เธอเหมาะกับบทสาวลูสเซอร์นี้มาก ถามว่าลูซเซอร์แค่ไหน ก็ขนาด ไม่มีบ้าน ไม่มีแฟน ตกงาน เงินเก็บก็ไม่ค่อยมี จนสุดๆ หน้าตกกระเต็มไปหมด มองแทบไม่เห็นความสวยเลย แถมนิสัยก็มีความกวนโอ้ยอยู่พอสมควร แต่เธอก็เป็นนางเอกของเรื่องนี้จริงๆ คู่กับนักแสดงเด็ก Lee Re ที่มารับบทเป็นตัวเธอเองในวัย 17 ที่โครงหน้ามีเค้าเดียวกันได้ แต่บทของ Lee Re นี่คือดาวโรงเรียน มีแต่คนมารุมหลงรัก เป็นสาวป็อบตัวท็อปในสมัยนั้นเลย ซึ่งในเรื่องการมาเจอกันของทั้งคู่จากอุบัติเหตุรถชนพร้อมกันแต่คนละห้วงเวลา ทำให้ฮานีในวัยเด็กได้มาเจอตัวเองตอนโต และเสียเซลฟ์กันสุดๆ ว่าทำไมตัวเองกลายเป็นแบบนี้ได้ ซึ่งจุดนี้เองคือความลับสำคัญของเรื่องที่จะเผยหลังจากจบตอน 2 ไป ว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้ชีวิตดีๆ สวยหรูในวัยเด็กถึงกลายมาเป็นสาวขี้แพ้ในชีวิตจริงไปได้ และก็กระชากให้อารมณ์ตลกนำของเรื่องนี้ดิ่งกลายเป็นดราม่าเศร้าๆ ไปได้ในทันที แต่ว่าตัวเรื่องไม่ได้จะเดินหน้าไปในแนวดราม่าเศร้าๆ หรอกนะ เพราะเนื้อแท้ของเรื่องนี้คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองของทุกตัวละคร ซึ่งตอนเริ่มเรื่องก็คือเฉลยตอนจบของเรื่องไปแล้วว่า นางเอกเปลี่ยนแปลงตัวเองมีชีวิตที่ดีกว่าที่เห็นได้ และเขียนบันทึกถึงตัวเองในอดีตที่ข้ามเวลามา ดังนั้นเรื่องนี้คือตั้งใจเผยให้เห็นแฮปปี้เอนดิ้งสวยงาม แต่ระหว่างทางคือสิ่งที่ให้เราตามดูกันว่า นางเอกเปลี่ยนตัวเองในวัย 37 ให้เป็นคนใหม่ได้อย่างไร รวมถึงเธอในวัยเด็กด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ต้องติดตามในเรื่องนี้
สำหรับพระเอกในเรื่องนี้คือ ฮัน ยูฮวอน รับบทโดย Kim Young-Kwang ในบทลูกเศรษฐีขี้จุ๊ โกหกสารพัด ไม่ทำงานทำการเอาแต่เล่น แม้วัยจะเข้า 30 แล้วก็ตาม จนถูกพ่อตะเพิดออกจากบ้านไม่ให้อะไรติดตัวมีแค่กางเกงใน ก่อนจะถูกตำรวจจับไปขังเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนโรคจิต และได้บังเอิญมาเจอกับนางเอกในนั้น บทพระเอกในเรื่องนี้เป็นแนวกุ๊กกิ๊กชวนจิ้นขำๆ ด้วยอายุที่ต่างกันถึง 7 ปี แถมปัญหาของตัวพระเอกเองก็มาแนวเดียวกับนางเอกคือเป็นคนอายุเยอะที่ไม่เอาไหน ต่างกันที่บ้านพระเอกรวยจริง แต่ถูกตัดท่อน้ำเลี้ยงหมดกลายมาเป็นคนจนแบบเดียวกับนางเอก ซึ่งตัวโครงเรื่องพระเอกเองก็ต้องพัฒนาตัวเองให้หลุดจากสภาพนี้ให้ได้เช่นกันครับ
ตัวเรื่องยังใส่ตัวร้ายมาขำๆ ชื่อ แอนโธนี (รับบทโดย Eum Moon-Suk) มาเป็นดาราคู่ปรับนางเอก ซึ่งเผอิญไปทะเลาะกันด้วยเรื่องขรี้ๆ (อันนี้ต้องดูเองขำหนักมาก) และไม่ใช่แค่นั้นแต่เรื่องวางให้เขามีอดีตที่คาดไม่ถึงกับนางเอกด้วย แถมยังศัลยกรรมหน้าใหม่จนทำให้กลายเป็นปมที่ต้องปกปิดไว้อีก และบทนี้ก็ไม่ได้มาแบบธรรมดา เพราะเขาเองก็มีความรักฝังใจไม่เคยลืมกับพันฮานีอีกด้วย โดยที่ไม่ใช่แนวตลกหรือร้ายๆ แต่เป็นไปในแบบจริงจังชวนซึ้งไปกับมุมนี้ของเขาที่ไม่คาดคิดว่าจะมีในตอนแรก ซึ่งนักแสดงวัยเด็กที่มารับบทนี้ก็แสดงได้เก่งมากกับบทตัวร้ายมาดกวนแต่เอ๋อๆ รักเค้าข้างเดียวยอมให้ทุกอย่าง ดูเป็นแนวตลกลอดเวลา แต่พอถึงช่วงดราม่าก็ลากให้คนดูคล้อยตามได้เลยเหมือนกัน
พันฮานีวัยเด็กที่แสนสดใสเปล่งประกายที่สุดของเรื่อง
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้สนุกน่ารักมากจริงๆ ก็คือบทและการแสดงของน้อง Lee Re ที่เล่นเป็นนางเอกพันฮานีวัยใสๆ มีความฝันอยากเข้าวงการ บทของเธอคือมีทั้งช่วงอดีตกับปัจจุบันไปพร้อมกัน เรียกว่าเล่นเยอะกว่า Choi Kang-hee ตอนโตซะอีก เพียงแต่น้ำหนักของเรื่องจะอยู่ที่บทตอนโตมากกว่า พันฮานีตอนวัยรุ่นคือความแสบกับวีรกรรมสารพัด ตอนแรกอาจจะดูไม่ใช่เด็กสวยน่ารักอะไรมาก แต่พอเรื่องเดินหน้าไปเรื่อยๆ จะเห็นเลยบทนี้มีความหลากหลายสูงมาก ทั้งแก่นแก้ว กวนโอ๊ย มีฉากทาหน้าดำปี๋เป็นตอนยาวๆ ไม่ได้เน้นเรื่องความสวยเลยแต่เธอก็ยังเอาอยู่ คนดูมองเห็นความน่ารักของตัวละครนี้แบบมีออร่าเปล่งออกมาได้เพราะนักแสดงล้วนๆ เลยครับ
พันฮานีวัยผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับชีวิตการทำงานของจริง
เรื่องอาจจะแปลกสักหน่อยที่ให้นางเอกเป็นคนที่ไม่มีงานการทำประจำดีๆ เลย ที่ผ่านมาก็แค่ลูกจ้างชั่วคราว ถูกไล่ออกตอนไหนก็ได้ พอเรื่องเริ่มหันเข้าสู่เส้นเรื่องหลักคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างที่เปิดให้เห็นตอนเริ่มต้น นางเอกก็เหมือนเด็กจบใหม่ที่พึ่งมาทำงานบริษัทจริงจังเป็นครั้งแรก และพยายามปรับตัวเรียนรู้ทุกอย่างให้ตามคนอื่นในทีมทัน ซึ่งเรื่องเดินหน้าด้วยอุปสรรคจากหัวหน้าในทีมที่บังเอิญเป็นคนรู้จักของเธอในวัยเด็ก กลายเป็นกึ่งๆ ตัวร้ายที่ทำให้เธอต้องลูกขึ้นสู้ และพิสูจน์ตัวเองให้ถูกยอมรับให้ได้ในสไตล์วิ่งเข้าชนด้วยความจริงใจ อันเป็นเอกลักษณ์นิสัยข้อดีที่สุดของนางเอกที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก แม้เวลาและความทรงจำเลวร้ายจะทำลายส่วนอื่นของเธอไปหมดแล้วก็ตาม ซึ่งพาร์ทชีวิตการทำงานนี้เรียกได้ว่าช่วยเติมฝันสร้างกำลังใจให้คนดูเป็นอย่างมากอีกด้วย
เจาะลึกสายงานขนมขบเคี้ยว
ในเรื่องจะเกี่ยวกับขนมขบเคี้ยวตั้งแต่แรกเริ่มที่นางเอกเป็นพนักงานขายสินค้าทดลองตลาด ก่อนจะมาเป็นพนักงานแผนกวิจัยตลาดและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเรื่องให้นางเอกไม่มีความรู้เริ่มจาก 0 เลย ในแต่ละตอนก็ค่อยๆ ใส่เรื่องราวความรู้ในสายงานด้านนี้มาอย่างละเอียด ว่ามีอะไรบ้าง ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ การชิมรับรส การออกแบบซอง ฯลฯ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวสนุกสนานสอดแทรกมาด้วยกันอย่างลงตัว
ความลับในอดีตของตัวละครที่พัวพันเชื่อมโยงถึงกันหมด
จุดขายของเรื่องอีกส่วนคือ การที่ตัวละครพัวพันในอดีตตอนเด็กกันทั้งหมด และดูท่าจากคู่อริไม่ชอบหน้ากัน จะกลายมาเป็นรักสามเส้าในปัจจุบันแทนซะด้วย ซึ่งเรื่องถูกวางซ่อนปมไว้ไม่ให้นางเอกรู้ ส่วนพระเอกรู้ โดยมีแอนโธนี่เป็นตัวเชื่อมให้ตัวละครทั้งหมดมาเกี่ยวข้องกันในอดีต ซึ่งส่วนนี้ต้องรอดูต่อไปว่าเรื่องจะผูกปมให้ยุ่งเหยิงมากขึ้นแค่ไหน โดยที่มีพันฮานีตอนเด็กวาร์ปมาอยู่ในปัจจุบันเป็นตัวแปรของเรื่องด้วยอีกคน
เนื้อหาส่วนของแฟนตาซีข้ามเวลามีมากแค่ไหน?
เนื้อเรื่องเป็นการข้ามเวลามาก็จริง แต่เรื่องไม่ได้เน้นจุดนี้มากมายอะไร มีเพียงแค่การหาทางกลับไปยังช่วงเวลาเดิมของนางเอกวัยเด็ก ตัวเรื่องจะมีแพลมๆ เรื่องเหนือธรรมชาติที่ตามมานิดๆ ก่อนไปปิดท้ายจบเฉลยว่าเธอข้ามมาเพราะอะไร และเหตุการณ์นี้เกิดจากอะไร ซึ่งจุดนี้อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรนัก เพราะตัวเรื่องเน้นไปที่การเติบโตของตัวละครทั้งคู่เมื่อมาพบกันในอนาคตมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าส่วนของแฟนตาซีจะไม่สำคัญ ตัวบทวางจังหวะหยอดลงมาเรื่อยๆ ทำให้เรื่องมีปมลึกลับน่าติดตามในแบบกำลังดี แต่ก็ไม่ไปกลบหัวใจสำคัญของเรื่อง
เพลงประกอบสุดไพเราะ
ซีรีส์ฉายทุกวันพุทธ-พฤหัส 3 ทุ่มครึ่งเป็นต้นไป มีทั้งหมด 16 ตอนจบ ติดตามได้ผ่าน Netflix ครับ