รีวิว Holiday in the Wild ช้างสื่อรัก
สรุป
หนังเล่นเรื่องราวของความรักของคนผ่านสายสัมพันธ์คู่กับช้าง ซึ่งก็เป็นอะไรที่แฮปปี้ดีต่อหัวใจอยู่ แต่ว่าอินไม่ลงกับเรื่องราวความรักที่หนังยัดมาตรงๆ มากไป แต่เรื่องราวความเป็นอยู่จริงของโครงการช้างกำพร้าแอฟริกาทำออกมาได้ดี
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- ความสัมพันธ์ของนางเอกกับลูกช้างกำพร้าเป็นอะไรที่ดูดีสุดแล้วในหนัง
- หนังฟีลกู๊ดใสๆ ไม่มีดราม่าหนักๆ
Cons
- ความรักของพระเอกนางเอกไวเกินไปจนไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
- ยัดฉากอวดกล้ามพระเอกขายกันตรงๆ
- เนื้อเรื่องเบาเกิน เป็นเส้นตรงแน่วอีกต่างหาก
Holiday in the Wild ฉลองรักกับป่า (คลิกรับชมผ่าน Netflix ที่นี่) “เคท คอนราด” (คริสติน เดวิส) พยายามทำใจให้สดใสหลังจากลูกชายจากบ้านไปไกลเพื่อเข้ารั้วมหาวิทยาลัย โดยจองทริป “ฮันนีมูนรอบสอง” กับสามี แต่แทนที่จะดีใจ เขากลับขอแยกทางกับเธอเสียดื้อๆ เคทจึงเดินทางไปเที่ยวซาฟารีในแอฟริกาคนเดียว โดยนั่งเครื่องบินนำเที่ยวของ “เดเร็ก ฮอลลิสตัน” (ร็อบ โลว์) ซึ่งเขาเป็นนักบิน ในระหว่างท่องเที่ยวนั้นทั้งคู่ได้เข้าไปช่วยชีวิตลูกช้างกำพร้าที่แม่ถูกยิงตายเพื่อล่าเอางา ทำให้เธอสะเทือนใจจนต้องติดตามการรักษาช้างน้อยตัวนี้ผ่านโครงการดูแลช้างกำพร้าในแอฟริกา จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของเธออีกครั้ง
หนังรักใสๆ วัยผู้ใหญ่ผ่านเรื่องราวธรรมชาติของแอฟริกากับน้องช้างน่ารัก (ที่เหมือนช้างไทยไม่ผิด) หนังสร้างตัวละคร “เคท” ให้เป็นแม่คนที่อกหักกับชีวิตคู่ที่จบสิ้นเอาดื้อๆ หลังโดนสามีปลดระวางขอเลิกทันที หลังใช้งานเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกส่งเสียจนเรียนมหาลัยสำเร็จ ซึ่งเคทเองมีดีกรีเป็นถึงสัตว์แพทย์แต่ต้องทิ้งงานการมาเป็นแม่บ้าน ก็รู้สึกเหมือนชีวิตไม่มีเป้าหมายอีกต่อไป แต่การมาเที่ยวแอฟริกาแล้วได้พบกับลูกช้างกำพร้าที่แม่ถูกฆ่าแย่งเอางาไป ปลุกให้ไฟชีวิตของเธอกลับมามีความหมายอีกครั้ง โดยผ่าน “เดเร็ก” หนุ่มหล่อกล้ามโตจิตใจดีที่อาศัยอยู่ในมูลธินิดูแลช้างกำพร้าเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก และแอบปิ๊งเธอตั้งแต่แรกเห็น
นี่เป็นหนังรักสูตรสำเร็จที่เป็นเส้นตรงเอามากๆ เรียกว่าไม่ต้องเดาหรือลุ้นอะไร หนังวางไว้ให้ยังไงสองคนนี้ก็พบรักปิ๊งกันตั้งแต่แรกๆ โดยมีลูกช้างกำพร้าที่ต้องการคนดูแลมาเป็นห่วงโซ่เกี่ยวคล้องให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน หนังมีอุปสรรคนิดๆ หน่อยๆ มีนางร้ายคู่แข่งนางเอกมาขัดขวาง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจวางให้เป็นปมสำคัญอะไร ซึ่งพอมันไม่ต้องลุ้นอะไรแบบนี้ก็เลยไม่รู้สึกว่าอินอะไร มองในมุมแม่หม้ายไฮโซอย่างเธอ การที่มีหนุ่มรูปงามกล้ามโตมาปิ๊งในแดนไกล ก็คล้ายๆ พล็อตหนังอีโรติคสมัยก่อนยังไงไม่รู้ ซึ่งหนังจงใจให้มีฉากพระเอกถอดเสื้อโชว์แบบกะขายตรงฮาร์ดเซลกันเลยทีเดียว แม้บทพระเอกจะวางไว้ว่าเป็นคนเหงาสันโดษไม่เปิดใจให้ใครง่ายๆ แต่ก็ดูเหมือนมันขัดแย้งกับเรื่องราวที่พระเอกดูจู่โจมเข้าไปจีบนางเอกตั้งแต่แรกพบ เลยกลายเป็นพระเอกตัวประกอบในเรื่องราวนี้เท่านั้น
หนังให้เวลานางเอกไปกับเรื่องราวการเลี้ยงลูกช้างกำพร้า พร้อมกับช่วยเหลือลูกชายที่ต้องมาพบการหย่าร้างของพ่อแม่แบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งเป็นพล็อตรองของเรื่องที่ดันเด่นกว่าเรื่องความรักกับพระเอกซะอีก ในส่วนของลูกช้างกำพร้าทำออกมาได้น่ารักขี้เล่นดูธรรมชาติน่ารักดี มีการเลี้ยงดูสานสัมพันธ์กับนางเอกที่น่ารักดีต่อใจ รวมถึงมีเรื่องราวของของครอบครัวช้างในโครงการที่ใช้สถาณที่จริงมาถ่ายทำ หนังถ่ายทอดออกมาให้คนดูได้เห็นความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่กับช้างกำพร้า ซึ่งต้องมีใจให้กับการดูแลสัตว์จริงๆ ถึงมาทำงานนี้ นั่นทำให้นางเอกได้พบสิ่งที่เป็นความฝันหลังกองทิ้งไว้กับการเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกมานาน และเรื่องราวส่วนนี้ยังถูกผูกปมเข้ากับการตัดสินใจเรียนมหาวิทยาลัยของลูกชายเธอ ซึ่งเขาไม่ได้อยากเรียนตามที่พ่อแม่ต้องการ แต่อยากเดินไปตามความฝันของตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับสะอึกเมื่อตัวเองก็พึ่งมารู้ตัวว่ากำลังเลือกเดินตามความฝันในวัยกลางคนเช่นกัน และเธอต้องเลือกทิ้งตัวตนเพื่อนฝูง สถานะทางสังคมไฮโซทุกอย่างในนิวยอร์ค ซึ่งนี่เป็นอุปสรรคใหญ่อย่างเดียวในเรื่องที่ใส่ไว้ให้นางเอกแก้ และก็ให้คนดูได้มีลุ้นนิดๆ ว่าเธอจะหาทางออกยังไง
หนังเล่นเรื่องราวของความรักของคน แล้วจบลงด้วยความรักสายสัมพันธ์ของคนกับช้าง ซึ่งก็เป็นอะไรที่แฮปปี้ดีต่อหัวใจอยู่ เพียงแต่เรื่องราวความรักที่หนังยัดมาตรงๆ มากไป กลายเป็นดูเฟคไปหน่อย แต่ในส่วนของช้างที่ทำมาจากเรื่องราวที่มีอยู่จริง เป็นอะไรที่ดูประทับใจมีซึ้งและสะเทือนใจเล็กๆ ครับ
ปล.เรื่องราวโครงการเลี้ยงช้างกำพร้าในแอฟริกาในหนังมีจริง หนังทำมาเพื่อกระตุ้นให้คนสนใจช้างแอฟริกาที่เสี่ยงต่อการสูญพันธ์จากการล่า (ช้างแอฟริกามีงาทั้งเพศผู้และเมีย ทำให้ถูกล่ามากกว่าช้างเอเชียที่มีงายาวเฉพาตัวผู้)