รีวิว Homunculus (Netflix) เจาะสมองแหกเนตรสัมผัสจิตวิปลาส!!! (ไม่มีสปอยล์)
Homunculus
สรุป
หนังคัลท์ญี่ปุ่นจากมังงะแนวคัลท์เช่นเดียวกัน ตัวเรื่องแปลก แหวกแนว สุดพิลึกพิลั่นมาก ด้วย CG มนุษย์ประหลาดที่เกิดจากปมในจิตใจ อาจจะต้องตีความในส่วนนี้บ้าง แต่ถึงไม่เข้าใจเลยก็ยังดูสนุกได้ ถ้าเข้าใจสไตล์หนังที่สร้างจากมังงะญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมก็ไม่มีปัญหาในการรับชมครับ แต่ถ้าไม่ชินก็คงปวดหัวกับความแปลกประหลาดเพี้ยนๆ ไม่สมเหตุผลหลายอย่างได้เหมือนกัน แต่ยังไงก็อยากลองเชื้อเชิญให้ทดลองดูกันก่อนครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ร่างสัตว์ประหลาด ฮามังคิวลัส ในเรื่องพิลึกพิลั่นโดดเด่นมาก และ CG ในส่วนนี้ถือว่าถ่ายทอดออกมาดีพอตัวเลย
- เนื้อเรื่องแปลกเดายากมากไม่รู้จะไปทางไหน ทำให้น่าติดตามแบบประหลาดๆ
- การแก้ไขปมทางจิตที่ดูสนุกแบบแปลกๆ ไปพร้อมกัน
- มีฉากสยองนิดๆ ตอนเจาะหัว
- ตอนจบดัดแปลงใหม่ไม่ตรงกับในมังงะ
- เป็นหนังโรงที่พึ่งฉายโรงและเน็ตฟลิกซ์ซื้อมาฉายทันที
Cons
- เป็นหนังคัลท์ที่อาจจะมีตรกะแปลกประหลาดไม่สมเหตุผลเยอะ
- ฉาก ฮามังคิวลัส มีส่วนให้คิดตีความแบบไม่มีคำอธิบายในเรื่องหลายอย่าง ใครคิดตามมากๆ อาจจะงงได้
- ช่วงเฉลยความทรงจำพระเอกอัดยัดใส่มารัวๆ ไม่ค่อยดีมาก
- ย่อจากมังงะให้สั้นลงแฟนการ์ตูนอาจจะรู้สึกห้วนๆ ไป
Homunculus ฮามังคิวลัส หนังญี่ปุ่น Netflix แนวไซโคทริลเลอร์แฟนตาซี ความจริงและภาพหลอนพลันคลุมเครือ เมื่อคนไร้บ้านผู้สูญเสียความทรงจำฟื้นขึ้นจากการทดลองทางการแพทย์ พร้อมความสามารถมองเห็นแผลใจที่ซุกซ่อนอยู่ลึกที่สุดในตัวคน
ตัวอย่าง Homunculus
แต่ไม่ใช่ว่าหนังจะทำออกมางงจนไม่น่าดูก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่ก็ลำดับเรื่องได้ดีและทำออกมาให้เราเข้าใจได้ไม่ยาก มีแค่ส่วนที่ต้องตีความเรื่องการเห็น ฮามังคิวลัส ของพระเอกที่ต้องปิดตาขวาใช้ตาซ้าย หรือสมองซีกซ้ายเพื่อเปิดพลังพิเศษนี้ขึ้นมาเท่านั้น ถึงงงว่าบางอย่างจะสื่อถึงอะไร อย่างฉาก SEX ของพระเอกกับนักเรียน ม.ปลาย ที่ร่างกายเป็นทราย แต่พอมองดูชัดๆ กลับเป็นตัวอักษรเล็กๆ ประกอบกันเป็นร่างขึ้นมา แถมยังเป็นแนวล่อแหลมทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง (ตามภาพประกอบด้านล่าง)
ซึ่งถ้าคนดูไม่สนใจจะตีความอะไรเลยก็ยังดูเรื่องนี้สนุกได้ ตัวเรื่องมีปมทางจิตผูกติดกับปัญหาของผู้คนให้พระเอกยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งการแก้ปมทางจิตของพระเอกคือการพยายามตีความร่างแปลกประหลาดของ ฮามังคิวลัส ของคนนั้นว่าสื่อถึงอะไร และค่อยๆ คาดเดาว่าปมทางจิตนั้นมีที่มายังไง จนสุดท้ายคนๆ นั้นก็ยอมเปิดเผยปมในใจของตนเป็นอันคลี่คลาย ทำให้ ฮามังคิวลัส หายไป ซึ่งในมังงะมีถึง 15 เล่ม แต่พอมาเป็นหนังก็เลยต้องตัดหั่นกระชับให้สั้นลงเหลือแค่ 4 คน ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับความพิสดารของเรื่อง และเวลาในเรื่องถูกจำกัดไว้แค่ 7 วันเท่านั้น
CG ของเรื่องในส่วนของ ฮามังคิวลัส ถือว่าทำออกมาดีมากในระดับผ่านเลย แม้อาจจะไม่ถึงกับเนียนกริบอะไรตามแบบหนังญี่ปุ่นจากมังงะ แต่มันตอบโจทย์การถ่ายทอดความบิดเบี้ยวของร่างมนุษย์ประหลาดจากมังงะออกมาได้ตรงๆ ไม่ผิดเพี้ยนเลย และทำให้ผู้ชมชวนอึ้ง ทึ่ง เสียว สยองนิดๆ กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี บางร่างก็ชวนเศร้าแอบน่าเห็นใจอย่างรายของยากูซ่าที่เป็นร่างหุ่นยนต์มีตัวตนเด็กน้อยอยู่ภายใน ซึ่งภาพ CG ที่ออกมาก็ดูเป็นหุ่นยนต์สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเข้ากับปมในเรื่องได้ดีเลย
ตัวหนังนอกจากการเดินเรื่องแก้ปัญหาทางใจให้คนอื่นแล้ว ตัวเรื่องยังคงมีเส้นเรื่องหลักเป็นการสืบสวนคลายปมความทรงจำของพระเอก ที่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่หายไปแบบบังเอิญ ตัวหนังผูกเรื่องตรงนี้ไว้กับพลังพิเศษของพระเอกที่เกิดขึ้นจากอิโต้ เป็นปมทางจิตซ้อนทับอีกทีหนึ่งให้ชวนคิดว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่อิโต้บอกมาตอนแรกว่าไม่เชื่อในพลังพิเศษ และต้องการทดลองเพื่อยืนยันสมมุติฐานนี้ และยังคิดว่าโลกนี้ที่เราเห็นกันอยู่ไม่ใช่ของจริง สิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่ แม้เจ้าตัวเองจะเป็นคนอธิบายเรื่องการเห็น ฮามังคิวลัส ของพระเอกเองแท้ๆ ซึ่งตัวเรื่องมีหลอกล่อทางจิตวิทยาชวนให้คนดูคล้อยตามไปมาได้พอสมควรเลย อาจจะเหวอนิดๆ พอเรื่องเฉลยบางส่วนออกมาว่าที่เราเห็นกันมาตั้งแต่แรก อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นก็เป็นได้
แต่ปัญหาของเรื่องก็มาจากจุดนี้ด้วยเช่นกัน อาจจะเพราะพอเป็นภาพยนตร์มีเวลาจำกัด ทำให้ช่วงเข้าสู่การตามหาความทรงจำของพระเอกค่อนข้างรวบรัดเล่าไวมากๆ และก็เอาเรื่องทางจิตที่สับสนกับประเด็นการเห็น ฮามังคิวลัส มารวมกัน ซึ่งการที่ต้องตีความไปด้วย พยายามเข้าใจลำดับเรื่องช่วงนี้ให้ทันไปด้วย กลายเป็นช่วงที่เหมือนเรื่องพยายามยัดๆ อัดเฉลยมาให้จบๆ แล้วก็ไม่ได้มีฉากการแก้ปัญหาฮามังคิวลัสที่เด่นแบบคนก่อนๆ หนังเหมือนดรอปลง เปลี่ยนแนวฉับพลันเป็นอารมณ์ความเศร้าในเรื่องความรักและการสูญเสียแทน
แต่หนังก็ไม่ได้จบลงที่ความจริงของพระเอก ยังมีต่อด้วยการเฉลยปมของอิโต้ว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรกันแน่กับการทดลองครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของอิโต้ทำออกมาดี และก็ดูตั้งใจทำ CG ฮามังคิวลัสของอิโต้ปิดท้ายเรื่องได้เข้าท่าเลย ซึ่งฉากนี้เองเป็นการอธิบายเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นอีกครั้งว่าอิโต้ต้องการอะไรกันแน่ กับบทสรุปเรื่องพลังของพระเอกที่เหมือนภาพหลอนคลุมเครือว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งหนังจบได้ลงตัว และแตกต่างไปจากมังงะมากด้วยครับ
นี่เป็นหนังคัลท์สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าจริงๆ อาจจะแปลกประหลาดชวนงงอยู่บ้าง แต่เรื่องก็มีอะไรให้น่าติดตามดูสนุกไปได้เรื่อยๆ ไม่ถือว่าผิดหวังอะไร และก็ทำออกมาดีในระดับจากมังงะมาเป็นภาพยนต์ฉายโรงที่โอเคเลยทีเดียว
อ่านรีวิวหนังซีรีส์ญี่ปุ่น Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่