รีวิว I Love You Stupid หนังรักตลกใสๆ ของนายขี้แพ้จากสเปน
I Love You Stupid
สรุป
ถือเป็นหนังรอมคอมฟีลกู๊ดเบาๆ ที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ดีมากเพราะเรื่องเป็นไปตามสูตรทั้งหมด แต่ก็มีความน่ารักขำๆ ไปกับเรื่องราวได้เรื่อยๆ เหมือนกัน เปิดดูได้ไม่เสียหายอะไรครับ
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- ตัวพระเอกที่เข้ากับลุคเนิร์ดเฉิ่มๆ ของเรื่องมาก (เรื่องก่อนก็เล่นบทเดียวกัน)
- นางเอกไม่สวยมาก แต่มีเสน่ห์พอตัวเลย
- ฉาก SEX เปิดเผยเนื้อหนังมังสาเยอะตามแบบหนังยุโรป
- สะท้อนความจริงของผู้ชายวัย 30 กว่าที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักจนต้องโหยหากูรูในเน็ตมาแนะนำ
Cons
- เรื่องราวเป็นไปตามสูตรสำเร็จตลอดเรื่อง
- ไม่มีฉากโรแมนติกอะไรในเรื่องมากนักจนกระทั่งช่วงตอนจบ
- มุกตลกได้แค่เบาๆ ไม่ถึงกับมีขำหนัก
- พระเอกมีแฟนมานาน แถมสวยด้วยจนอาจจะรู้สึกว่าขัดกับบทลุคเห่ยๆ (อาจจะเป็นแนวเรื่องคนละทวีป ถ้าของเอเชียหนังแนวนี้พระเอกต้องไม่เคยมีแฟนมาก่อน)
I Love You Stupid (รักนะ เด็กโง่) หนังรักตลกจากสเปนของ Netflix เรื่องราวของผู้ชายเนิร์ดเฉิ่มๆ ที่ถูกบอกเลิกจากแฟน และพยายามทำตัวเป็นคนใหม่จากคำแนะนำในโลกอินเตอร์เน็ต
ตัวอย่าง I Love You Stupid
บทความมีสปอยล์เนื้อหาหลายจุด แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปตามสูตรอยู่แล้ว
หนังแนวรอมคอมรักตลกขำเบาๆ ไปกับความเห่ยของผู้ชายเนิร์ดเฉิ่มๆ ที่พยายามสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่เป็นชายแท้ในยุคศตวรรษที่ 21 ตามคำแนะนำจากกูรูในอินเตอร์เน็ต ซึ่งพล็อตแนวนี้เกร่อมากๆ จนต้องมาวัดกันที่ฟีลอารมณ์ของเรื่องว่าทำให้เรายิ้มหัวเราะได้มั้ย ซึ่งเรื่องนี้จากหน้าปกเห่ยๆ พระเอกก็ดูไม่น่าสนใจ (พึ่งเล่นเรื่อง The neighbor-ยอดมนุษย์ข้างบ้าน เป็นซีรีส์ลงใน Netflix เช่นกัน) นางเอกของเรื่องก็ไม่ได้สวยอะไรนัก ถือว่าผิดคาดนิดๆ ที่หนังทำให้ดูแล้วอารมณ์ดีมียิ้มหัวเราะไปกับเรื่องราวได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน
อาจจะเพราะลุคของพระเอกคนนี้เหมาะกับบทแนวนี้ที่มักมีชีวิตแบบพวกขี้แพ้ ตกงาน อยู่บ้านพ่อแม่ จนถึงอายุ 35 แล้วก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงทำให้เราเชื่อได้สนิทใจเวลาพระเอกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามดูเป็นคนคูลๆ เท่ๆ ขึ้นมาบ้าง แม้อาจจะไม่ถึงกับเห็นความเปลี่ยนแปลงไปชัดเจน ซึ่งอะไรหลายๆ อย่างที่พระเอกทำลงไปก็ตามแนวในเน็ตแนะนำกัน อย่าง กินคลีน ลดไขมัน เข้าฟิตเนส เล่นกล้าม โกนขน แต่งตัวแบบผู้ใหญ่ทำงาน รวมไปถึงวิธีจีบสาวผ่านแอพหาคู่ แล้วก็สอนแต่ว่าทำไงให้ได้ซั่ม ตัวเรื่องใส่พวกเรื่องเหล่านี้มาแบบขำๆ กำลังดี ไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องตลกโปกฮาเกินไป แอบมีการจิกกัดผู้หญิงยุคใหม่กลับไปบ้างว่าผู้ชายเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเพราะผู้หญิงเลือกมากขึ้นนี่แหละ และก็ทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ดี บางอย่างไม่ได้เข้ากับตัวตนของพระเอกเลย แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองมักจะนำไปสู่สิ่งใหม่ในชีวิตได้จริงๆ ซึ่งช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ผู้ชายส่วนใหญ่ก็คงเคยทำแบบพระเอกในเรื่องมาบ้างแน่นอน
แต่ส่วนนั้นก็แค่ส่วนเสริมเรื่องเท่านั้น ในขณะที่ตัวเรื่องหลักจริงๆ คือ การที่พระเอกถูกบอกเลิกในวัย 35 แล้วก็พยายามลืมเธอให้ได้ แต่มันลืมยากเหลือเกินจนต้องหาใครมาแทนด่วนๆ สักคน ซึ่งเชื่อว่าไม่น้อยเลยคนที่อกหักแล้วค้นอินเตอร์เน็ตคงเจอคำแนะนำแนวๆ นี้ ประเภทที่ว่า ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวทั้งโลก หาคนคุยใหม่ได้เดี๋ยวก็ลืมคนเก่าเอง ในเรื่องนี้พระเอกพยายามทำอะไรไปก็มักจะไปจบท้ายด้วยการคิดถึงแฟนเก่าประจำ (ซึ่งใครๆ ก็คงเคยเป็น) จนเขาได้บังเอิญเจอเพื่อนเรียนสมัยมัธยมที่เคยชอบเขา แต่เขาไม่ชอบตอบเพราะเธออ้วน แต่ในตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากสมัยเรียนมากมาย แล้วเธอก็บอกตรงๆ ว่าก็ยังรักอยู่ แต่ทำไงได้ล่ะในเมื่อพระเอกยังติดแฟนเก่าและก็ไม่ได้มองว่าจะมาชอบเธอได้ แต่เธอกลับกลายเป็นเพื่อนสาวที่คอยแนะนำอะไรมากมาย รวมถึงตัวตนของเธอที่ไม่แคร์ว่าใครจะคิดยังไง กับแนวคิดเป็นตัวของตัวเองไว้ดีสุด ซึ่งต่างจากที่พระเอกพยายามทำอยู่โดยสิ้นเชิง
หนังให้บทนางเอกติสท์ๆ ไม่แคร์สังคมหรือใครจะคิดยังไง แล้วก็เผยทุกอย่างที่เธอคิดออกมาแบบจริงใจตลอดเวลา ก็กลายเป็นเสน่ห์แบบที่คนดูก็รู้สึกได้เลยว่าผู้หญิงแบบนี้ก็น่ารักได้จริงๆ อย่างการที่เธอไม่เรียกชื่อพระเอก แต่เรียกเขาว่า “เด็กโง่” เมมเบอร์ไว้ในมือถือก็ชื่อเดียวกัน (จนมาเป็นชื่อเรื่องนี้) นักแสดงทั้งคู่ก็เล่นเข้าขากันได้ดีมาก ดูเป็นธรรมชาติสบายๆ ให้คนดูได้ลุ้นว่าจะรักกันตอนไหน แต่หนังไม่ได้ทำให้เรื่องมันมีฉากปิ๊งๆ โรแมนติกอะไรเลย ทั้งคู่เป็นเหมือนเพื่อนกันมากๆ แต่เราก็รับรู้ได้แหละสุดท้ายพระเอกก็หันมามองเธอตามสูตรหนังแนวนี้ โดยที่มีโจทย์ว่าแฟนเก่าพระเอกดันกลับมาเจอพระเอกในตัวตนใหม่แล้วกลายเป็นถ่านไฟเก่าคุ พระเอกก็ปิดบังเพื่อนว่าแฟนเก่ากลับมา จนกลายเป็นเรื่องโกหกซ้ำเข้าไปทุกวัน ทั้งๆ ที่ตัวเองเริ่มรู้แล้วว่าชอบใครกันแน่
หนังมาเริ่มน่ารักมากเอาตอนท้ายก่อนจบกับวิธีการขอคืนดีชนะใจเพื่อนสาวของพระเอก ผ่านเพลงในวันวานกับท่าเต้นน่ารักๆ ซึ่งเป็นฉากจบสุดท้ายของเรื่องที่เหวอนิดๆ กับการสารภาพทุกอย่างของพระเอกแบบหมดเปลือกทั้งเนื้อทั้งตัวว่าเขาคิดอย่างไรกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งก็บอกเลยว่าน่ารัก+ทะลึ่งมาก แบบที่หนังไทยไม่มีวันทำแบบนี้ได้แน่นอนครับ ถือเป็นหนังรอมคอมฟีลกู๊ดเบาๆ ที่เปิดดูได้ไม่เสียหายอะไรเรื่องหนึ่งของ Netflix ครับ