รีวิว อีซี่ แอนด์ ออสซี่ หนังรักวัยรุ่นเยอรมันต่างชนชั้น ที่มีดีกว่าแค่เรื่องความรัก
Isi & Ossi
สรุป
หนังรักตลกจากเยอรมันที่แม้จะเบาโหวงไม่มีน้ำหนักในเรื่องความรักของคนทั้งคู่ แต่กลับโดดเด่นตรงการสอดแทรกเรื่องราวชนชั้นและการพยายามค้นหาตัวตนของทุกตัวละครที่ไม่ใช่แค่พระเอกนางเอก ซึ่งมีคุณตาของพระเอกเป็นตัวชูโรงในเรื่องนี้จากฝันอยากเป็นแร็ปเปอร์ ซึ่งหนังทำได้ดีจนกลายเป็นสิ่งที่ดีสุดของเรื่องนี้ไปครับ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- พื้นฐานความคิดพระเอกนางเอกไม่เป็นไปตามสูตรทั่วไป
- ความแตกต่างของชนชั้นที่ลามไปเกาะกินจิตใจตัวละครทั้งคู่
- การค้นหาตัวตนของคนทุกวัย
- ประเด็นการสอบ Abitur ที่กดดันแทรกเข้ามาในชีวิตเด็กเยอรมันมาก
- นางเอกตัวสูงมากจนเด่น
Cons
- หนังรวบรัดเรื่องความรักเร็วไปจนไม่น่าเชื่อถือ
- การเปลี่ยนแปลงตัวตนของนางเอกไวเกินไปนิด
- บทแม่ของอสซี่ที่มีน้ำหนักกับเรื่อง แต่กลับให้เวลาน้อยไป
- ขาดเพลงเพราะๆ ที่ช่วยส่งเสริมอารมณ์ให้กับหนังแนวนี้
Isi & Ossi อีซี่ แอนด์ ออสซี่ หนังวัยรุ่นรักตลก Netflix สัญชาติเยอรมัน เรื่องราวของสาวลูกเศรษฐีพันล้านที่ฝันอยากเป็นเชฟ แต่ว่าพ่อแม่ไม่ให้เรียน จนต้องออกอุบายแกล้งมีแฟนเป็นคนจนนิสัยเถื่อนถ่อย หวังกดดันต่อรองให้ได้สิ่งที่เธอต้องการมา แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเธอตกหลุมรักหมอนี่เข้าจริงๆ
ตัวอย่าง Isi & Ossi อีซี่ แอนด์ ออสซี่
หนังรักวัยรุ่นแนวแกล้งทำเป็นคู่รัก แต่กลับตกหลุมรักกันจริงๆ ซึ่งเป็นไปตามสูตรเดิมๆ เชยๆ ดูจากหน้าหนังไม่ค่อยน่าสนใจดูเท่าไหร่ แต่ว่าเนื้อในมีอะไรที่ออกมาแตกต่างและหนักแน่นน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้ว่าจะใช้สูตรพล็อตเรื่องเดิมๆ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเยอรมัน ทำให้บรรยากาศหรือลักษณะการใช้ชีวิตของตัวละครในเรื่องดูแปลกแตกต่างไปจากหนังอเมริกันอยู่หลายอย่าง รวมถึงมุกตลกออกแนวยุโรปเกี่ยวกับเชื้อชาติชนชั้น ทำให้รสชาติของหนังเรื่องนี้ดูแแปลกลิ้นอยู่ไม่น้อย เริ่มจากการที่ตัวละครหลักทั้งคู่มีนิสัยใจคอกับสมองไม่ตรงกับแนวเรื่องเดิมๆ เลย โดย อีซี่เป็นสาววัยรุ่นที่ไร้สมอง เรียกว่าไอคิวต่ำหรือโง่จริงๆ ของแท้เลยก็ว่าได้ เพราะในเรื่องนี้มีการบ่งบอกย้ำหลายครั้งว่านางเอกโตมากับการที่ทางบ้านพยายามบ่มเพาะให้เรียนพิเศษดีๆ แต่เจ้าตัวหัวไม่ไปจนต้องยัดเงินแลกเกรดเพื่อให้ได้เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งในเยอรมันมีการสอบที่เรียกว่า Abitur อาบิทัวร์ ผู้ที่จบ Abitur เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้ ความเข้าใจสั้นๆ คือเหมือนสอบเอนทรานซ์ของบ้านเราในยุคก่อนโอเน็ท ซึ่งนางเอกสอบ Abitur ได้คะแนนย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่เคยมีการสอบมา เป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเธอไม่มีทางไปรอดในการเรียนมหาวิทยาลัยแน่นอน
ซึ่งเจ้า Abitur นี้เองจะถูกย้ำอยู่หลายครั้งในเรื่องไม่ใช่แค่กับนางเอก แต่ฝั่งพระเอกออสซี่เองก็ตกอยู่ในปัญหานี้เช่นเดียวกันเพียงแต่เป็นคนละแบบ ออสซี่โตมาจากทางบ้านที่แม่นิสัยไม่ดีไม่เอาการเอางาน ตาก็เป็นโจรปล้นร้านค้าจนต้องติดคุก ตัวเขาเองแม้จะฉลาดอยู่ไม่น้อย แต่ก็ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่ในโรงเรียน ทำให้หันไปทะเลาะวิวาทตั้งแต่เด็ก แม่เลยจับให้มาเรียนชกมวยแทน ซึ่งก็กลายเป็นว่าเขาค้นพบทางของตัวเองตั้งแต่เด็ก แล้วก็ละทิ้งการเรียนไปเลย จนกลายเป็นปมน้อยเนื้อต่ำใจว่าเรียนไม่จบ ไม่ได้ไปสอบ Abitur ซึ่งเขาคิดว่าคนที่สอบมาจะเก่งกว่าเขาแน่นอน แม้แต่กับการชกมวยที่ดูไม่เกี่ยวเลยก็ตามที
หนังย้ำเรื่องไอคิวสมอง (ความฉลาดและโง่) ของทั้งคู่ผ่านการแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตคนละขั้วอยู่ตลอดเรื่อง ซึ่งฝั่งออสซี่จะดูดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่บ้านจนทำให้ไม่ได้รับโอกาสต่อยอดไปในทิศทางอื่น แต่ตัวออสซี่เองก็ยืนยันว่าเขารักการชกมวยจริงจัง ไม่ใช่แค่เพราะไม่มีทางเลือก หนังทำให้นางเอกอีซี่กลายเป็นดูแย่กว่าในทุกทาง ทั้งนิสัยที่ก็ไม่ค่อยดีนัก เริ่มตั้งแต่การหลอกพ่อแม่เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินในบัญชีล่วงหน้าที่พ่อแม่ฝากไว้ให้ แล้วก็ยังเลือกออสซี่มาเป็นแฟนตบตา เพียงเพราะเขาดูเถื่อนถ่อยในแบบที่เธอต้องการให้แตกต่างจากสถานะชนชั้นสูงของครอบครัวเธออย่างชัดเจน และความแตกต่างของชนชั้นนี้เองที่ลามไปเกาะกินจิตใจตัวละครทั้งคู่ในเวลาต่อมา
หนังเอาจริงกับเรื่องนิสัยและความคิดของตัวละครพระเอกนางเอกในแบบที่ไม่เป็นไปตามสูตรสักเท่าไหร่ แล้วก็พยายามใช้เวลาให้ทั้งสองคนได้แลกเปลี่ยนมุมมองกันและกัน จนเกิดเป็นความรักในภายหลัง ซึ่งจุดนี้เอาตรงๆ คือแม้เคมีสองคนนี้จะเข้ากันได้ แต่หนังทำมารวบรัดไปมากๆ จนไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่ว่าสิ่งดีๆ ในเรื่องกลับไม่ใช่ประเด็นความรัก แต่กลับเป็นเรื่องการค้นหาตัวตนของตัวละครหลักแต่ละคน ที่ไม่ใช่แค่พระเอกนางเอกของเรื่องที่มีบทนี้เท่านั้น
ในหนังใส่บทคุณตาแก่ๆ ของออสซี่ที่เป็นโจรพึ่งออกจากคุก แล้วเขาต้องการเป็นนักร้องเพลงแร็ป ซึ่งเป็นอะไรที่ดูไม่น่าเป็นไปได้ แถมออสซี่เองก็ยังอับอายที่ตามีความคิดแปลกๆ ไม่เหมือนผู้คนปกติตั้งแต่การเป็นโจรปล้นร้านสะดวกซื้อโง่ๆ จนโดนจับได้หลายครั้ง แม้ว่าจะโดนหลานห้าม แต่เขากลับไปลงแข่งท้าดวลแร็ปสดตามฝันแบบหนัง 8 Mile (หนังดังและดีมากเกี่ยวกับการดวลแร็ปจนได้รางวัลออสการ์) ซึ่งเป็นอะไรที่ดูเกินวัยเอามากๆ เป็นเราก็คงอายเหมือนกันถ้าเจอปู่ห้าวแบบนี้ ซึ่งจุดนี้ตอนแรกเราอาจจะขำไปกับพล็อตกับการกระทำของตัวละครนี้ แต่พอดูไปเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เราคิดตอนแรกกลับกลายเป็นผิด ในโลกยุคนี้กลับมีที่ทางให้คนทุกวัยให้คนได้ค้นพบทางของตัวเองได้เสมอ เพียงแต่เราเชื่อมั่นและพยายามค้นหามันจริงหรือไม่ ซึ่งหนังใส่เรื่องราวตาของออสซี่มาจริงจังพอตัวเลย และจุดนี้เองกลับกลายเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้มากกว่าความรักซะอีก หนังยังส่งประเด็นนี้ไปหานางเอกต่อ จนกลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้นางเอกหันมาทบทวนตัวเองในเรื่องเส้นทางอาชีพในฝันของเธอไปพร้อมกัน
นอกจากนี้หนังยังผูกเรื่องราวความฝันของพระเอกที่ต่องการชกมวยอาชีพเข้ากับการที่ต้องทำงานช่วยกิจการของแม่ที่เหลือเพียงตัวคนคนเดียว ซึ่งสองทางนี้ไปด้วยกันไม่ได้เลย จนทำให้เขาต้องตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตกันแน่ ซึ่งแม้จะดูเป็นปมเล็กๆ แต่ด้วยความที่หนังมองจากมุมคนจนที่ไม่มีทางเลือกจริงๆ นั่นจึงให้ประเด็นนี้มีน้ำหนักขึ้นมา และก็เป็นส่วนเชื่อมโยงกับตอนท้ายที่พระเอกต้องขึ้นสังเวียนตัดสินครั้งแรกว่าจะมีความสามารถเป็นนักมวยอาชีพได้หรือไม่ ซึ่งหนังทำฉากชกมวยออกมาได้ดีพอตัวเลย และก็เป็นฉากปิดท้ายจบสรุปทุกเรื่องราวแบบปลายเปิด ให้พื้นที่คนดูได้คิดจินตนาการเองต่อไป
แม้ว่าที่กล่าวมาดูเป็นดราม่าแทบทั้งเรื่อง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง แต่ก็ยังเป็นหนังตลกที่สอดแทรกมุกหลายอย่างเข้ามาให้ขำได้พอสมควร โดยส่วนใหญ่จะเป็นมุกตลกจากตลาดล่างที่ถูกจับเข้ามาใช้เล่นเสียดสีชีวิตติดหรูของนางเอกกับพ่อแม่ ที่แม้จะขำเล็กๆ แต่ก็สะท้อนความจริงเรื่องชนชั้นด้วยเต็มๆ นอกจากนี้ก็เป็นพวกมุกตลกจากหนังดังๆ อย่างเรื่อง Rocky ก็ถูกนำมาใช้ตอนพระเอกถูกใช้ให้ไปหว่านเสน่ห์นางเอก ก็ทำออกมาได้น่ารักดีในเมื่อพระเอกออสซี่ไม่ได้สนใจผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่กลับต้องมาทำอะไรเลี่ยนๆ ในแบบไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย
Isi & Ossi เป็นหนังรักตลกจากเยอรมันที่แม้จะเบาโหวงไม่มีน้ำหนักในเรื่องความรักของคนทั้งคู่ แต่กลับโดดเด่นตรงการสอดแทรกเรื่องราวชนชั้นและการพยายามค้นหาตัวตนของทุกตัวละครที่ไม่ใช่แค่พระเอกนางเอก ซึ่งมีคุณตาของพระเอกเป็นตัวชูโรงในเรื่องนี้จากฝันอยากเป็นแร็ปเปอร์ ซึ่งหนังทำได้ดีจนกลายเป็นสิ่งที่ดีสุดของเรื่องนี้ไปครับ