Joker รุนแรง หดหู่ กดดัน
สรุป
นี่เป็นหนังดี มีคุณภาพ แต่ไม่ใช่หนังที่ดูสนุกสำหรับคนดูทั่วไป ถ้าไม่ใช่แฟน DC แบบจริงจัง หรือไม่ใช่คนดูหนังสายล่ารางวัล ก็หลีกหนังเรื่องนี้ได้เลย เพราะหนังกดดัน หดหู่ รุนแรง และไม่มีความบันเทิงในเรื่องราวแม้แต่น้อย
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- การแสดงขั้นสุดยอดของวาคิน ฟีนิกซ์
- โลก DC ที่สมจริงในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
- หลอมรวมเชื่อมต่อกับแบทแมนได้เนียน
Cons
- หนังตั้งใจไม่ให้มีความบันเทิงในเรื่องราว
- เรื่องราวมีความรุนแรงสูงจนผู้ชมอาจจะรับไม่ได้
ผลงานเรื่องราวจุดเริ่มต้นของตัวละคร “Joker” จากผู้กำกับฯ ทอดด์ ฟิลลิปส์ (จาก The Hangover) ที่จะพาไปรู้จักกับอาร์เธอร์ เฟลค ตัวตนก่อนจะมาเป็นโจ๊กเกอร์ ที่รับบทโดยวาคิน ฟีนิกซ์ เจ้าของนักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar มาแล้วถึง 3 ครั้ง (“The Master,” “Walk the Line,” “Gladiator”) ถ้าคุ้นหน้าตากันหน่อยก็จาก Her ที่เขาเล่นกับคนรัก AI ที่เหมือนตัวตนสมมุติทั้งเรื่อง และมาในเรื่องนี้วาคิน ฟีนิกซ์ ก็ได้รับบทที่ท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดงอีกครั้ง ซึ่งโจ๊กเกอร์นอกจากจะเป็นบทที่มีความซับซ้อนมากแล้ว ยังเป็นเหมือนบทที่ต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับผลงานของฮีธ เลดเจอร์ ใน The Dark Knight ที่ถูกยกย่องว่าเป็น “โจ๊กเกอร์ ที่ดีที่สุดตลอดกาล” ซึ่งไม่ใช่แค่การที่เขาต้องมาจบชีวิตหลังถ่ายทำ แต่ถ้าใครได้ดูหนังเรื่องนี้ก็คงต้องยกตำแหน่งนี้ให้แบบไม่มีข้อสงสัยอยู่ดี ดังนั้นนี่จึงเป็นบทที่ท้าทายนักแสดงมากๆ ว่าจะเทียบชั้นหรือเหนือกว่าตำนานได้หรือไม่
Joker รีวิว มีสปอยล์ในบางส่วนผิวเผิน กับสปอยล์หนักในส่วนด้านล่างสุดของงาน
อาร์เธอร์ เฟลค เป็นชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายทารุณและสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามในเมืองก็อตแธม ซึ่งเป็นยุคเริ่มที่สังคมเริ่มผุพังจากหลายๆ สิ่งที่ทับถมเข้ามาในเมือง ดังจะเห็นได้จากข่าวมีหนูยักษ์บุกเมืองจากขยะจำนวนมากที่จัดการไม่ได้ขึ้นมาตอนแรก หนูที่เป็นเหมือนตัวแทนของสิ่งสกปรกโสมมได้เติบโตขึ้นจนครองเมืองก็อตแธม ในขณะที่ชาวเมืองก็หวังให้มีการจัดการปัญหาจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งนักธุรกิจมหาเศรษฐี “โทมัส เวย์น” คือหนึ่งในคนที่ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ ใช่ครับ นี่เป็นโลกของแบทแมนในยุคที่พ่อของบรู๊ซ เวย์น ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งผู้กำกับพยายามหลีกเลี่ยงว่า Joker ภาคนี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปยังแบทแมน แต่จากที่ดูจะเรียกว่าเป็นแบบนั้นคงไม่ได้ เพราะนี่คือเรื่องราวที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเมืองก็อตแธม ก่อนจะมีแบทแมนปรากฎออกมาได้อย่างแนบเนียน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติว่าโจ๊กเกอร์เป็นใคร มาจากไหน ในหนังนี้พยายามฉีกตัวเองออกมาจากจักรวาล DC แต่ก็ยังแอบเชื่อมต่อกันได้อย่างเนียน แม้จะไม่ใช่แบบทางการ แต่หลังดูจบเชื่อว่าทุกคนที่เป็นแฟนแบทแมนก็คงเห็นด้วยว่า นี่เป็นการเขียนบทสร้างโจ๊กเกอร์ให้เป็นจุดกำเนิดก็อตแธมเมืองคนบาปกับแบทแมนไปพร้อมกัน
อาร์เธอร์รับจ้างแต่งชุดตัวตลกรายวันตามงานต่างๆ เขามีความฝันอยากเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน ซึ่งก็คงเป็นไปได้ถ้าเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องโรคหัวเราะเองจากอาการควบคุมกล้ามเนื้อไม่ได้ อาการนี้แปลกประหลาดและนำพาปัญหาหลายอย่างมาสู่ชีวิตเขา หนังจะพาไปให้เห็นชีวิตของอาร์เธอร์ที่พยายามดูแลแม่ พยายามเป็นคนปกติที่ดีในสังคม แต่สังคมก็อตแธมในตอนนี้เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำของฐานะทางสังคม ยิ่งเขาพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนถูกคนในสังคมกลั่นแกล้งให้เขาไม่สามารถมีชีวิตมีหน้าที่การงานที่ดีได้ สุดท้ายก็กลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่ระเบิดตูมขึ้นหลังบ่มเพาะเชื้อมานาน แต่นั่นทำให้เขาพบตัวตนใหม่ที่ไม่ต้องแคร์กับการเป็นคนดีตามปกติอีกต่อไป การกลายมาเป็นคนชั่วในคราบหน้ากากตัวตลก กลับได้รับการตอบสนองให้เขามีตัวตนมากกว่าอาร์เธอร์ เฟลคคนเดิมที่พยายามเป็นนักแสดงตลก แต่กลับกลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นเขาขำแทน ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดอับอายกับการที่ผู้คนตอบสนองต่อสิ่งที่เขาเป็น (อ่านรายละเอียดเพิ่มในสปอยล์ด้านล่างสุด) และนั่นเป็นชนวนระเบิดสุดท้ายที่ทำให้ฉายา Joker ปรากฎขึ้นมาในเมืองก็อตแธม และกลายเป็นชนวนที่ส่งแรงระเบิดมาถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นของบรู๊ซ เวย์น ก่อนจะมาเป็นแบทแมนในเวลาต่อมา
เรื่องราวอีกส่วนของอาร์เธอร์จะทุ่มเทเวลาไปกับการดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง แม่ของเขามีความเชื่อว่า โทมัส เวย์น เป็นคนดีและจะช่วยเหลือครอบครัวเขาได้ จึงเขียนจดหมายไปหาและรอการตอบรับความช่วยเหลือมาตลอด จนเขาได้มาล่วงรู้ความลับในเรื่องนี้ (อ่านในสปอยล์ด้านล่างสุดของรีวิว) จึงนำไปสู่ความพยายามให้มีตัวตนเกิดขึ้นมา ตรงนี้เป็นบทที่เสริมให้เรื่องราวของ โทมัส เวย์น กับ อาร์เธอร์ เฟลค มีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้น ซึ่งหนังจะไม่ได้เฉลยตรงไปตรงมาว่า สุดท้ายแล้วอะไรจริง อะไรเท็จกันแน่ เป็นความฉลาดของผู้เขียนบทที่เลือกเล่นนอกบทจากเรื่องราวเดิมๆ ทำให้บท Joker ในเวอร์ชั่นนี้มีน้ำหนักที่มาที่ไปกลายเป็นศัตรูคู่แค้นตลอดกาลของแบทแมนได้อย่างสมจริง ซึ่งถ้าสร้างขึ้นมาจริงๆ ก็ลงตัวมากกับจุดกำเนิดของเรื่องราวใหม่ในโลกของแบทแมนแบบนี้ (แต่ผู้กำกับยืนยันว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับแบทแมทในจักรวาลอื่นๆ)
นี่เป็นหนังที่เรียกว่าได้สมบูรณ์แบบกับการเล่าเรื่องราวที่มาของ “Joker” ซึ่งแฟน DC ต้องชอบแน่นอนกับการแต่งเติมจินตนาการนี้ขึ้นมาครั้งแรกในโลก แถมยังสร้างได้อย่างมาสเตอร์พีซในทุกๆ ด้านอีกด้วย แต่ถ้าในมุมที่ไม่ใช่แฟน DC หนังเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นหนังแนวอาชญากรรมที่มุ่งเน้นความรุนแรงและสมจริงมากเกินระดับปกติทั่วไป และก็ถูกมองว่าพยายามสร้างให้อาชญากรน่าเห็นใจ มีปมเกิดขึ้นจากสังคมที่กดขี่จนเขาไม่เหลือที่ยืน รวมถึงอาการทางจิตที่ซ้ำเติมเข้าไปอีก ซึ่งถ้ามองตามความจริงเรื่องราวของอาชญากรในคดีสะเทือนขวัญต่างๆ มักมีปมหลักๆ มาจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้น แต่กรณีของ Joker คือทุกปมถูกนำมารวมกันและบดขยี้ใส่ตัวอาร์เธอร์ จนไม่ว่าใครก็ตามถ้าตกอยู่ในสภาพแบบเขาก็คงไม่พ้นกลายเป็นโจ๊กเกอร์สักวันจนได้ เรียกว่าหนังทำได้สมจริงยิ่งกว่าโลกจริงซะอีกกับที่มาอาชญากรตัวท็อปสุดในโลกของการ์ตูน DC ที่สะท้อนเรื่องราวในโลกจริงได้อย่างแนบเนียนไปพร้อมกัน
นี่เป็นหนังดี มีคุณภาพ แต่ไม่ใช่หนังที่ดูสนุกสำหรับคนดูทั่วไป ถ้าไม่ใช่แฟน DC แบบจริงจัง หรือไม่ใช่คนดูหนังสายล่ารางวัล ก็หลีกเลี่ยงหนังเรื่องนี้ได้เลย เพราะหนังรุนแรง กดดัน หดหู่ และไม่มีความบันเทิงในเรื่องราวแม้แต่น้อย หนังทำเอาจิตตกได้หลายช่วงกับอาชญากรรมที่โจ๊กเกอร์ก่อขึ้นมาอย่างต่อเนื่องกับคนใกล้ตัวไปจนถึงคดีสะเทือนขวัญตอนจบ รวมถึงความอึดอัดหม่นหมองจากการแสดงของวาคิน ฟีนิกซ์ ที่เล่นได้สุดขั้วในบทที่เป็นตำนานแบบนี้ ถ้าถามว่าดีกว่า ฮีธ เลดเจอร์ ไหมขอตอบว่าเป็นคนละช่วงเวลากัน เรียกว่าในส่วนของวาคิน ฟีนิกซ์ คือจุดกำเนิดแบบดิบๆ ที่ขึ้นหิ้งในบทนี้ไปอีกคน ก่อนจะไปเป็นอาชญากรสมบูรณ์แบบฉบับ ฮีธ เลดเจอร์ ที่ร้ายทั้งสติปัญญาและความวิปลาศใน The Dark Knight ครับ
ปล.ตอนนี้โจ๊กเกอร์ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาครองจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิส และก็เตรียมเข้าชิงรางวัลอื่นต่อไปจนถึงออสการ์