รีวิว Just Say Yes (Netflix) เรื่องราวชวนหัวของเจ้าสาวช้ำรักสุดระทม
Just Say Yes
สรุป
หนังแนวรอมคอมที่พล็อตอาจจะไม่แปลกใหม่ แต่เนื้อในมีความเก๋ๆ จิกกัดแนวรอมคอมด้วยกัน และที่สำคัญคือเรียกเสียงฮาได้จริงหลายช็อตเลยเหมือนกัน แต่ข้อเสียคือช่วงองค์สุดท้ายที่หนังกลายเป็นแนวดราม่าจนไร้เสียงตลก และก็จบแบบตามสูตรสำเร็จง่ายๆ จนเกินไป แต่ถ้าใครชอบแนวรอมคอมดูเพลินๆ ก็ถือว่าผ่านเลยครับ
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- บทนางเอกสุดซวยซ้ำซากทุกอย่างในชีวิตที่กลายมาเป็นเรื่องตลกขำๆ
- ประเด็นหลักความสัมพันธ์พี่น้องที่คนหนึ่งเจอแต่เรื่องดีๆ ในขณะที่อีกคนเจอแต่เรื่องซวยๆ จนกลายเป็นดราม่าเก็บกดลึกๆ
- มีมุกจิกกัดสูตรหนังรักแบบตลกๆ
- นางเอกมีเสน่ห์จากไม่สวยค่อยมาเฟี้ยวขึ้นเรื่อยๆ
- การเล่าเรื่องย้อนกลับผสมกับปัจจุบันแบบเก๋ๆ
Cons
- ตลกมาทั้งเรื่อง แต่ตอนท้ายกลับซีเรียสล้วนๆ จนดูขัดกัน
- บทสรุปคลายปมทั้งหลายดูง่ายเกินไป
- พระเอกของเรื่องยังดูไม่เด่นมีเสน่ห์พอ บทก็ไม่ได้ส่งอะไรมากด้วย
Just Say Yes หนัง Netflix แนวรักตลกจากเนเธอแลนด์ ที่ชวนหัวเราะไปกับเรื่องราวของหญิงสาวที่หวังว่าจะได้แต่งงาน แต่กลับต้องกลายมาเป็นเจ้าสาวช้ำรักสุดระทมมากกว่าใครในโลก
ตัวอย่าง Just Say Yes
หนังแนวรอมคอมที่พล็อตอาจจะไม่แปลกใหม่ แต่เนื้อในมีความเก๋ๆ จิกกัดแนวรอมคอมด้วยกัน และที่สำคัญคือเรียกเสียงฮาได้จริงหลายช็อตเลยเหมือนกัน
เรื่องเริ่มขึ้นด้วยฉาก “ล็อตเต้” นางเอกของเรื่องนั่งร้องไห้อยู่ในสวนสาธารณะกับชุดเจ้าสาวสุดโทรม แล้วไอ้หนุ่มที่อยู่ม้านั่งเดียวกันรำคาญ ก็เลยหันมาถามว่าเธอเป็นอะไรถึงมาลงเอยในชุดแบบนี้ นางเอกก็เลยเล่าย้อนเรื่องราวยาวเหยียดให้ฟังถึง ความหวังที่จะได้แต่งงานแบบหญิงสาวทั่วไป แต่กลับต้องเจอคู่หมั้นสุดชั่วบอกเลิก แถมน้องสาวตัวดีที่มีชีวิตปลอมๆ บน IG กำลังจะแต่งงานกับเจ้านายของเธอ แม้เธอจะมีชายหนุ่มคนใหม่มาสนใจ แต่กลับต้องพลาดโอกาสนั้นไปอีกจนได้
ฟังดูเรื่องราวก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ซึ่งก็จริงตามนั้นเลยครับ แต่ที่เรื่องนี้ดูเก๋คือ เทคนิคการเล่าเรื่องของนางเอกที่ย้อนไปทีละช่วงตั้งแต่จุดกำเนิดเรื่อง ก่อนตัดกลับมาฟังฟีดแบ็คจากไอ้หนุ่มนิรนามที่นั่งฟังเธอเล่าแบบสะอึกสะอื้น แทนที่จะเห็นใจไปกับเรื่องราว แต่กลับหัวเราะก๊ากเมื่อเรื่องที่เธอเล่าในอีกมุมมันกลายเป็นเรื่องตลกของคนส่วนใหญ่ เพราะวีรกรรมที่เธอเจอมานั้นมันดันถูกถ่ายไว้แล้วเอาลงยูทูป อย่างตอนถูกบอกเลิกออกอากาศสดทางทีวี (นางเอกเป็นคนจัดรายการโชว์) หรือกรณีทำอะไรเปิ่นๆ ผิดคิวกับชีวิต แต่กลับถูกอกถูกใจในสายตาของผู้บริหาร แล้วก็เอาฉากนั้นไปลงยูทูปให้คนขำขันกัน แต่ตัวเธอไม่ขำด้วยเท่านั้น ส่วนคนดูเองก็ขำก๊ากแน่นอนกับมุกตลกของเรื่องนี้
เนื้อเรื่อง 80% จะอยู่ในรูปการเล่าเรื่องย้อนอดีต โดยมีเรื่องความรักระทมของเธอเป็นหลัก มีช่วงความรักใหม่กับพระเอก “คริส” ที่ทำงานเดียวกันและค่อยๆ ช่วยเยียวยานางเอกแทรกมาเบาๆ แถมเปลี่ยนนางเอกจากลุคเชยๆ มาเป็นสาวสุดเฟี้ยว ก่อนที่คู่หมั้นเก่าเริ่มหึงและพยายามดึงเธอกลับมาแต่งงานอีกครั้ง แต่ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เน้นไปที่ความรักตรงนี้มาก ตัวหนังเน้นเรื่องราวความรักของพี่น้องมากกว่า ซึ่งน้องสาวของเธอ “เอสเตลล่า” คือตัวเปรียบเทียบชีวิตดีๆ ที่ตรงข้ามกับพี่สาวของเธอหมด จนทำให้ลึกๆ แล้วนางเอกเองก็รู้สึกว่าโลกนี้ไม่แฟร์กับเธอเลย และเธอก็ต้องพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกนี้ไว้ตลอดเรื่อง เมื่อเอสเตลล่ากำลังจะแต่งงานกับเจ้านายของเธอ โดยที่ในสายตาของเธอมองว่าน้องสาวไปหลอกเขา อย่างเรื่องรักสัตว์ รักเด็ก แถมศัลยกรรมมาทั้งตัวอีก และยังเสพติด IG สร้างภาพตลอดเวลา ตัวเรื่องให้เหตุการณ์ที่นางเอกเจอแบบร้ายๆ ย่ำแย่ แต่น้องสาวกลับได้ดิบได้ดีตรงข้ามกันตลอดเรื่อง จนสุดท้ายก็กลายเป็นชนวนระเบิดมาลงเอยที่ม้านั่งในชุดเจ้าสาวนี้ในที่สุด ซึ่งส่วนนี้ก็เหมือนตัวดึงให้คนดูสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหมือนเอาตอนจบมาแปะไว้แต่แรก ซึ่งก็ได้ผลทำให้เนื้อเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่ มีอะไรน่าติดตามมาจนถึงที่สุด
แต่หนังไม่ได้จบลงแค่ที่ม้านั่ง เรื่องราวมีต่อไปอีกช่วงปิดเคลียร์ปมทุกอย่างกับน้องสาวของเธอ และก็ไล่ตามความรักที่เธอพลาดไปให้ได้กลับมาอีกครั้ง ผ่านโปรเจ็กต์รายการทีวีใหม่ที่เธอนำเสนอเจ้านายในชื่อ Just Say Yes (คำพูดตกลงแต่งงานของหญิงสาวเมื่อแฟนมาขอ) เป็นเรื่องราวของการขอแต่งงานแบบเว่อร์ๆ แบบไม่ตั้งตัว ซึ่งเธอหยิบมาใช้เป็นกาวใจกับน้องสาวตัวดีที่เธอเองก็ยอมรับทำพลาดไปเหมือนกันที่คิดแบบนั้น ซึ่งเรื่องราวส่วนนี้จะไม่มีอะไรตลกแล้ว เป็นดราม่าหนักๆ กับพาร์ทโรแมนติกปิดท้ายตามสูตรเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้หนังจบแบบธรรมดาไปหน่อยจนน่าผิดหวังเหมือนกันครับ แต่ถ้าใครยังชอบแนวรอมคอมดูเพลินๆ ก็ถือว่าเรื่องนี้ผ่านเลยล่ะครับ