playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Keep Breathing แนวเอาชีวิตรอดที่ยอดแย่และเต็มไปด้วยเรื่องบ้งสุดๆ ของนางเอก (ไม่สปอยล์)

Keep Breathing

Summary

ซีรีส์แนวเอาตัวรอดที่เต็มไปด้วยการกระทำบ้งๆ ไม่สมเหตุผลเกินมนุษย์ปกติทำกัน แล้วก็แทบไม่ได้มีฉากเอาตัวรอดจากภัยในป่าอย่างที่ล่อคนดูไว้เลย มีน้อยมากจนเหมือนฉากลูกเสือเข้าแคมป์ในป่ามากกว่ารอดตายจากเครื่องบินตกกลางป่าลึก วิวทิวทัศน์ก็วนเวียนอยู่ไม่กี่ที่จนดูหลอกๆ สิ่งเลวร้ายซ้ำคือการที่ทั้งเรื่องเอาแต่แฟลชแบ็คชีวิตนางเอกดราม่าบลาๆ ไปกับเรื่องทั่วไปที่ไม่ได้มาช่วยส่งเสริมเหตุการณ์เอาตัวรอดในป่าเลย เป็นการยัดเยียดให้คนดูอะไรก็ไม่รู้แบบที่เขาไม่ได้ต้องการเลยสักนิด และที่เลวร้ายที่สุดคือฉากจบที่ไร้เหตุผลสุดๆ ว่าทำแบบนี้แล้วรอด จนเหมือนโดนหลอกมาดูอะไรก็ไม่รู้ไม่ใช่แนวเอาตัวรอดอย่างที่โปรโมทไว้เลย

Overall
1/10
1/10
Sending
User Review
3.67 (3 votes)

Pros

  • แนวเอาตัวรอดแบบจุ๋มจิ๋ม
  • มีพากย์ไทย
  • 6 ตอนจบ ตอนละ 40 กว่านาทีสั้นๆ

Cons

  • การกระทำของนางเอกที่บทปูว่าฉลาดแต่กลับทำเรื่องไม่เมคเซนส์บานตะไทตั้งแต่ต้นยันจบ
  • แฟลชแบ็คเยอะสุดๆ ถึง 70% ของเรื่องมากกว่าฉากในป่า
  • ตอนจบที่ไร้เหตุผลไม่สมจริงสุดๆ

ADBRO

Keep Breathing ชื่อไทยจนกว่าจะหมดลม ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบของ Netflix เรื่องราวของทนายสาวที่รอดชีวิตจากเครื่องบินเล็กตกกลางป่าแคนาดา แล้วหาทางเอาชีวิตรอดกลับไปให้ได้  Breathe (2022) on IMDb

รีวิว Keep Breathing

 ก่อนดูคิดว่าจะเป็นซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดให้ได้ในป่าแบบข้มข้นเหมือนการ์ตูนผู้รอดตาย ต้องรอด หรือแบร์กริลทำนองนั้น แต่พอได้ดูจริงๆ นี่กลับเป็นซีรีส์ที่แทบไม่ได้นำเสนอเรื่องราวการเอาชีวิตรอดอะไรเลยแบบที่คิด ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยสิ่งที่คนไม่อยากดู แต่ต้องถูกบังคับให้ดู และไม่เกี่ยวข้องกับการเอาชีวิตรอดตามชื่อเรื่องแต่อย่างใด ในส่วนของการเอาชีวิตรอดเริ่มแรกหลังจากเครื่องบินตกก็ดูเหมือนจะพอเข้าท่านิดๆ เมื่อนางเอกพยายามก่อไฟแต่ก่อไม่ได้ด้วยวิธีการปั่นไม้ หรือการหเ่มเลือดที่ใช้ไม้ขันชะเนาะให้แน่นก็พอให้คิดว่า เออ เรื่องน่าจะพยายามนำเสนอแนวทางที่สมจริงกว่า แต่เปล่าเลยหลังจากนั้นตัวเรื่องมีแต่การกระทำที่ไม่เข้าท่า ไร้เหตุผล ไม่เหมือนคนปกติเขาทำกันด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างฉากที่นางเอกก่อไฟได้แล้วต้องต้มน้ำกินจะได้สะอาด แต่นางเอกกลับเอามือไปแตะภาชนะที่ต้มน้ำแล้วพึ่งรู้ว่าจับไม่ได้ นี่ก็งงแล้วหนึ่ง แต่เรื่องยังให้นางเอกทำอะไรโง่ๆ อย่างเอาน้ำดับไฟที่พยายามก่อจนติดขึ้นเพื่อรอให้น้ำเย็นจะได้ตักกินได้ ทั้งๆ ที่เสื้อผ้า ผ้าเปียกหรืออะไรมากมายที่จะเอามาจับได้ไม่ให้โดนมือก็มีเต็มไปหมดทั้งฉาก หรือการดำน้ำไปงมวิทยุในเครื่องบินมาโดยหวังว่ามันจะใช้ได้ ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยการกระทำที่ไม่สมเหตุผลเกินคนปกติไปมาก โดยที่ตัวละครนางเอกที่เป็นทนายก็ถูกปูว่าเป็นคนฉลาดมากอีกด้วยนะ เป็นอะไรที่ย้อนแย้งกันสุดๆ จนไม่เข้าใจเลยว่าคนเขียนบทเรื่องนี้เขียนออกมาได้ยังไง ไม่มีแม้แต่การเปิดสารคดีแบร์กริลหรือหนังสือเอาตัวรอดในป่าสักเล่มตอนเขียนบทหรือไง (แบบเรียนลูกเสือยังมีอะไรอะไรดีกว่าเรื่องนี้อีก) เพราะทั้งเรื่องไม่มีอะไรที่เข้าท่าเลยจริง แล้วก็มีอุปสรรคที่ต้องเอาตัวรอดไม่กี่อย่างจนเหมือนนางเอกไปติดป่าละเมาะข้างบ้านมากกว่าจะเป็นการเอาตัวรอดในป่าลึกแคนาดาจริงๆ ภาพสวยๆ จากโลเกชั่นในป่ายังแทบไม่มีให้เห็นเลย เหมือนถ่ายกันไม่กี่ที่ข้างแม่น้ำแค่นั้น แต่ที่แย่กว่าฉากเอาตัวรอดไม่สมเหตุผลนั่นคือการที่เรื่องพยายามแฟลชแบ็คพร่ำเพรื่อไปยังทุกๆ อย่างในชีวิตนางเอก โดยที่แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเอาตัวรอดในป่านี้เลย (มีฉากเดียวคือแฟลชแบ็คถึงตอนเด็กที่ครูสอนเรื่องทำเข็มทิศใช้เอง) ทำให้เรื่องดูยืดเยื้อโดยไร้เหตุผล แม้จะพยายามปูว่านางเอกตั้งท้องอ่อนๆ แบบไม่ตั้งใจ เลยต้องพยายามเอาตัวรอดให้ได้ แต่แฟลชแบ็คก็ไมไ่ด้ช่วยส่งเสริมอะไรตรงนี้เลยด้วย มีแต่เรื่องพระเอกมีคนมาจีบ บางทีก็วีนเขาโดยไม่มีเหตุผล กลายเป็นฉากแฟลชแบ็คเหล่านี้คือการยัดเยียดอะไรที่น่ารำคาญมากๆ ให้คนดูที่ตั้งใจมาดูฉากเอาตัวรอด แต่กลับเจอแต่เรื่องชีวิตของนางเอกเยอะสุดๆ ขนาดที่ตีเป็นสัดส่วนก็คงสัก 70/30 เลย เพราะฉากเอาตัวรอดอะไรนี่น้อยมากจริงๆ ที่ว่าแย่หนักๆ แล้วก็ยังมีเรื่องแย่มากกว่านี้อีก เมื่อคิดว่าตอนจบของเเรื่องอาจจะมีพีคอะไรน่าสนใจบ้าง แต่เปล่าเลย เรื่องราวจบลงแบบโง่ๆ เป็นการกระทำที่งี่เง่าที่สุดของเรื่อง แล้วก็ไม่สมเหตุผลในแง่การเอาชีวิตรอดได้จริงๆ ด้วย เป็นตอนจบแบบเหมือนคิดมุกไม่ออกเลยเอามันแบบนี้แหละ ซึ่งเป็นอะไรที่ดูถูกคนดูสุดๆ อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้สร้างมาโดยตั้งใจธีมเอาชีวิตรอดได้ยังไงกัน

นางเอกสิ้นหวังเจอแม่น้ำเลยเอาขอนไม้ลอยน้ำแล้วเกาะขอนไปตามแม่น้ำที่พัดแรงมากเหมือนล่องแก่ง แล้วก็มีคนมาเจอช่วยไว้ง่ายๆ แค่นี้จบ..

นี่เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่ผู้เขียนขอมอบตำแหน่งยอดแย่ที่สุดที่เคยดูมาเลย เพราะที่ผ่านมาเน็ตฟลิกซ์มักทำลิมิเต็ดซีรีส์ออกมาค่อนข้างดีดูได้แทบทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้คือลงเหวในทุกๆ ด้าน เรียกว่าไม่แนะนำให้ดูด้วยประการทั้งปวง แต่ถ้าใครอยากเสียเวลาก็เชิญตามสบายเลยครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!