playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Land of Tanabata (Disney+) เปิดตัวดูหวือหวา แต่กลับจืดชืดลงไปเรื่อยๆ

Land of Tanabata

Summary

ซีรีส์จากผู้เขียนปรสิตเดรัจฉานก็จริง แต่แนวการดำเนินเรื่องแตกต่างกันมาก โดยเป็นแนวดราม่าสืบสวนค้นหาต้นตอตำนาน “เทศกาลทานาบาตะ” ในมุมไซไฟมากกว่าจะเป็นแอ็กชั่นที่แทบไม่มีให้เห็นเลย ซึ่งแม้เรื่องจะเขียนบทเชื่อมโยงตำนานโบราณนี้ได้ดีในมุมมองใหม่ แต่ว่าการเล่าเรื่องที่ช้าและคาดเดาได้ทำให้ออกมาไม่น่าประทับใจ เรื่องมีดีแค่ช่วงแรกที่มีตัวร้ายปริศนา แต่พอตอนหลังเฉลยก็มีแต่จุดไม่สมเหตุผลเต็มไปหมดครับ โดยรวมพอดูเพลินๆ ได้ แต่ยังห่างไกลมากจากงานอย่างปรสิตเดรัจฉานที่เอากลับมาทำใหม่ในตอนนี้ครับ

 

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ซีรีส์มังงะเก่าของผู้เขียนปรสิตเดรัจฉาน
  • อธิบายตำนานโบราณในแบบไซไฟ
  • ความสามารถพิเศษแปลกแตกต่าง
  • CG ผ่าน อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้

 

Cons

  • เรื่องอืดยืดเยื้อกับการอธิบายตำนานในแบบที่ผู้ชมเดาได้ง่ายๆ
  • ฉากแอ็กชั่นน้อยจนแทบไม่มี
  • จุดไม่สมเหตุผลเยอะมาก
  • ฉากรักจืดชืด
  • ไม่มีพากย์ไทย

Land of Tanabata ซีรีส์ญี่ปุ่น Original Disney+ 10 ตอนจบ สร้างจากมังงะเก่าปี 1994 ของผู้เขียนปรสิตเดรัจฉาน เรื่องราวของชายหนุ่มนักศึกษาที่มีพลังจิตเจาะสิ่งของเป็นรูเล็กๆ ได้ ก่อนความสามารถนี้จะพาเขาไปพบกับเรื่องราวต้นกำเนิดตระกูลลึกลับที่มีพลังคุกคามโลกได้
Land of Tanabata (2024) on IMDb

 

รีวิว Land of Tanabata (มีสปอยล์บางส่วน)

ซีรีส์ 10 ตอนจบเลยเพราะตัวมังงะเองก็มีเพียงแค่ 4 เล่มจบ เป็นเรื่องสั้นๆ เท่านั้นไม่ใช่แบบปรสิตเดรัจฉานที่มีเนื้อหาลึกและกว้างไกลกว่าจนเกาหลีเอาไปต่อยอดทำร่วมกับญี่ปุ่นจนดังในตอนนี้ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วเนื้อหามีความคล้ายคลึงกันตรงยังเป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิตจากอวกาศที่เข้ามาแล้วมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์บนโลก แต่ขอบเขตเรื่องนี้คือเล็กกว่ามาก ในเรื่องมีเพียงสองสถานที่คือ หมู่บ้านต้นกำเนิดของตัวเอกกับกรุงโตเกียว ซึ่งเรื่องจะพาผู้ชมสลับไปมาระหว่างสองที่นี้ โดยมีจุดเริ่มที่ ยูจิ มินามิมารุ ฉายาว่า “นัมมารุ” เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติ “เจาะช่องเล็กๆ บนวัตถุที่ไหนก็ได้” แล้วพยายามค้นหาวิธีใช้พลังนี้ให้มีประโยชน์เป็นแบบซูเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ดูไร้ประโยชน์เหมือนพลังปาหี่มากกว่า ก่อนที่เขาจะต้องเผชิญกับคดีลึกลับที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของฆาตกรปริศนาที่ไล่ฆ่าคนด้วยความสามารถแบบเดียวกับเขา แต่กลับเจาะรูได้ใหญ่กว่ามาก และนำพาเขากลับไปยังหมู่บ้านต้นกำเนิดที่ตระกูลของเขาอพยพออกมานานแล้ว ซึ่งที่นี่คือจุดกำเนิดเรื่องราวทั้งหมดในเรื่องนี้เชื่อมโยงกับงานเทศกาล “ทานาบาตะ” ซึ่งจัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น แต่ที่นี่มีความพิเศษกว่าซ่อนอยู่นั่นเอง


ด้วยโครงเรื่องที่ดูเหมือนแนวแอ็กชั่น และจากผลงานปรสิตที่ขายความเป็นแอ็กชั่นดราม่าเต็มตัวก็ด้วย ผู้ชมอาจจะคิดว่าคงมีความคล้ายกันบ้าง ก็ต้องบอกบอกว่าผิดหวังกันแน่ๆ เพราะเรื่องนี้มาธีมสืบสวนหาที่มาของตำนานทานาบาตะตามชื่อเรื่องเลย โดยมีความเป็นซีรีส์ที่พยายามอธิบายจุดกำเนิดตำนานในแบบของตัวเอง ซึ่งตำนานดั้งเดิมของเรื่องนี้คือ ในคืนวันเทศกาลทานาบาตะ เราจะเห็นดวงดาวสองดวง คือ ดาวโอริฮิเมะ (Orihime) หรือดาวเจ้าหญิงทอผ้า และดาวฮิโคะโบชิ (Hikoboshi) หรือดาวชายเลี้ยงวัว ซึ่งส่องแสงโดดเด่นที่สุดในรอบปี ส่องประกายระยิบระยับอยู่โดยมีทางช้างเผือกกั้นอยู่ระหว่างกลาง ชาวญี่ปุ่นจึงถือว่าวันทานาบาตะคือวันแห่งความรักอันโรแมนติกที่เจ้าหญิงทอผ้าและชายเลี้ยงวัวจะได้พบกันเพียงปีละครั้ง แต่เรื่องนำมาดัดแปลงให้เป็นแนวไซไฟเอเลี่ยนต่างดาวลงมายังโลกพบคนญี่ปุ่นยุคแรกเมื่อพันปีก่อน ซึ่งไอเดียของเรื่องนั้นไม่ปฏิเสธว่าดูดี แต่ว่าวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่องช้าค่อยๆ ไปกับการหาทางเชื่อมตำนานนี้กับภารกิจของทีมตัวเอกที่มาหมู่บ้านช้ามากๆ แล้วก็พยายามขยักเรื่องไว้เรื่อยๆ มีการพาเรื่องออกนอกทางไปเยอะ ก่อนไปอธิบายเอาตอน 7-8 สองตอนเต็มๆ ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ชมที่ชินกับแนวนี้ก็เดาเรื่องได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะภาพปริศนาและตัวละครที่ปรากฏผ่านมาในเรื่องก็เป็นเอเลี่ยนให้เห็นกันชัดๆ ทำให้ตอนจบที่เป็นการเล่าเรื่องยาว 2 ตอนก็จบแบบเงียบๆ ไม่หวือหวาใดๆ เลย มีเพียงฉากดราม่าความรักของพระเอกแทรกมาให้ดูสะเทือนใจ แต่มันก็ไม่พอให้บิ้วอารมณ์ซึ้งตามได้เลยจริงๆ 

สิ่งที่ดีของเรื่องนี้กลับอยู่ที่ช่วงแรกมากกว่าที่พลังของพระเอกยังดูเล็กๆ ในขณะที่มีตัวร้ายปริศนาทำรูได้ใหญ่กว่ามาก ซึ่งเรื่องพาให้ผู้ชมสงสัยว่าพวกนี้เป็นใคร และเรื่องก็ปูทางเข้าสู่ฉากฝึกพลังของตัวเอก มีวิธีใช้เพิ่มมากขึ้น มีตัวร้ายกึ่งดีกึ่งร้ายมาช่วยสอน มีบอสใหญ่ตัวจริงที่ช่ำชองและกล้าใช้พลังฆ่าคนมากมาย โดยมีปริศนาเชื่อมกับแวดวงการเมืองว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ซึ่งก็ทำให้ดูน่าติดตามว่าเรื่องจะขยายไปสเกลใหญ่แค่ไหน แต่ว่าพอเฉลยออกมาก็น่าผิดหวัง เรื่องถูกลดระดับลงเรื่อยๆ มีจุดไม่เมคเซนส์เยอะมาก และเรื่องยังฆ่าตัวละครฝั่งตัวร้ายไปอย่างง่ายๆ ในฉากแอ็กชั่นที่มีเพียงน้อยนิดอีก จนเหมือนซีรีส์ทุนต่ำจนทำฉากต่อสู้ออกมาสนุกๆ แบบปรสิตไม่ได้เลยครับ

ส่วนตัวนักแสดงก็ไม่ได้ดูมีเสน่ห์น่าติดตาม  Kanata Hosoda เล่นเป็นบทนักศึกษาธรรมดาเปิ่นๆ ที่พยายามหาหนทางใช้ชีวิตของตัวเองหางานให้ได้ ซึ่งแม้บทจะพาให้เขาไปพบเรื่องราวที่ใหญ่โตขั้นพลิกโลกได้ แต่ก็ยังถูกจำกัดวงทำให้เขามีมุมมองแค่การหางานทำที่ตรงกับอุดมการณ์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด จนตอนสุดท้ายก็ได้พบกับงานที่เขาต้องการ ซึ่งมันเป็นแนวการดำเนินเรื่องไล่เรียงดราม่าเรียบๆ แบบญี่ปุ่นสุดๆ ที่คนไทยก็มักไม่ชอบแบบนี้ด้วยเพราะมันแทบไม่มีความหวือหวาเลย แม้แต่ความรักกับนางเอก Ryōko Fujino ก็ยังดูน่าอึดอัดด้วยการให้เธอเป็นสาวชนบทบ้านๆ เชยๆ นิสัยนุ่มนิ่ม ไม่เคยออกจากหมู่บ้านไปไหน ทำให้เรื่องเซฟการกระทำทุกอย่างไว้เป็นแค่ความรักแรกพบที่น่าประทับใจเบาๆ มากกว่าจะเป็นแนวโรแมนติกจริงจัง กระทั่งจนจบเรื่องก็แทบไม่มีให้เห็นเลย ซึ่งน่าผิดพลาดมากที่เรื่องเซฟโซนความสัมพันธ์นี้ไว้แค่นั้นครับ

 

สรุป ซีรีส์จากผู้เขียนปรสิตเดรัจฉานก็จริง แต่แนวการดำเนินเรื่องแตกต่างกันมาก โดยเป็นแนวดราม่าสืบสวนค้นหาต้นตอตำนาน “เทศกาลทานาบาตะ” ในมุมไซไฟมากกว่าจะเป็นแอ็กชั่นที่แทบไม่มีให้เห็นเลย ซึ่งแม้เรื่องจะเขียนบทเชื่อมโยงตำนานโบราณนี้ได้ดีในมุมมองใหม่ แต่ว่าการเล่าเรื่องที่ช้าและคาดเดาได้ทำให้ออกมาไม่น่าประทับใจ เรื่องมีดีแค่ช่วงแรกที่มีตัวร้ายปริศนา แต่พอตอนหลังเฉลยก็มีแต่จุดไม่สมเหตุผลเต็มไปหมดครับ โดยรวมพอดูเพลินๆ ได้ แต่ยังห่างไกลมากจากงานอย่างปรสิตเดรัจฉานที่เอากลับมาทำใหม่ในตอนนี้ครับ

 

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!