playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Leo ลีโอ (Netflix) อดัม แซนด์เลอร์ในบทกิ้งก่าใกล้ตายที่กลายมาเป็นครูสอนบทเรียนชีวิตให้กับเด็กๆ

Leo

Summary

โดยรวมนี่คือหนังแอนิเมชั่นเด็กที่เล่าเรื่องราวของกิ้งก่า (อดัม แซนด์เลอร์) อายุมากเทียบเคียงเหมือนคนสูงวัยเข้ามาสอนแนะนำเด็กน้อยที่มีปัญหาชีวิตและขาดความช่วยเหลือจากพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่ไม่พยายามมาเข้าใจมุมมองที่ต่างวัยได้ดีมากๆ โดยมีเรื่องชีวิตช่วงท้ายก่อนตายของกิ้งก่ามาเป็นแรงผลักดันการกระทำที่สมเหตุผล ทำให้กิ้งก่าเป็นครูแนะแนวเด็กที่ดีกว่าครูจริงๆ ซะอีก (Coming of age) แต่ความสมจริงในส่วนนี้ก็มาดรอปลงในตอนท้ายเมื่อพยายามยัดตัวร้ายมนุษย์ป้าเข้ามาและทำให้ทุกอย่างดูเป็นหนังเด็กมากๆ จนหลุดจากประเด็นความสมจริงไปเลย และจบลงแบบง่ายๆ แฮปปี้เอนดิ้ง ซึ่งดูแล้วบันเทิงเด็กชอบแน่นอน แต่ก็รู้สึกผิดหวังที่หนังน่าจะสานต่อประเด็นบทเรียนชีวิตไปจนจบมากกว่าครับ 

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แอนิเมชั่นสอนบทเรียนชีวิตให้กับเด็กจากกิ้งก่าสูงวัยใกล้ตาย
  • ปัญหาของเด็กที่พ่อแม่และผู้ใหญ่มองข้าม
  • หนังตลกกับความสามารถของกิ้งก่า
  • อดัม แซนด์เลอร์

Cons

  • ส่วนของมิวสิคัลไม่มากถ้าคนต้องการจุดนี้
  • ช่วงท้ายเรื่องราวเด็กมากๆ
  • มนุษย์ป้าตัวร้ายกลับใจไปมาแบบง่ายๆ

ADBRO

Leo หนัง Original Netflix แอนิเมชันมิวสิคัลคอมเมดี้ที่ถ่ายทอดเรื่องราวปีสุดท้ายในโรงเรียนประถมผ่านมุมมองของสัตว์เลี้ยงประจำห้องเรียน ลีโอ (อดัม แซนด์เลอร์) กิ้งก่าเบื่อโลกวัย 74 ปีติดแหง็กอยู่ในตู้กระจกกับเจ้าเต่าเพื่อนยาก (บิล เบอร์) ในห้องเรียนเดิมที่ฟลอริดามาหลายสิบปี เมื่อรู้ตัวว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงปีเดียว เขาจึงวางแผนที่จะหนีออกไปสัมผัสโลกภายนอก แต่กลับต้องมาพัวพันกับปัญหาของเหล่านักเรียนวัยว้าวุ่น รวมทั้งครูสอนแทนที่เป็นมนุษย์ป้าจอมโหด 

Leo (2023) on IMDb

รีวิว Leo (ลีโอ)

หนังแอนิเมชั่นเด็กเรต 7+ ที่ได้ชื่อ อดัม แซนด์เลอร์ มาขายในบทนำกิ้งก่าในห้องเรียนของเด็กประถม ซึ่งชื่อของเขานั้นขายได้แน่ และนี่ก็ไม่ใช่แอนิเมชั่นเด็กมากซะทีเดียว เมื่อเรื่องราวพูดถึงสถานะของตัวละครที่ใกล้หมดอายุขัย โดยกิ้งก่าในเรื่องได้ยินมาว่ามีอายุ 75 ปี แล้วตัวเองอยู่มานานในห้องเรียนแห่งนี้ถึง 74 ปี เฝ้ามองดูรับรู้เรื่องในห้องเรียนโดยไม่ได้มีอิสระออกไปโลกกว้างเลย ทำให้เขารู้สึกว่าต้องพยายามทำมันในช่วงท้ายของชีวิต ด้วยการพยายามหนีออกไปหลังครูสั่งให้นักเรียนในห้องนำเอาสัตว์เลี้ยงที่มีกิ้งก่ากับเต่าเลือกกลับไปบ้าน และนำมันกลับมาให้เป็นปกติ เพื่อฝึกความรับผิดชอบพื้นฐานให้พวกเขา แต่แทนที่กิ้งก่าจะหนีไป เขากลับบังเอิญต้องไปพูดคุยกับเด็ก แล้วก็กลายเป็นการสอนแนะนำชีวิตให้เด็กที่ทุกคนมีปัญหาแตกต่างกันได้เข้าใจไป 

 

 

หนังดำเนินเรื่องในจุดนี้ได้ดีมาก ด้วยมุมมองของตัวกิ้งก่าเองที่สูงวัยและอยากทิ้งอะไรไว้ให้โลกด้วยประสบการณ์ชีวิตที่อยู่มานาน ซึ่งก็เปรียบเสมือนมนุษย์แบบในเดียวกัน โดยใช้เรื่องการโดนกักขังมาตลอดชีวิตมาเป็นโจทย์ทั้งผลักดันให้ตัวละครนี้พยายามต่อสู้ชีวิตในช่วงสุดท้ายให้ได้ตามหวัง แต่กลับกลายเป็นการฝากความหวังให้เด็กๆ รุ่นใหม่ได้เติบโตขึ้นมามีชีวิตที่ดีในกรอบสังคมที่แตกต่างไปจากรุ่นพ่อแม่ ซึ่งคาดหวังและตีกรอบเด็กไว้ หนังเล่าถึงปัญหาชีวิตเด็กแต่ละคนแบบสั้นๆ แต่เข้าถึงปัญหาได้ดีมาก อย่างเด็กพ่อแม่รวย เด็กที่พูดมากจนคนอื่นเบื่อรับฟัง เด็กเรียนดี เด็กที่ชอบรังแกคนอื่น และก็ให้กิ้งก่าได้ตีโจทย์เหล่านี้สอนแนะแนวเด็กไปเรื่อยๆ โดยมีตัวละครเต่าเพื่อนซี้ในตู้มาลองสอนมั่ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ดีอย่างกิ้งก่าเนื่องจากมุมมองชีวิตที่แตกต่างกันไป ซึ่งนักพากย์คือ บิล เบอร์ ที่มีเอกลักษณ์เรื่องคนสูงวัยสายอนุรักษ์ที่เกลียดการเปลี่ยนแปลงแบบ WOKE จนทำหนังให้ Netflix ก่อนนี้เรื่อง Old Dads และก็มีดราม่า แต่เรื่องนี้เขามาในบทที่แก่แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ซึ่งหนังตีโจทย์ตรงนี้แตกและก็โยงปัญหาของผู้สูงวัยกับเด็กเข้าสู่พาร์ทตัวร้ายของเรื่องในช่วงท้าย

ในช่วงท้ายหนังเริ่มมีปัญหาเนื่องจากนี่เป็นหนังเด็กมาก ตัวร้ายในเรื่องจึงเป็นครูสูงวัยที่มาสอนแทนแต่แรก  และก็ติดนิสัยมนุษย์ป้ามาทำร้ายเด็กๆ เป็นระยะตลอดเรื่อง ซึ่งหนังก็เปิดทางให้กิ้งก่าได้โอกาสเข้าไปพูดคุยสอนกับเธอเหมือนที่ทำกับเด็กๆ เช่นกัน และผลก็ออกมาดีทำให้ได้เข้าใจว่าแต่ก่อนเธอก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ช่วงเวลาที่โรยราทำให้ทุกคนเปลี่ยนตัวตน ซึ่งหนังทำในจุดนี้ได้สมเหตุผลดีมากแล้ว แต่ด้วยความที่ต้องการให้มีตัวร้ายหนังจึงพลิกบทให้มนุษย์ป้าก็คือมนุษย์ป้า กลายเป็นตัวละครร้ายๆ ต่อไปหันมาทำเลวกับกิ้งก่า ซึ่งทำให้เขาต้องพบกับความจริงอีกแบบนอกตู้กระจก ก่อนเรื่องจะทำให้เกิดการรวมพลังของเด็กจนทำให้มนุษย์ป้ามาคิดได้ในตอนท้ายแบบง่ายๆ จนไม่น่าเชื่อว่าคนเราเปลี่ยนกันได้แค่นั้น ซึ่งในโลกจริงใครจะเปลี่ยนมนุษย์ป้าได้แค่คำพูดสั้นๆ และการเปลี่ยนนี้ทำให้หนังช่วงท้ายกลายเป็นแนวแฟนตาซีเด็กมากไปเลย อย่างให้เด็กขับรถบัส มีสัตว์ป่าเข้ามาช่วยเหลือกิ้งก่า และก็จบเรื่องอายุขัยของกิ้งก่าแบบง่ายๆ ที่น่าจะเดากันได้ว่าแฮปปี้เอนดิ้ง ซึ่งแน่นอนว่ามันดูบันเทิงดีกับเด็ก เด็กชอบแน่นอน 100% แต่ก็รู้สึกเสียดายที่หนังหลุดจากความจริงมากไป ทั้งๆ ที่แทบทั้งเรื่องคือการสอนบทเรียนชีวิตแบบจริงจังในรูปแบบแอนิเมชั่นที่น่ารักมากแล้วแท้ๆ ครับ

ในส่วนของงานโปรดักชั่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปกติของ Netflix อาจจะไม่ถึงขนาดโดดเด่น แต่ก็ดีในระดับที่น่าพอใจ โดยมีการออกแบบท่ามุกตลกกวนๆ ของกิ้งก่าที่ชวนขำกับการใช้ลิ้นของเขามากในทุกสถานการณ์ทำได้ดีเลย ส่วนเต่าแทบทำอะไรไม่ได้ในเรื่องไม่เหมือนกิ้งก่าก็เลยไม่มีบทบาทมากจนน่าจดจำอะไร (ใช้นักพากย์ บิล เบอร์ ไม่คุ้มไปด้วย)

 

ส่วนมิวสิคัลของเรื่องที่เป็นเหมือนจุดขายในตอนแรก ก็ไม่ถึงขั้นมีเพลงหรือท่าเต้นมาก เรียกว่ามีประกอบเรื่องสั้นๆ นอกจากตอนแรกที่ยาวหน่อย ซึ่งดีแล้วทำให้เรื่องนี้ดูแล้วเข้าใจง่ายกว่าการพยายามทำเป็นมิวสิคัลเต็มตัวมาก (ในแบบพากย์ไทยคือใช้นักพากย์ร้องตามบทแปลที่ไม่ค่อยลื่นไหลลงตัวเท่าไหร่)

 

โดยรวมนี่คือหนังแอนิเมชั่นเด็กที่เล่าเรื่องราวของกิ้งก่าอายุมากเทียบเคียงเหมือนคนสูงวัยเข้ามาสอนแนะนำเด็กน้อยที่มีปัญหาชีวิตและขาดความช่วยเหลือจากพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่ไม่พยายามมาเข้าใจมุมมองที่ต่างวัยได้ดีมากๆ โดยมีเรื่องชีวิตช่วงท้ายก่อนตายของกิ้งก่ามาเป็นแรงผลักดันการกระทำที่สมเหตุผล ทำให้กิ้งก่าเป็นครูแนะแนวเด็กที่ดีกว่าครูจริงๆ ซะอีก แต่ความสมจริงในส่วนนี้ก็มาดรอปลงในตอนท้ายเมื่อพยายามยัดตัวร้ายมนุษย์ป้าเข้ามาและทำให้ทุกอย่างดูเป็นหนังเด็กมากๆ จนหลุดจากประเด็นความสมจริงไปเลย และจบลงแบบง่ายๆ แฮปปี้เอนดิ้ง ซึ่งดูแล้วบันเทิงเด็กชอบแน่นอน แต่ก็รู้สึกผิดหวังที่หนังน่าจะสานต่อประเด็นบทเรียนชีวิตไปจนจบมากกว่าครับ 

  

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!