รีวิว Let It Snow อุ่นรักฤดูหนาว Love Actually เวอร์ชั่นไฮสคูล
รีวิว Let It Snow อุ่นรักฤดูหนาว Love Actually เวอร์ชั่นไฮสคูล
สรุป
หนังรักวันเดียวจบสั้นๆ ที่พยายามเป็น Love Actually ฉบับวัยรุ่น ซึ่งทำได้พอเพลินๆ นิดหน่อย แต่ยังไม่ได้โดดเด่นประทับใจนัก
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- นักแสดงหญิงโดดเด่น
- สร้างจากนวนิยายชื่อดังขายดีระดับนิวยอร์คไทม์เบสเซลเลอร์
Cons
- ดาราชายบางคนดูขัดตาไม่เข้ากับบท
- หนังหาทางออกง่ายไปไม่มีลุ้น
- เรื่องราวหิมะกับวันคริสต์มาสกับคนไทยคงไม่อินสักเท่าไหร่
Let It Snow อุ่นรักฤดูหนาว เมื่อพายุหิมะถล่มเมืองเล็กๆ ก่อนวันคริสต์มาส นักเรียนไฮสคูลกลุ่มหนึ่งได้เรียนรู้ว่ามิตรภาพและชีวิตรักดันเกิดเรื่องวุ่นๆ แบบไม่ทันตั้งตัว ภาพยนตร์ตลกโรแมนติกอิงจากนวนิยายชื่อดังขายดีระดับนิวยอร์คไทม์เบสเซลเลอร์
หนังรักรวมดาราวัยรุ่นมีชื่อหลายคน ที่เล่นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักในวันคริสต์มาสวันเดียวกับหลายเหตุการณ์พร้อมๆ กันในเมืองเล็กๆ ซึ่งก็เหมือนหนังดัง Love Actually ที่รวมดารามีชื่อเสียงมาเล่นกับเรื่องราวความรักหลายแบบ แต่ใน Let It Snow จำกัดเรื่องราวความรักแค่ช่วงวัยรุ่นไฮสคูลเทอมสุดท้ายเท่านั้น ต่างกับ Love Actually ที่มีความรักทุกช่วงอายุ ก็เรียกว่าเป็น Love Actually เวอร์ชั่น ม.ปลาย ก็ว่าได้
หนังเดินเรื่องตัดสลับความรักหลายแบบ เพื่อนสนิทที่โตมาวัยเด็ก คนแปลกหน้าสองคนที่บังเอิญมาเจอกัน ความรักเพศเดียวกันที่ต้องปิดบัง การแยกทางกัน เพื่อนสนิทที่ต้องมาแตกคอกันในเรื่องความรัก โดยเรื่องราวทั้งหมดเริ่มคนละจุด แต่ถูกบีบให้มาจบลงที่เดียวกันสุดท้ายที่ร้านอาหารในเมืองเล็กๆ ที่จัดปาร์ตี้ มาเหล้าโต้รุ่งข้ามวันตามประสาหนังวัยรุ่นอเมริกัน
หนังวางเรื่องราวความรักไว้เป็นสเต็ปตามสูตรทุกอย่าง เริ่มจากทุกคู่มีปม ระหว่่างทางก็มีช่วงเวลาดีๆ ให้กันก่อนจะพบกับปัญหาจนแยกทางกัน สุดท้ายก็กลับมาคืนดีคลายปมความรัก หนังเป็นเส้นตรงแหน่วต่างกับ Love Actually ที่มีความรักหลายแบบให้ลุ้นมากกว่า ซึ่งก็เข้าใจแหละว่าหนังรักวัยรุ่นฉีกมากไม่ได้ สุดท้ายก็ยังเป็นความรักวัยเรียนที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร หนังถึงเล่นเรื่องราววันคริสมาสต์จบได้ในวันเดียว กับคำถามที่ว่าวันเดียวแปรเปลี่ยนใจคนได้ไหม
หนังมีคู่เด่นๆ ที่เป็นหลักของเรื่องอยู่สองคู่คือ เรื่องราวการแอบรักเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ซึ่งฝ่ายหญิงเล่นโดย Kiernan Shipka ที่คุ้นหน้าตากันดีจากซีรีส์ Sabrina ของ Netflix เอง ซึ่งความน่ารักตัวเล็กติ้วหนาตาโตของเธอก็ยังเหมือนเดิม โดยฝ่ายชาย Mitchell Hope ค่อนข้างโนเนมในบ้านเรา แต่ดังในอเมริกาจากซีรีส์ Descendants ซึ่งทั้งคู่ก็เล่นได้ดี พระเอกมีปมว่าไม่กล้าบอกรักเพื่อนสนิท ในขณะที่เธอกำลังถูกผู้ชายอีกคนเข้ามาจีบ กลายเป็นตอนเลิฟแบทเทิล ทำให้ต้องรีบตัดสินใจบอกรักในวันนี้ให้ได้ เป็นตอนที่ตลกดูเพลินๆ กับความเปิ่นของพระเอกที่สู้ผู้ชายคนใหม่ที่เข้ามาในชีวิตเธอไม่ได้ แล้วก็หึงหวงออกนอกหน้าจนทำให้ทะเลาะกัน ก่อนจะแฮปปี้กันในตอนสุดท้ายกับคำสารภาพหวานเว่อร์ของพระเอก ซึ่งตอนนี้เด่นและทำออกมาลงตัวที่สุดในเรื่องแล้ว
อีกคู่ก็คือ เรื่องราวของคนแปลกหน้าสองคนมาเจอกัน โดยที่อีกฝ่ายเป็นนักร้องวัยรุ่นดังที่พยายามหลบจากผู้คนที่มักแห่มาหาเขาจนไม่มีเวลาชีวิตเป็นส่วนตัว กับฝ่ายหญิง (รับบทโดย Isabela Merced ที่ล่าสุดเล่นหนังใหญ่เรื่อง Dora and the Lost City of Gold) ที่อยู่เมืองเล็กๆ แห่งนี้มาตลอดไม่สามารถทิ้งไปไหนได้ แม้จะได้ทุนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยดังในเมืองใหญ่ เพราะมีแม่ที่ป่วยต้องดูแล เป็นพาร์ทความรักแรกพบกับเป้าหมายในชีวิตหลังเรียนจบ ที่ต้องเลือกระหว่างความจริงหรือความฝัน หนังใช้ตัวละครนักร้องผิวสีผู้ประสบความสำเร็จมาเป็นตัวทำให้เรื่องราวมีการผจญภัยหนีจากผู้คน โดยที่ฝ่ายหญิงไม่รู้สึกอินอะไรกับความเป็นนักร้องของเขา แต่ห่วงกังวลกับชีวิตตัวเองมากกว่า แล้วก็ไม่คิดว่าวันเดียวคนเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่สุดท้ายก็ได้รู้หัวใจตนเองว่า “รักแรกพบมีจริง” บทหลักตกอยู่ฝ่ายหญิงซึ่งเล่นได้ดีมีเสน่ห์ ดูเป็นสาววัยรุ่นที่แตกต่าง ฉลาด มีกึ๋น จนเชื่อว่าใครพบเจอก็ตกหลุมรักเธอได้แบบพระเอกในเรื่อง แต่ฝ่ายชายกลับไม่ได้เด่นอะไรนัก ไม่ได้มีฉากโชว์ฝีมือร้องเพลงอะไรตามเรื่อง ดูขัดๆ ตาเหมือนแคสมาไม่เข้ากับบทดี ยังดีที่ฝ่ายหญิงมีเรื่องให้น่าติดตามดูว่าเธอจะยอมรับ “รักแรกพบวันเดียว” ได้หรือไม่ แถมยังต้องตัดสินใจเรื่องอนาคตทั้งชีวิตของเธอกับแม่อีกด้วย
คู่อื่นๆ ที่เหลือจากนี้เรียกว่าเป็นแค่น้ำจิ้มของเรื่องราวแล้ว หนังไม่ได้ให้น้ำหนักหรือการผจญภัยอะไรมาก (หนังยาว 91 นาที) ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าหนังทำได้ผ่านตามโจทย์วัยรุ่นรักง่ายไวในวันเดียวได้ ด้วยความที่วันคริสต์มาสหิมะตกเป็นใจทำให้เรื่องราวโรแมนติคขึ้น แต่ข้อเสียของหนังเลยคือ เนื้อเรื่องหาทางออกง่ายเกินจนไม่มีลุ้นในเรื่องราว แถมยังมีช่วงบทงานปาร์ตี้ที่จัดโดย Jacob Batalon นักแสดงคุ้นตาจากบทเพื่อนซี้สไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งไม่รู้โกนหัวทำไมขัดตากับบทมากมาย มาคั่นเป็นระยะๆ ที่ดูแล้วออกแนวน่ารำคาญมากกับเรื่องราวหนังที่น่าจะออกโทนโรแมนติคราบรื่นกว่านี้ เข้าใจว่าหนังพยายามใช้ดาราวัยรุ่นคุ้นหน้าเรียกคนมาดู แต่หลายคนก็ได้รับบทไม่เหมาะสมกับเรื่องราวจนดูขัดตา แต่ถ้าไม่คิดมากก็ดูเพลินๆ ได้ แต่ถ้าจะหวังให้ซาบซึ้งประทับใจแบบที่ Love Actually ทำไว้ก็ยังห่างไกลมากครับ
- ความเห็นจากเรา: SKIP IT ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แถมยังขัดใจหลายอย่างถ้าเทียบกับ Love Actually
ดูออนไลน์ผ่าน Netflix คลิกที่นี่