playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Locke and Key SS3 บทสรุปจบสุดท้ายที่ง่ายดายเพราะหมดงบ

Locke and Key SS3

Summary

ภาคจบบทสรุปของเรื่องที่ยังคงเส้นคงวากับปัญหาความไม่เมคเซนส์ของแทบทุกตัวละครอยู่เช่นเดิม ภาคนี้มีกุญแจใหม่แค่ 3 ดอก ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เรื่องน่าสนใจขึ้นเท่าไหร่ บอสภาคนี้ก็แย่กว่าภาคแรกมาก เป็นนายพลหลงยุคแก่ๆ ที่ใช้แต่แรง ไม่มีทริกในการนำกุญแจมาใช้เลย แต่ก็อาจจะเพราะว่าเรื่องถูกลดงบสร้างลงมามาก ทั้งจำนวนตอนกับเวลาในตอนลดลงมาก ฉาก CG ต่างๆ ก็น้อยกว่าภาค 2 ไปอีก แต่ตัวเรื่องก็ได้เสน่ห์จากตัวนางเอก  Emilia Jones ที่ถูกชูขึ้นมานำเรื่องจากที่เธอดังจาก CODA มีฉากร้องเพลงสดเพิ่มให้ในซีรีส์นี้ด้วย
ในส่วนบทสรุปของเรื่องก็จบแบบง่ายๆ เดาได้แน่นอน โดยมีทิ้งท้ายไว้นิดๆ แต่ตัวเรื่องจบจริงแน่นอนแล้ว ซึ่งถ้าใครดูมาแล้วถึง 2 ภาค ก็ยังน่าจะดูต่อให้จบได้เพราะเรื่องดำเนินไปเร็วและเวลาสั้นลงมากทำให้แม้จะไม่ดีมาก แต่ก็ดูจบได้ง่ายๆ เช่นกันครับ
Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
4 (1 vote)

Pros

  • บทสรุปจบของตระกูลล็อค
  • นางเอกเอมิลี่ โจนส์ เด่นกว่าภาคอื่น
  • มีกุญแจเพิ่ม 3 ดอก
  • มีเรื่องย้อนเวลาเพิ่ม
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทไม่สมเหตุผลหลายจุดตลอดเรื่อง
  • ฉากแฟนตาซี CG ลดน้อยลงมาก
  • บอสออกแนวโง่ไม่มีทริกการใช้กุญแจเลย
  • บทสรุปจบแบบง่ายๆ

ADBRO

รีวิว Locke and Key SS3

ภาค 3 บทสรุปจบเคลียร์ทั้งหมดปิดเรื่องราวของตระกูลล็อค ซึ่งความสนุกลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ มาตั้งแต่ภาค 2 พร้อมด้วยฉากแฟนตาซีที่ลดน้อยลงตามลำดับ ซึ่งน่าจะมาจากทุนสร้างที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากจำนวนตอนที่ 2 ซีซั่นแรก มี 10 ตอน ความยาวแต่ละตอนก็ 50 กว่านาทีเกือบชั่วโมง แต่ SS3 กลับเหลือแค่ 8 ตอน ความยาวต่อตอนหดสั้นลงเหลือ 30-40 นาที จนกลายเป็นซีรีส์สั้นๆ ที่ดูแปบๆ จบ ซึ่งในแง่ดีสำหรับคนที่ยังพอติดตามเรื่องนี้ก็คือมันสามารถดูจบได้ในเวลาไม่นาน แต่ปัญหาหลายๆ อย่างของเรื่องก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ภาคนี้ไม่ได้มีข้อดีหรือจุดเด่นอะไรมากกว่าภาคที่ผ่านมานัก โดยตัวเรื่องมีแค่เพื่อปิดจบบทสรุปเท่านั้น ตัวเรื่องเลยเพิ่มกุญมาแค่ 3 ดอกทำบ้านหิมะตกในตอนแรกแล้วก็หายไปไม่ได้ใช้อีกเลย อีกดอกคือหีบเก็บของที่ทำลายไม่ได้ไว้เก็บกุญแจ ดอกสุดท้ายคือกุญแจย้อนเวลาที่ทำให้ตัวเรื่องสามารถไปเอาเก๊บกับดอดจ์ ตัวร้ายจากภาคก่อนกลับมาได้ ซึ่งก็เหมือนการเอากลับมาใช้สั้นๆ เพื่อเคลียร์ปมนิดเดียวเรื่องเก๊บยังสนใจรักคินซีย์ แต่ก็ไม่ได้มีฉากทำให้ซึ้งหรือดูดีอะไรมากเพราะบทมีแค่ช่วงสั้นๆ กลางเรื่องเท่านั้น

ตัวร้ายของภาคนี้ก็ต่อจากที่ทิ้งไว้ในภาคก่อนคือนายพลหลงยุคที่ถูกปีศาจต่างมิติสิง ปูว่าเป็นบอสเหนือบอสมากกว่าดอดจ์ที่อยู่ในต่างมิติ แต่ทั้งเรื่องกลับเหมือนตาแก่โง่ๆ หลงยุคไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น (ขนาดขับรถก็ยังคว่ำ) มีแต่แรงใช้แต่กำลัง กุญแจที่มีก็ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์หลากหลายแบบที่ดอดจ์ใช้เลย เรียกว่าเป็นบอสที่งี่เง่ากว่าลูกน้องของมันเองอีกที่เป็นเงาสะท้อนแบบดอดจ์ แต่เรื่องก็พยายามใช้มันมาหากุญแจให้ดูน่ากลัว ซึ่งผลของการที่ให้ตัวละครนี้โง่ไม่มีทริกก็เลยกลายเป็นฉากต่อสู้แบบพื้นๆ ที่ฝ่ายพี่น้องล็อคพยายามใช้กุญแจสู้ แต่เจอแรงบ้าพลังของบอสเอาชนะได้แบบงงๆ ตลอด 

แล้วที่แย่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนคือบทการดำเนินเรื่องนี้มักมีฉากที่ไม่เมคเซนส์อยู่เรื่อย จะเรียกว่าตัวละครโง่ก็ได้ ซึ่งภาคนี้เป็นกันแทบทุกคน ตั้งแต่น้องเล็กที่หาเรื่องทำอะไรผิดพลาดก่อปัญหา แล้วคนมาตามแก้ปัญหาอย่างพี่ก็ยังทำพลาดอีก ลามไปจนถึงรุ่นผู้ใหญ่พ่อแม่ที่ยังมีฉากแบบนี้ขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างฉากขับรถชนบอสได้ รู้ว่ามันเป็นปีศาจไม่ตายก็ยังลงไปด้อมๆ มองๆ ดูให้โดนอัดแล้วแย่งรถไปได้เฉย ก็ไม่เข้าใจว่าคนเขียนบทหาทางให้บอสได้รถแบบอื่นไม่ได้หรือ ถึงต้องเขียนบทให้เกิดฉากอิหยังวะแบบนี้ขึ้นมาตลอดเรื่อง

สิ่งที่ชวนให้ติดตามสุดก็คงเป็นตัวนางเอกคินซีย์ ที่ในภาคแรกเธออาจจะดูน่ารำคาญจากบทที่สร้างให้เธอเป็นตัวปัญหาโดยตรง ตอนนั้น Emilia Jones ยังไม่มีคนรู้จัก แต่พอ CODA ฉายปีก่อนและได้รางวัลออสการ์ปีนี้ ที่เธอเป็นนางเอกของเรื่อง บทในภาค 3 นี้ก็เลยเหมือนเขียนมาให้เธอเป็นตัวเอกเด่นกว่าใคร มีใส่ฉากร้องเพลงสดไว้ 2 รอบเหมือนต้องการขายเสียงเพราะๆ ของเธอที่ติดมาจาก CODA หนังที่ทำให้เธอฝึกร้องเพลงครั้งแรก ลแ้วก็ทำได้ดีงามมากขนาดเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักร้องเลยก็น่าจะรุ่ง ซึ่งใครที่ตกหลุมรักเธอทั้งเสียงกับรูปร่างหน้าตาก็น่าจะโอเคกับล็อคแอนด์คีย์ภาค 3 นี้อยู่ การดูความน่ารักของเธอบนจอทำให้อารมณ์หงุดหงิดหลายๆ อย่างในเรื่องไปได้มากเหมือนกัน

ตัวเรื่องมีบทสรุปจบที่ลงตัว แต่เดาง่ายไม่ยากว่าจะออกมาในรูปนี้ แต่ก็แอบทิ้งท้ายไว้นิดๆ เผื่อมีต่อได้ แต่ทางผู้สร้างยืนยันว่าจบแล้วก็คงจบจริงๆ ไม่มีต่อครับ ถือเป็นภาคที่ใครดูมาแล้ว 2 ซีซั่นก็ดูต่อให้จบเถอะเพราะสั้นนิดเดียว แม้จะไม่ดีมาก แต่ก็โอเคกับคอนเซ็ปต์การใช้กุญแจอยู่ครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!