รีวิว Locke & Key ผลงานซีรีส์ฟอร์มยักษ์จากลูกชาย Stephen King ที่ห้ามพลาด! (ไม่สปอยล์)
Locke & Key
สรุป
นี่เป็นผลงานฟอร์มยักษ์จริงแท้อย่างแน่นอน คุณภาพงานสร้างของซีรีส์สูงมากทั้งกับ CG พลังวิเศษต่างๆ ที่ปรากฎออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจ รวมถึงบทที่ไม่ได้เป็นไปตามสูตรเรื่องราวทั่วไป แม้จะมีการยำหนังหลายเรื่องเข้ามาไว้ด้วยกัน แต่ก็เป็นแนวอ้างอิงเชิงจิกกัดและปรับปรุงสูตรสำเร็จเหล่านั้นให้ดีสมเหตุผลยิ่งกว่าเดิม หนังยังคงเป็นแนวแฟนตาซีเข้มๆ โดยมีเรื่องสยองขวัญผสมเข้าไปด้วยกันด้วยสัดส่วนกำลังดี ไม่ทิ้งลาย Stephen King ผู้เป็นพ่อไปเลยครับ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- CG เนียนมีคุณภาพ
- ปมปริศนาแฟนตาซีแปลกใหม่
- ส่วนผสมสยองขวัญกำลังดีติดเรต 18+
- การดำเนินเรื่องลื่นไหลตื่นเต้นตลอด
- นางเอกกับตัวร้ายมีเสน่ห์สูงมากทั้งคู่
- จบปมปริศนาหลักในซีซั่นไม่ค้างคาแต่มีต่อได้อย่างสวยงาม
- หนังยังมีเรื่องราววัยรุ่นไฮสคูลครบถ้วน
- ซีรีส์มีเสียงพากย์ไทยที่โอเคเลย
Cons
- ส่วนการสืบสวนคดีฆาตกรรมของตำรวจดูอ่อนด้อยไม่สมเหตุผลเกินไป
- กุญแจบางดอกถูกใช้แล้วหายไปไม่พูดถึงหรือนำกลับมาใช้พลิกวิกฤติจนรู้สึกเป็นช่องโหว่ของเรื่อง
- ตัวเอกวัยรุ่นไม่ตรงตามสูตรฉลาดมีไหวพริบดี อาจจะทำให้ไม่ชอบหรืิออินกับตัวเอกได้
Locke & Key Season 1 รีวิว ล็อคแอนด์คีย์: ปริศนาลับตระกูลล็อค ซีรีส์สร้างจากนิยายภาพขายดีของ Joe Hill ลูกชาย Stephen King เมื่อพี่น้อง 3 คนที่ย้ายเข้าบ้านเก่าของตระกูลหลังพ่อถูกฆาตกรรม แล้วได้พบว่าบ้านนี้มีกุญแจวิเศษที่ไขไปสู่พลังวิเศษมากมาย
- สปอยล์ รวมพลังกุญแจวิเศษ ทั้งในซีรีส์และคอมมิค!
- Locke And Key Season 2 จะมีอะไร? ไขประเด็นตอนจบของ Season 1
- รวมเพลง เพราะๆ จากซีรีส์ ปริศนาลับ ตระกูลล็อค Season 1
ตัวอย่าง Locke & Key ล็อคแอนด์คีย์
Locke & Key season 1 รีวิว
เมื่อเกริ่นว่านี่เป็นซีรีส์จากผลงานดังของ Joe Hill ลูกชาย Stephen King ย่อมต้องทำให้เกิดความสงสัยกังขาขึ้นมาบ้างแน่ว่าผลงานของเขาดีจริงหรือแค่ได้ชื่อพ่อมาช่วยดันให้เป็นจุดขาย ซึ่งเขาได้มานั่งแท่นคุมงานซีรีส์เรื่องนี้ด้วยตนเองด้วย (อ่านเรื่องราวเบื้องหลังงานสร้างได้ที่นี่) หลังดูจบก็พบว่าผลงานชิ้นนี้มีดีด้วยตัวเองจริงๆ โดยไม่ต้องขายชื่อพ่อก็สามารถแจ้งเกิดได้ด้วยตัวเองแน่นอนครับ
คีย์เฮ้าส์ (Keyhouse) เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่สถาณที่เกิดเรื่องราวหลักนี้ของตระกูลล็อค ที่ตัวเอก 3 พี่น้องได้ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่หลังจากพ่อของเขาถูกฆาตกรรม ที่ซึ่งพ่อของพวกเขาไม่เคยพาใครกลับมาในเมืองเล็กๆ แห่งนี้เลย จนกลายมาเป็นปริศนาคาใจให้แม่ของพวกเขากลับมาหาคำตอบหลังการตายของสามี แต่กลายเป็นว่าลูกของเธอกลับค้นพบความลับของบ้านหลังนี้ ที่ซ่อนกุญแจวิเศษมากมายที่มีพลังแตกต่างกัน ซึ่งมันจะกระซิบเรียกหาแต่เพียงเด็กๆ ให้ไปพบเจอได้เท่านั้น
แม้ว่าหน้าหนังดูเป็นแฟนตาซีวัยรุ่นที่มีกลิ่นอายคล้ายๆ หนังดังหลายเรื่องอย่างแฮรี่พอร์ตเตอร์ นาเนีย แต่เรื่องนี้ Netflix ติดเรตไว้ที่ 18+ (สูงกว่า Stranger things ที่ 16+ ซะอีก) หนังจึงเปิดเรื่องราวมาด้วยฉากสยองพร้อมกลิ่นอายหนังสยองขวัญฆาตกรรมทันที ซึ่งเป็นส่วนผสมที่แปลกแตกต่างจากทั่วไปมากอยู่เหมือนกัน เมื่อซีรีส์เดินเรื่องหลักด้วยแนวแฟนตาซีกับการพบเจอกุญแจวิเศษ ที่แต่ละดอกมีพลังเหลือเชื่อระดับที่เป็นอาวุธร้ายแรงขนาดครองโลกยังได้เลย ซึ่งถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ มักมีแค่ 1 อย่างให้ตามล่าหากัน แต่เรื่องนี้กลับขนมาเพียบ ในแต่ละตอนเราจะได้เห็นการพบเจอกุญแจใหม่ๆ กับพลังวิเศษของแต่ละดอกที่น่าอัศจรรย์แตกต่างกัน จนพวกเด็กๆ เข้าใจว่าเป็นเวทมนตร์ แม้จะยังไม่ได้มีคำตอบชัดเจนว่ามันคืออะไรกันแน่
หนังสร้างกุญแจขึ้นมาเป็นปริศนาทิ้งไว้มากมายตั้งแต่เริ่มตอนแรก พร้อมกับเปิดตัวร้ายของเรื่องทันทีแบบไม่ต้องยืดเยื้อรอนานกับฉากสยองขวัญที่เป็นเหมือนหนังผีปีศาจ ที่มีความแฟนตาซีรวมอยู่ด้วยกัน เมื่อจบตอนแรกยากมากที่จะไม่ประทับใจกับความพิเศษของส่วนผสมที่ประหลาดมหัศจรรย์นี้ เพราะนี่คือผลงานคุณภาพที่สามารถนำไปสร้างหนังภาพยนตร์ฉายโรงดีๆ ได้เลย แต่ทาง Joe Hill เลือกให้มาทำเป็นซีรีส์ใน Netflix แทน ซึ่งก็เป็นคำตอบที่เหมาะที่สุดแล้วด้วยความยาวของต้นฉบับหลายเล่มที่ยังไม่จบ การเล่าเรื่องราวแบบซีรีส์จึงเหมาะกว่าการทำเป็นภาพยนตร์ที่ต้องโดนตัดหั่นไปเยอะแน่นอน
เมื่อหนังถูกเล่าเรื่องราวยาวแบบซีรีส์ได้ คนดูอาจจะคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องมียืดพาเรื่องให้อืดๆ แต่กับซีรีส์เรื่องนี้แทบไม่รู้สึกแบบนั้นเลย เรื่องราวในแต่ละช่วงเต็มไปด้วยความสนุกของการค้นพบกุญแจวิเศษ ที่มาพร้อมกับการใช้พลังที่สนุกและตื่นตาตื่นใจมากเหมือนกับได้เห็นโดราเอมอนโชว์ของวิเศษให้ดูแบบนั้นเลย ซึ่งพลังจากกุญแจแต่ละดอกก็ถูกนำไปใช้แกล้งเพื่อนบ้าง หรือเอาไปช่วยจีบสาวตามเรื่องราวของวัยรุ่นห่ามๆ หนังทำให้ส่วนนี้เป็นเหมือนหนังวัยรุ่นสนุกๆ ครบรสชาติได้ตลอดเวลาทั้งเรื่องเรียนเรื่องรักและการเข้าสังคมในโรงเรียน แต่ก็ยังให้เห็นความน่ากลัวอีกด้านของกุญแจ ผ่านตัวละครปริศนา “สาวในบ่อน้ำ” ที่ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่ตอนแรก และถูกวางไว้เลยว่าเธอคือบอสของซีซั่นนี้ที่ต้องการตามหากุญแจวิเศษไว้ในครอบครอง ผ่านการล่อลวงให้ได้มาพร้อมกับฉากโหด ซึ่งบอกเลยว่าหนังติดเรต 18+ ได้ทันทีหลังเห็นฉากโหดชวนช็อคจากตัวละครนี้ ซึ่งเกิดขึ้นกับเด็กเป็นหลัก จนให้อารมณ์คล้ายๆ หนังดัง IT จากผลงานของสตีเฟน คิง อยู่เหมือนกัน (Andy Mushietti ผู้อำนวยการผลิต IT ก็มาร่วมงานเรื่องนี้ด้วย)
ฉากสยองขวัญในเรื่องนอกจากจะมาพร้อมกับสิ่งที่พบเจอจากกุญแจแล้ว เรื่องราวยังมีการแฟลชแบ็คกลับไปอดีตเป็นระยะ ก่อนการมาอยู่ที่คีย์เฮ้าส์ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับครอบครัวตระกูลล็อค โดยค่อยๆ เผยให้เห็นฉากฆาตกรรมพ่อของเด็กๆ ที่มาแบบแนวฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่าครอบครัวล็อค ซึ่ง Joe Hill ก็เก่งที่เลือกหยิบเอาแนวทางของหนังสยองขวัญแนวนี้มาเล่าใหม่ ให้เห็นอีกด้านของตัวเอกที่รอดตายมาได้ว่าเพราะอะไร จนให้ความรู้สึกคิดถึงหนังดังอย่าง Scream (1996) ที่ตัวหนังพลิกตำราหนังสยองขวัญใหม่ พร้อมกับใส่ปมตรงนี้ผูกเข้าไว้กับตัวละครเด็กในเรื่องให้กลายเป็นแผลที่ยากจะลืมลง และก็ถูกนำมาใช้เป็นจุดกำเนิดฉากสยองขวัญในเรื่องที่จะตามมาเรื่อยๆ คู่ไปกับการเล่าเรื่องสดใสจากการใช้กุญแจวิเศษไปพร้อมกัน ซึ่ง 2 ส่วนนี้ผสมกลมกลืนกันดีมาก เรื่องราวตัดไปมาดึงอารมณ์เราไปคนละทางได้ดีทั้งคู่ไม่แพ้กันเลย จนเรียกว่าเป็นหนัง “แฟนตาซีสยองขวัญ” เต็มตัวเลยก็ว่าได้ครับ แต่ว่าส่วนของฉากฆาตกรรมในเรื่องช่วงหลังอาจจะดูมีช่องโหว่แปลกๆ ไม่สมเหตุผลบ้าง เพราะหนังเลือกมองข้ามแนวทางหนังสืบสวน แล้วผลักไปให้คนดูสนใจเรื่องเหนือธรรมชาติมากกว่า
ที่พิเศษอีกอย่างคือหนังไม่ได้เล่าแค่มุมมองของตัวละครหลักฝั่งเดียว แต่มีมุมมองของฆาตกรมาให้ดูด้วย ซึ่งการที่หนังไม่ทิ้งหรือยัดเยียดให้ดูเป็นฆาตกรโรคจิตเต็มตัว แต่มีแบ็คกราวด์ปูมหลังที่น่าสงสาร พร้อมทั้งเผยให้เห็นที่มาที่ไปทั้งหมด รวมถึงบทสรุปของตัวฆาตกรที่เชื่อว่าอาจจะต้องมีต่อในแบบแฟนตาซี ทำให้เรารู้สึกเลยว่า Locke & Key เป็นซีรีส์รุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจเก็บรายละเอียดต่อยอดจากหนังหรือนิยายสูตรสำเร็จให้สมเหตุผลดียิ่งขึ้น พร้อมกับแอบจิกกัดกับโยงเรื่องราวให้เราคิดถึงสูตรสำเร็จจากหนังดังๆ ไปพร้อมกัน
บทบาทของตัวละครในเรื่องที่ไม่ได้มาตามสูตร
นอกจากนี้ตัวละครหลักเด็กทั้ง 3 คนก็ไม่ได้เป็นไปตามสูตรสำเร็จสักเท่าไหร่เลย ตัว “โบดี้” น้องชายคนสุดท้องของเรื่องที่เป็นคนพบเจอกุญแจคนแรก กลับพลิกบทบาทจากจอร์จี้เด็กที่ตายเปิดเรื่องของ IT มาเป็นเด็กที่เก่งมีพรสวรรค์จินตนาการสูง พร้อมกับไหวพริบเกินตัว กล้าเผชิญหน้าช่วยเหลือพี่ๆ ในสถาณการณ์คับขันได้หลายครั้ง และก็ยังเป็นตัวละครที่มีความคิดอ่านรับผิดชอบสูงกว่าคนที่เป็นพี่ของเขาทั้งสองคนเสียด้วยซ้ำ ซึ่ง Jackson Robert Scott นักแสดงเด็กคนนี้มีเสน่ห์มากจนน่าติดตามที่สุดในเรื่องว่าเขาจะเจออะไรและหาทางแก้ปัญหาแบบเด็กๆ ได้อย่างไร ที่ออกมาทึ่งทุกทีด้วยครับ
“ไทเลอร์” (รับทโดย Connor Jessup) พี่ชายคนโต ซึ่งตามสูตรจะเป็นคนที่กล้าหาญสุด แน่นอนว่าบทก็วางให้เขาเป็นคนที่พยายามปกป้องดูแลน้องๆ แทนพ่อที่เสียไป แต่หนังทำให้ตัวละครนี้สมหตุผลขึ้นด้วยการใส่ความจริงที่ว่า เด็กวัยรุ่นอย่างเขายังไม่มีความรับผิดชอบพอ และก็มีปมจากการเสียพ่อไปหมาดๆ ทำให้กลายมาเป็นตัวละครเด็กมีปัญหา แม้พยายามจะดูแลช่วยเหลือน้องๆ แต่กลายเป็นว่าตัวเองยังเอาตัวไม่รอด และก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าเขาเป็นฮีโร่กู้วิกฤติในเรื่องราวได้สักเท่าไหร่นัก
“คินซีย์” (รับบบทโดย Emilia Jones) พี่สาวคนกลางของเรื่องก็เช่นกัน แม้ว่าเรื่องราวเริ่มต้นจะดูเหมือนเธอเป็นนางเอกตามสูตรหนังวัยรุ่นฆาตกรโรคจิตทั่วไปที่ผ่านความบอบช้ำทางจิตใจมาแล้วหลอนๆ เก็บตัว แต่พอเรื่องค่อยๆ ดำเนินไปกลับกลายเป็นว่าค่อยๆ เผยให้เห็นอีกด้านของเธอซึ่งร้ายไม่ใช่เล่น และก็เป็นตัวพาปัญหามายังคนอื่นๆ ตลอดเวลา ซ้ำร้ายยังหาทางแก้ปัญหาแบบผิดๆ ผ่านการใช้กุญแจที่กลายเป็นอาวุธในมือเธอไปแทน ซึ่งบทคินซีย์หนักสุดในเรื่อง เพราะมีคาแรกเตอร์ถึง 3 แบบแตกต่างกันอย่างสุดขั้วอีกด้วย และด้วยความน่ารัก (สุดๆ) ของนักแสดง Emilia Jones เชื่อว่าเธอแจ้งเกิดเป็นขวัญคนใหม่ของคนดูได้แน่นอน
ฝั่งของตัวละครผู้ใหญ่ในเรื่องนี้ถูกวางบทไว้ว่าจะความจำเสื่อม จำเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นต่อหน้าไม่ได้จากกฏบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผยในซีซั่นนี้ ทำให้หนังโฟกัสไปที่วัยรุ่นได้เต็มๆ ได้อย่างสมเหตุผล เพราะเรื่องราวเกิดในบ้านแทบจะตลอดเวลา แต่หนังก็ไม่ได้กันตัวละครผู้ใหญ่ออกไปทั้งหมด แต่ทิ้งปมสืบสวนเป็นระยะๆ ให้แม่ของเด็กทั้งสามคน ซึ่งชวนให้ลุ้นอยู่เล็กๆ ว่าเธอจะจำได้เมื่อไหร่ และก็ยังมีตัวละครผู้ใหญ่คนอื่นที่จดจำเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ได้อีกกี่คน
“สาวในบ่อน้ำ” ตัวละครปริศนาของเรื่อง ที่รับบทโดย Laysla De Oliveira นางเอกท้องโตใน In the Tall Grass พงหลอนมรณะ หนังสยองขวัญของ Joe Hill เรื่องก่อนใน Netflix เป็นตัวร้ายที่มากด้วยเสน่ห์ยั่วยวน และก็เป็นตัวละครที่นิสัยโหดไร้ความปราณีใดๆ อย่างชัดเจน แต่ Joe Hill ก็เก่งที่ทำให้เรื่องนี้มีกฏบางอย่างล็อคไว้ให้เธอมีลิมิตของการฆ่า เพื่อพาให้เรื่องราวยังเป็นแฟนตาซีวัยรุ่นดูเพลินๆ ได้ ไม่ใช่แนวสยองขวัญเต็มตัวแบบต้องปิดตาดูอะไรแบบนั้น
สรุปโดยรวม
นี่เป็นผลงานฟอร์มยักษ์จริงแท้อย่างแน่นอน คุณภาพงานสร้างของซีรีส์สูงมากทั้งกับ CG พลังวิเศษต่างๆ ที่ปรากฎออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจ รวมถึงบทที่ไม่ได้เป็นไปตามสูตรเรื่องราวทั่วไป แม้จะมีการยำหนังหลายเรื่องเข้ามาไว้ด้วยกัน แต่ก็เป็นแนวอ้างอิงเชิงจิกกัดและปรับปรุงสูตรสำเร็จเหล่านั้นให้ดีสมเหตุผลยิ่งกว่าเดิม หนังยังคงเป็นแนวแฟนตาซีเข้มๆ โดยมีเรื่องสยองขวัญผสมเข้าไปด้วยกันด้วยสัดส่วนกำลังดี ไม่ทิ้งลาย Stephen King ผู้เป็นพ่อไปเลยครับ