playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Lost Bullet หนังแอ็กชั่นขับรถไล่ล่าที่หน้าตาภายนอกเหมือน FAST & FURIOUS จาก Netflix

Lost Bullet

สรุป

ถือว่าเป็นหนัง Original Netflix จริงๆ ที่ดีใช้ได้เลยในแนวทางของหนังแอ็กชั่นเน้นคิวบู้ แต่ตัวฉากขับรถไล่ล่าชนกันออกมาน้อยไปหน่อย ใส่มาตอนแรกนิดเดียว แล้วก็ไปโผล่เอาตอนเกือบจบเรื่อง บททั้งเรื่องเป็นแบบง่ายๆ ตามสูตรหนังแอ็กชั่นเน้นคิวบู้ แต่ก็มีอะไรให้พอน่าสนใจได้อยู่บ้างกับการตามหากระสุนที่หายไปตามชื่อเรื่อง

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ฉากแอ็กชั่นคิวบู้ต่อเนื่องยาวๆ ของพระเอกที่เป็นสตันท์แมนตัวจริง
  • ฉากขับรถแบบเน้นเสริมกันชนเป็นอาวุธไล่ชนชน

Cons

  • ฉากขับรถไล่ล่าใส่มาน้อยไปจนเหมือนโดนหลอกจากหน้าหนังกับตัวอย่าง
  • บทที่พยายามโยนฉากแอ็กชั่นมาให้เรื่อยๆ ดูไม่ค่อยสมเหตุผลมาก
  • พระเอกหน้าตาไม่มีความหล่อเลยจริงๆ

ADBRO

Lost Bullet แรงทะลุกระสุน หนังแอ็กชั่น Original Netflix จากฝรั่งเศส ที่มีฉากขับรถไล่ชนกันเป็นจุดขาย
 Lost Bullet (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Lost Bullet แรงทะลุกระสุน

บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญ

หนังแอ็กชั่นขับรถซิ่งที่ดูตัวอย่างหน้าตาภายนอกแอบเหมือน FAST & FURIOUS อยู่ไม่น้อย แต่ที่จริงการขับรถซิ่งไล่บี้กันของเรื่องนี้เป็นส่วนน้ำจิ้มหัวกับท้ายของเรื่องเท่านั้น

เรื่องเริ่มต้นด้วยฉากโชว์สกิลของ “ลีโน” ช่างเครื่องอัจฉริยะที่พยายามหาเงินช่วยน้องชายด้วยการปล้นทองจากการขับรถเสริมกันชนพุ่งชนกันตรงๆ แต่แผนเกิดผิดพลาดทำให้เขาเข้าคุก น้องชายหนีรอดไปได้ สกิลแต่งรถของเขาเตะตาหัวหน้าหน่วยตำรวจที่ไล่ตามจับพวกค้ายา และต้องการรถแรงไปไล่บี้พวกนั้น เขาจึงได้รับโอกาสที่สองมาทำงานให้ตำรวจ แต่กลายเป็นว่าเขากลับโดนป้ายความผิดให้กลายเป็นอาชญากรอีกครั้ง และคราวนี้เขาจึงต้องตามล่าจัดการพวกตำรวจเหล่านั้นด้วยตัวเอง

หน้าหนังเหมือนพวกแนวแข่งรถ แต่ตัวเรื่องจริงๆ คือหนังแอ็กชั่นโชว์สกิลสตันท์ตัวจริงของ Alban Lenoir พระเอกรูปไม่หล่อ แต่ฝีมือสตันท์กินขาด เป็นสตันท์ในหนังแอ็กชั่นดังมาหลายเรื่องแล้วอย่าง Taken ภาคแรก ซึ่งตัวเขาเองก็มีฝีมือเป็นผู้เขียนบทหนังเองด้วย ในเรื่องนี้ก็รับหน้าที่ทั้งนักแสดง  สตันท์ และแก้ไขบทไปพร้อมกัน แต่ช่วงครึ่งชัวโมงแรกจะมีแค่ฉากขับรถไล่บี้กันบนถนนนิดหน่อย โดยไม่เกี่ยวกับพระเอก แต่มีความแปลกตรงที่รถตำรวจในเรื่องเน้นเสริมกันชนเพื่อขับชนโดยเฉพาะ ซึ่งแปลกจากปกติที่มักแต่งซิ่งไล่ยิงกันให้ทัน กลับมาเป็นเรื่องการออกแบบกันชนหนาจากฝีมือคำนวนของพระเอกให้ขับชนได้แบบไม่เจ็บตัว แต่ส่วนนี้เหมือนหนังใส่มาแค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น ยังไม่ได้มีความมันส์ลุ้นเท่ากับฟาส และก็รีบปิดบทจบสรุปเข้าเรื่องจริงที่พระเอกถูกใส่ร้าย และก็ต้องกลายเป็นอาชญากรที่ตำรวจไล่ล่ากันทั้งเมือง

หลังครึ่งชั่วโมงผ่านไปหนังก็ได้เวลาโชว์สกิลแอ็กชั่นของพระเอก ฉากแอ็กชั่นในเรื่องนี้ถือว่าจัดมาเยอะตลอดรายทาง ไม่มีช่วงที่ทำให้เบื่อได้เลยแม้แต่น้อย แถมสกิลการต่อสู้ของพระเอกเว่อร์มาก คือระดับตำรวจทั้งโรงพักสู้มือเปล่าของพระเอกไม่ได้ โดยสกิลที่ปูมาตอนต้นเรื่องก็เป็นแค่ช่างเครื่อง ไม่ได้ไปฝึกศิลปะการต่อสู้อะไรมาเลย แอ็กชั่นที่ออกมาก็ไม่ได้เป็นแนวมาเชียลอาร์ท แต่ฉากโชว์เหนือของพระเอกก็มีความสมเหตุผลพอให้เชื่อได้อยู่ ว่าสู้กับตำรวจทั้งโรงพักด้วยมือเปล่ากับฉกฉวยสิ่งของรอบตัวมาใช้แก้สถานการณ์ได้จริงๆ ซึ่งเราเองก็สนุกไปกับการต่อสู้ของพระเอกด้วยจนแอบลืมๆ ความโม้โอเว่อร์พวกนี้ไปได้ ส่วนบทก็เขียนมาให้พระเอกพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่กลายเป็นหาเรื่องเข้าตัวได้บู้ลุยกันไปแทน ซึ่งถ้าถามความสมเหตุผลก็คงจะรู้สึกตะหงิดๆ ตลอดเวลาว่า ทำไมตำรวจคนอื่นในเรื่องนี้ถึงค่อนข้างปักใจเชื่อง่ายๆ ว่าพระเอกเป็นฆาตกรไปได้ ทั้งๆ ที่เขาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากโทษที่ได้รับในตอนต้นเรื่องแล้ว แต่เอาเป็นว่าถ้าทำให้สมเหตุผลมากไปก็คงไม่เหลือฉากบู้มาให้เราดูแน่ๆ

ตัวเรื่องใส่ฉากแอ็กชั่นมาตลอดทางจนกระทั่งเกือบจบช่วง 10 นาทีท้ายเรื่อง ถึงได้งัดเอาเรื่องสกิลการทำรถของพระเอกกลับมาใช้อีกครั้ง และก็กลายเป็นรถติดอาวุธแบบหนัง Death race (ซิ่ง สั่ง ตาย) ของพระเอก Jason Statham เป็นฉากซิ่งไล่ล่าสู้กับรถตำรวจทั้งนอกเมืองและในเมือง ทั้งชน กระชาก ไล่บี้ ระเบิด ทำออกครบเครื่องมันส์ใช้ได้ในสเกลหนังทุนต่ำของ Netflix และจบแบบทิ้งเชื้อเผื่อไว้ทำต่อได้อีก ซึ่งถ้าตัวหนังมีทุนสูงกว่านี้ก็คงอัดฉากแอ็กชั่นแข่งรถได้มากกว่านี้ และก็มีแนวทางที่แตกต่างจากฟาสตรงที่เป็นรถซิ่งแบบไล่ชนกันตรงๆ สะใจไปอีกแบบ ถือว่าตัวเรื่องทำต่อได้สบายๆ มีแนวทางของตัวเองไม่ซ้ำกับใครดีครับ

การแสดงของพระเอกเองก็ไม่ได้แย่ ไม่ได้มีความรู้สึกเล่นแข็งๆ แบบสตันท์ที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงตัวหลัก แต่หน้าตาพี่แกขาดความหล่อไปมากจริงๆ ก็คงไปไม่ถึงขั้นดังระดับโลกได้ แต่ตัวร้ายของเรื่องถือว่าเล่นได้ดูเลวจริงกับบทตำรวจกังฉินที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด ในเรื่องมีบทนางเอกให้กับนักแสดงผิวสีของเรื่อง และก็มีฉากต่อสู้กับพระเอกพอหอมปากหอมคอ

ถือว่าเป็นหนัง Original Netflix จริงๆ ที่ดีใช้ได้เลยในแนวทางของหนังแอ็กชั่นเน้นคิวบู้ แต่ตัวฉากขับรถไล่ล่าชนกันออกมาน้อยไปหน่อย ใส่มาตอนแรกนิดเดียว แล้วก็ไปโผล่เอาตอนเกือบจบเรื่อง บททั้งเรื่องเป็นแบบง่ายๆ ตามสูตรหนังแอ็กชั่นเน้นคิวบู้ แต่ก็มีอะไรให้พอน่าสนใจได้อยู่บ้างกับการตามหากระสุนที่หายไปตามชื่อเรื่อง แต่หลังจากมี FAST & FURIOUS มาสร้างมาตรฐานหนังแนวนี้ให้สูงในหลายๆ ด้าน คนดูที่ติดฟาสมาก็อาจจะมองว่าเรื่องนี้ทุนต่ำไม่มีฉากแอ็กชั่นตูมตาม ก็อาจจะกลายเป็นแค่หนังทุนต่ำดาษๆ เรื่องหนึ่งได้เหมือนกันครับ

ติดตามรีวิวซีรีส์ หนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!