รีวิว Lupin SS1-2 ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค)
Lupin
-
คะแนน SS1 - 7/10
7/10
-
คะแนน SS2 - 7/10
7/10
สรุป
ซีรีส์ลูแปงเวอร์ชั่นตัวเอกผิวดำที่อ้างอิงเลียนแบบชีวิตมาจากลูแปงในนิยาย เสมือนตัวเองเป็นลูแปงแบบที่มีตัวตนจริงๆ ตัวเรื่องนอกจากตอนเปิดเรื่องก็ไม่ได้มีฉากจารกรรมใหญ่โตตามมาเลยจนถึง SS2 ก็ยังไม่มีใส่มา แต่ไปเน้นที่การสืบสวนตามรอยคดีล้างแค้นให้พ่อในอดีตมากกว่า เป็นฉากแนวสืบสวนแล้วเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เฉียดฉิวทุกครั้ง ซึ่งก็ทำได้ดีพอตัว ลุ้น สนุก ระทึก กำลังดี และก็มีเรื่องราวปัญหาชีวิตครอบครัวมาเสริมให้เรื่องราวดูเป็นมนุษย์มากขึ้น
ซีรีส์จบภาคใน 2 ซีซั่น เคลียร์ปมทั้งหมดเรียบร้อย ก่อนจะประกาศทำต่อภาค 3 ในตอนท้าย ซึ่งก็คือการขึ้นเรื่องใหม่เลย
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ความพยายามทำให้เรื่องราวของลูแปงจากนิยายมาเป็นตัวละครที่มีชีวิตจริงในปัจจุบันได้อย่างแนบเนียน
- ฉากโชว์ไหวพริบเหนือชั้นมีทุกตอน
- เรื่องราววัยเด็กก่อนจะมาเป็นลูแปงที่น่าติดตามควบคู่ไปกับปัจจุบัน
- เรื่องราวชีวิตรักที่มีปัญหาจากการที่ต้องมีตัวตนสองด้านของลูแปง
- การใช้อุปกรณ์ทันสมัยกับการสืบสวนของลูแปง
- โชว์โลเกชั่นงามของฝรั่งเศสหลายที่
Cons
- ฉากโจรกรรมใหญ่มีแค่ครั้งแรก แล้วไปเน้นที่การล้างแค้นส่วนตัวกับแนวไล่ล่าลูแปง อาจจะทำให้คนอยากแนวลูแปงต้นฉบับต้องผิดหวัง
- บทของฝ่ายตำรวจที่ตามสืบคดีไม่ค่อยทันเกมจนดูไม่ค่อยฉลาด
- มีความง่ายเกินไปในฉากเอาตัวรอดของลูแปงบางครั้ง จนดูไม่ค่อยสมเหตุผล
- ประเด็นพ่อลูกที่เป็นคนผิวดำผู้อพยพถูกนำเสนอออกมาน้อยเกินไปในมุมของลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำ
Lupin จอมโจรลูแปง Netflix ลูแปงเวอร์ชั่นคนผิวดำที่ออกแบบมาทันสมัยนิยมให้คนดำเป็นตัวเอกในนิยายแทนคนผิวขาว และก็อ้างอิงเรื่องราวมาจากฉบับนิยาย ถ่ายทอดมาว่าตัวเอกในเรื่องเลียนแบบชีวิตลูแปงมา จนตัวเขากลายเป็นลูแปงตัวจริงในยุคปัจจุบัน โดยที่ยังคงหัวใจความเป็นจอมโจรสุภาพบุรุษไว้ครบถ้วน
ตัวอย่าง Lupin SS1 จอมโจรลูแปง Netflix
Lupin หรือลูแปง สุภาพบุรุษจอมโจร เวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานซีรีส์ Netflix ฝรั่งเศสที่นำ อาร์แซน ลูแปง ของ มอริส เลอบล็อง นักเขียนชาวฝรั่งเศส มาต่อยอดสร้างเป็นเรื่องใหม่ โดยหยิบเอาเรื่องพื้นฐานความนิยมของลูแปงดั้งเดิมที่มีแฟนๆ รู้จักจำนวนมากในโลก มาสร้างให้เสมือนตัวเอกจากนิยายเรื่องนี้มีตัวตนจริงๆ ขึ้นมาในเรื่อง โดยใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ลูแปงไม่เคยถูกจับได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นใครก็ได้ และก็ไม่ได้ต้องชื่อลูแปงจริงๆ ก็ได้ ซึ่งก็คือ “อัสซาน” ตัวเอกในเรื่องนี้ที่มีความสามารถในการโจรกรรม ความสามารถปลอมแปลงโฉม และไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างอัจฉริยะ ไม่ต่างอะไรกับลูแปงในนิยายเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนผิวดำเท่านั้น
ลูแปงเวอร์ชั่นนี้เริ่มต้นการเลียนแบบเรื่องราวการโจรกรรม สร้อยเพชรสมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส (The Queen’s Necklace: The Arsène Lupin) ซึ่งอัสซานได้ปลอมตัวเข้าไปในงานประมูลของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และวางแผนหลอกใช้โจรที่เขาล่อลวงให้มาร่วมแผนโจรกรรมครั้งใหญ่นี้ แต่กลายเป็นว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการสืบหาความจริงในอดีตเกี่ยวกับพ่อของอัสซาน ที่ถูกนายจ้างใส่ร้ายว่าขโมยสร้อยเพชรเส้นนี้ไป และต้องพบจุดจบในเรือนจำตั้งแต่เขาอายุเพียง 14 ปี จนปัจจุบันผ่านมา 25 ปีเขาก็ยังไม่ลืมเรื่องนี้ และจากหนังสือลูแปงที่เขาได้รับมาจากพ่อ ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาใช้ชีวิตผจญภัยในคราบจอมโจรแบบเดียวกับลูแปงตั้งแต่นั้นมาเช่นกัน แต่ชีวิตส่วนตัวลับๆ นี้ก็ทำให้ชีวิตคู่ของเขามีปัญหาจนถึงขั้นแยกทางกับภรรยาและลูกชายคนเดียวด้วยเช่นกัน
ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวของลูแปงในแบบเน้นสืบสวนล้างแค้นให้พ่อของตัวเอกอัสซานที่แทนตัวเองว่าลูแปง มากกว่าจะเป็นแนวโจรกรรมใหญ่ๆ ที่มีแค่ตอนแรกของซีซั่นเท่านั้น ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้มีเพียง 5 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวจึงกระชับมาก ตอนแรกเป็นตอนที่เรียกว่าโชว์สกิลการวางแผนโจรกรรมให้คนดูเชื่อว่าอัสซานเก่งขนาดลูแปงจริงๆ ที่มักมีแผนซ้อนแผนเหนือชั้นกว่าที่เห็นเสมอ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ว้าวพอสมควรกับวิธีโจรกรรมเพชรออกไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่แนบเนียนและก็ดูน่าเชื่อถือว่าเป็นจริงได้ระดับหนึ่ง แม้จะมีความไม่เนียนในบางจุดก็ตาม
แต่หลังจากตอนแรกไปเนื้อเรื่องจะถูกดึงเข้าสู่เรื่องราวการสืบสวนคดีในอดีต ซึ่งระหว่างที่ลูแปงในปัจจุบันกำลังตามรอยความไม่ชอบมาพากลของสร้อยเพชรเส้นนี้ ตัวเรื่องจะแฟลชแบ็คสั้นๆ ตัดสลับกับปัจจุบันย้อนไปยังช่วงเวลาที่เขาอายุ 14 ยังเด็ก และก็ค่อยๆ ให้เห็นที่มาที่ไปทั้งหมด ทั้งคดีที่เกิดกับพ่อ การตายของพ่อ ชีวิตในวัยเรียนของเขา และชีวิตรักซึ่งเปิดเรื่องมาเราก็จะได้เห็นว่าเขามีภรรยาที่แยกทางกันแล้วกับลูกชาย 1 คน ซึ่งชีวิตทุกด้านของอัสซานจะค่อยๆ ถูกเล่าเพิ่มมาเรื่อยๆ ในแต่ละตอน จนค่อยๆ ประกอบเป็นเรื่องราวเชื่อมต่อกับปัจจุบันว่าทำไม เขาถึงมาใช้ชีวิตในแบบลูแปงในปัจจุบัน โดยมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เปิดร้านขายวัตถุโบราณของมีค่าบังหน้า แต่อีกด้านหนึ่งก็ช่วยเหลืออัสซานกับงานโจรกรรมไปในตัว มีทั้งขายของที่ขโมยมา ทำของเลียนแบบ ตรวจสอบของมีค่าว่าเป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งก็เหมือนคู่หูลับๆ ของเขา และก็มีเรื่องราวที่มาที่ไปแฟลชแบ็คแทรกมาให้เห็นด้วยเช่นกัน
ในอีกด้านก็เป็นเรื่องราวของฝั่งตำรวจ ที่มักโดนอัสซานปั่นหัวทุกตอนจากการตามรอยเพชรที่ถูกขโมยไป โดยมีนายตำรวจ “ยูสเซฟ” ที่คลั่งไคล้ในนิยายลูแปงเพียงคนเดียวเชื่อว่า โจรที่ขโมยเพชรไปคือลูแปงตัวจริง และก็พยายามเชื่อมโยงหลักฐานที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดเข้ากับนิยายลูแปง แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครเชื่อเขาสักคน และก็กลายเป็นตัวตลกในที่ทำงานไป ซึ่งบทของยูสเซฟนี้แม้ไม่ได้ออกมามาก แต่ก็เป็นส่วนช่วยเสริมให้เรื่องราวลูแปงดูมีตัวตนเป็นจริงได้มากขึ้น ซึ่งบทของยูสเซฟนี้จะถูกนำมาเป็นตอนจบของซีซั่น เมื่อเขาได้มาเจอกับลูแปงตัวจริงที่เขาตามหา และก็น่าจะเป็นตัวละครสำคัญมีบทมากกว่านี้ในซีซั่นต่อไป ซึ่งเรื่องค่อนข้างพาอัสซานไปจนถึงจุดตันของการสืบสวนในคดีการตายของพ่อแล้ว
ในทุกตอนจะมีฉากที่ให้พระเอกได้โชว์ไหวพริบการเอาตัวรอดกับแผนการที่วางไว้เหนือชั้น ซึ่งก็ดูแล้วลุ้นสนุกในระดับหนึ่งพอสมควรในระดับซีรีส์ แต่ไม่ได้มีฉากใหญ่โตแบบตอนแรกที่เป็นการโจรกรรมใหญ่สุดในเรื่อง ซึ่งดูลงทุนมากสุดแล้ว ก็น่าเสียดายที่ว่าหลังจากนั้นไม่ได้มีฉากพีคกว่านี้ และก็จบซีซั่นไปแบบค้างคาเรื่องราวไว้กลางทางกันเลย โดยไม่มีฉากใหญ่โตปิดท้ายเรื่องตามแบบหนังแนวนี้ ทำให้รู้สึกไม่อิ่มไม่สุดกับเรื่องราวที่ทำมาแค่ 5 ตอนจบเท่านั้น
สำหรับคนที่อาจจะรู้สึกขัดใจที่ลูแปงเวอร์ชั่นนี้เป็นคนผิวดำ อันนี้ก็คงต้องให้ลองรับชมพิสูจน์กันก่อน เพราะว่า Omar Sy นักแสดงในบทนี้ถือว่าเป็นนักแสดงขายฝีมือมาตั้งแต่ภาพยนตร์ดังเรื่อง The Intouchables เวอร์ชั่นต้นฉบับฝรั่งเศสที่เล่นเป็นคนผิวดำที่ถูกจ้างมาดูแลเศรษฐีพิการจนเกิดมิตรภาพระหว่างชนชั้นชั้นกับสีผิวขึ้น ซึ่งในบทลูแปงนี้มีความหลากหลายมาก ในด้านหนึ่งเขาต้องเป็นจอมโจรอัจฉริยะ ต้องมีเสน่ห์เหลือล้น มีความเป็นสุภาพบุรุษ อีกด้านเขากลับเป็นพ่อที่ละเลยภรรยา จนต้องแยกทางกัน แต่ก็ยังเป็นคู่หูที่ดีกับภรรยา ซึ่งเรื่องให้ความสำคัญกับส่วนนี้มาก ทำให้เรื่องดูหวานขึ้น มีความน่ารักอ่อนโยนกุ๊กกิ๊กๆ จากการปูให้เห็นว่าทั้งคู่เจอกันตั้งแต่เด็กในวัยเรียน และกลายมาเป็นคนรักกันได้อย่างไร ในขณะที่มีปัญหาชีวิตคู่ตลอดมาจากการที่อัสซานไม่สามารถเปิดเผยงานที่ตัวเองทำอยู่ได้ แต่เขาก็ยังไปมาหาสู่ดูแลลูกเป็นอย่างดี แม้จะมีผิดนัดไปบ้าง รวมถึงส่วนความทรงจำกับพ่อที่เป็นผู้อพยพมาฝรั่งเศสเลี้ยงลูกคนเดียวอย่างเข้มงวดให้เป็นคนดี มีความเป็นสุภาพบุรุษแบบเดียวกับจอมโจรลูแปงในนิยายที่พ่อให้เป็นของขวัญให้เขาอ่าน ทำให้ลูแปงเวอร์ชั่นนี้มีมิติของตัวละครลึกขึ้นแบบมนุษย์จริงๆ มากกว่าเวอร์ชั่นจอมโจรคลาสสิคใส่หมวกทรงสูงกับผ้าคลุมในจินตนาการจากนิยายต้นฉบับ แต่ส่วนนี้ก็อาจจะขัดใจคนที่อยากได้ฉากโจรกรรมมากกว่าดราม่าชีวิตก็เป็นได้ เพราะเรื่องถือว่าใส่มาเยอะมากพอสมควร
สรุปโดยรวม ซีรีส์ลูแปงเวอร์ชั่นนี้ตัวเอกของเรื่องอ้างอิงเลียนแบบชีวิตจากลูแปงในนิยาย เสมือนตัวเองเป็นลูแปงแบบที่มีตัวตนจริงๆ ตัวเรื่องนอกจากตอนแรกก็ไม่ได้มีฉากจารกรรมใหญ่โตตามมา แต่เน้นไปที่การสืบสวนตามรอยคดีล้างแค้นให้พ่อในอดีตมากกว่า เป็นฉากแนวสืบสวนแล้วเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ แทน ก็ทำได้ดีพอตัว ลุ้น สนุก ระทึก กำลังดี และก็มีเรื่องราวปัญหาชีวิตคู่มาเสริมให้เรื่องราวดูเป็นมนุษย์มากขึ้น
รีวิว Lupin SS2 (จบภาค) ไม่มีสปอยล์
ตัวอย่าง Lupin ลูแปง SS2
ภารกิจชำระแค้นอูแบร์ เพลเลกรินีทำให้ครอบครัวของอาร์แซนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เมื่อหลังชนฝา เขาจึงต้องคิดหาแผนการใหม่ แม้จะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงตกอยู่ในอันตรายก็ตาม
ซีรีส์ลูแปงของฝรั่งเศสที่มาแรงแบบม้ามืดไต่ขึ้นอันดับท็อปสูงสุดของผู้ชมเน็ตฟลิกซ์ แต่ซีซั่นแรกมีแค่ 5 ตอนแล้วก็ตัดจบแบบค้าง มาในซีซั่น 2 หรือที่เน็ตฟลิกซ์ใช้ว่าภาค 2 ก็ยังมีจำนวนตอนเท่าเดิม และภาคนี้ก็คือการปิดจบปมเรื่องราวการล้างแค้นของพระเอกกับตัวร้ายอย่าง อูแบร์ เพลเลกรินี ซึ่งเรื่องก็ต่อจากตอนจบภาคก่อนเป็นเรื่องเดียวกันและยังคงดำเนินเรื่องราวไปในธีมเดียวกับภาคแรก โดย 2 ตอนแรกคือการช่วงลูกชายกลับมาจากมือสังหารที่ลักพาตัว ต่อจากนั้นคือเรื่องราวการวางแผนจัดการส่งอูแบร์ เพลเลกรินีเข้าคุกให้ได้ โดยแบ่งเป็นสองช่วงใหญ่ของแผนที่เชื่อมโยงกัน และยังมีความเชื่อมโยงกลับไปยังภาคแรกหลายฉากที่ตัดค้างเอาไว้ อย่างตอนจับตัวอธิบดีตำรวจมารีดเค้นแล้วถ่ายคลิปไว้ ก็จะมีการนำกลับมาใช้ในแผนภาคใหม่ครั้งนี้ ซึ่งถือว่าคนเขียนบทวางเรื่องไว้หมดแล้ว ไม่ใช่การเขียนบทต่อเติมมาภายหลัง นับว่าเป็นการเชื่อมโยงที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูลงตัวสมเหตุผลมากขึ้นกว่าภาคแรกที่ค้างๆ ไว้หลายจุด
ตัวเรื่องยังคงมีแฟลชแบ็คกลับไปยังลูแปงสมัยเด็กอยู่เหมือนเดิม แต่ลดจำนวนการย้อนกลับลงไปเยอะ และมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในปัจจุบันอย่างมีส่วนสำคัญ การย้อนไปครั้งนี้ก็เพื่อเล่าที่มาของการโจรกรรมครั้งแรกในวัยเด็ก ต้นกำเนิดของการมาเป็นลูแปงในปัจจุบัน และยังช่วยเปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์ของภรรยาลูแปงในอดีตที่มีปัญหามาถึงปัจจุบัน พ่วงด้วยความสัมพันธ์กับ จูเลียต ลูกสาวของอูแบร์ เพลเลกรินี ที่เหมือนรักสามเส้าว่าจะเอาจริงหรือเล่นๆ เมื่อเธอยังรักลูแปงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ถูกพ่อขัดขวางไว้ ซึ่งเรื่องความรักของลูแปงถูกถ่ายน้ำหนักเรื่องราวมาทางนี้มากกว่าทางภรรยา แต่ก็ถูกรวมอยู่ในแผนโค่นพ่อของเธอไปด้วย ซึ่งแม้จะไม่ใช่ฉากโจรกรรมใหญ่โต เป็นเหมือนแผนขโมยหัวใจของจูเลียด แต่เรื่องราวช่วงนี้ก็ทำให้คนดูแอบลุ้นนิดๆ เรื่องความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ว่าจริงหรือแค่แผนลวง แต่ก็ยังคงตัวตนของลูแปงจอมโจรสุภาพบุรุษไว้ได้เป็นอย่างดี
ในภาค 2 นี้มีการเพิ่มตัวละครที่อยู่ฝ่ายลูแปงมากขึ้นอีก 2 คน คนแรกคือตำรวจที่เป็นแฟนตัวยงในภาคก่อนและตามลูแปงจนเจอในตอนจบ และก็เชื่อมโยงตัวละครนี้เข้ากับตัวเอกฝ่ายตำรวจในนิยายลูแปง “แกนนิมาร์” โดยถูกนำมาใช้เรียกเป็นโค๊ดลับกับตำรวจคนนี้ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เป็นตัวช่วยเสริมลูแปงในบางครั้ง แต่ก็ยังเป็นฝ่ายตำรวจที่ตามจับลูแปงอยู่เช่นเดิม ส่วนอีกคนคือตัวละครใหม่ของเรื่องเลย ซึ่งแม้จะเป็นตัวละครเฉพาะกิจของแผนครั้งสุดท้ายตอนจบภาค แต่ตัวละครนี้ก็มีเสน่ห์หลายอย่าง ทั้งบุคลิก ความสามารถ ไหวพริบ และยังเป็นแฟนนิยายลูแปงด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าทางซีรีส์น่าจะนำตัวละครนี้มาใช้ต่ออีก
แต่จุดด้อยของเรื่องก็อาจจะเป็นความคาดหวังของแฟนๆ จากชื่อลูแปงในนิยายดั้งเดิมที่มาสายโจรกรรมเทพๆ ซึ่งหลังจากตอนเปิดเรื่องในภาค 1 ในภาคนี้ก็ยังไม่มีฉากโจรกรรมใหญ่ใส่เข้ามาอีกเลย และฉากแอ็กชั่นก็น้อยลงตามไปด้วย แต่ที่เพิ่มมาคือการไล่ล่าแบบเฉียดฉิวมากขึ้น ตัวร้ายเพลเลกรินีก็มีแผนแก้เกมลูแปงได้ดี เรียกว่าสูสีกันเลย ซึ่งเรื่องโฟกัสมาที่การล้างแค้นล้วนๆ ไม่ได้มีโจรกรรมใหญ่มาก เป็นแนวโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวซะมากกว่า แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเว่อร์ๆ แบบในภาคแรกเลย ซึ่งคงแล้วแต่คนดูว่าจะชอบหรือไม่ ส่วนตัวผู้เขียนชอบส่วนนี้มากกว่าภาคแรก เพราะหลายๆ อย่างดูลงตัวมากขึ้น ถึงเว่อร์น้อยลงแต่ดูเมคเซนส์มากขึ้นทดแทนกันครับ
อีกจุดด้อยคือตอนจบสุดท้ายเรี่อง ที่คนดูถูกบิ้วให้คิดว่าน่าจะได้เห็นอะไรใหญ่โตกับการปิดฉากตัวร้ายของเรื่องในโรงละคร แต่กลายเป็นว่าไม่ได้ใหญ่โตแบบที่คาดหวังไว้ ออกจะสั้นๆ ด้วย แต่โดยรวมก็ไม่ถึงกับแย่อะไร เพราะสามารถปิดจบเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดได้โอเคในระดับหนึ่งเลย แม้จะรู้สึกตะหงิดอยู่นิดๆ ว่าตัวร้ายอย่างเพลเลกรินีน่าจะหลุดจากข้อหาด้วยเส้นสายแบบที่เรื่องวางไว้มาตลอดได้อีก ซึ่งก็ต้องรอดูว่าในภาค 3 ที่ประกาศทิ้งไว้ในตอนจบจะเป็นการขึ้นเรื่องใหม่จริงๆ หรือยังมีปมการล้างแค้นกับเพลเลกรินีต่อไปอีก (ซึ่งถ้ามีต่อ คนดูน่าจะเบื่อแล้วเช่นกัน)