รีวิว Maboroshi (Netflix) ขายเรื่องความรักที่เจ็บปวดในโลกแฟนตาซีที่สับสน
maboroshi
Summary
สรุปโดยรวมเป็นอนิเมะที่พยายามผสมไอเดียตำนานโบราณเข้ากับแนวแฟนตาซีและไซไฟ โดยเน้นเรื่องการหาทางออกจากความรักที่เจ็บปวดมาเป็นคีย์แมสเซจของเรื่อง และเปลี่ยนความเจ็บปวดในหัวใจให้มาเป็นภัยพิบัติในโลกนั้น โดยมีการคงอยู่ของโลกที่ไร้อนาคตกับผู้คนที่หลงลืมการมีชีวิตจริงๆ ไป เป็นการจับหลายแนวทางมาผูกมัดรวมกัน แต่ว่ามันไม่ได้กลมกล่อมและตอบคำถามถึงช่องโหว่ของเรื่องที่มีมากมายได้ดีพอ แต่ถ้าผู้ชมที่ชอบเรื่องราวความรักที่มีฉากติดเรตนิดๆ มีฉากเซอร์วิสโรมานซ์แบบญี่ปุ่น ก็น่าจะถูกใจเพราะเรื่องขายจุดนี้มากอย่างเด่นชัดเลยครับ
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- เล่าเรื่องความรักและการเจ็บปวดเป็นหลัก
- ผสมตำนานความเชื่อโบราณเข้ากับแนวแฟนตาซี+ไซไฟ
- ฉากเซอร์วิสโรมานซ์เยอะ
- มีพากย์ไทย
Cons
- ช่องโหว่ของเรื่องเยอะ
- ผูกหลายเรื่องรวมกันจนเข้าใจยาก
Maboroshi มาโบโรชิ ภาพยนตร์อนิเมะ Orginal Netflix ของ Mari Okada ที่มีผลงานก่อนนี้ A Whisker Away เหมียวน้อยคอยรัก ทำลง Netflix เช่นกัน มาคราวนี้เป็นแนวแฟนตาซีความรัก ที่เล่าเรื่องของเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีโรงงานเหล็กเก่าแก่เกิดการระเบิดขึ้นมาทำให้เมืองนี้ถูกหยุดเวลาไว้แค่ฤดูหนาว ผู้คนใช้ชีวิตแบบไม่มีอนาคตไปต่อและออกจากเมืองไม่ได้ จนกระทั่งมีสาวน้อยคนหนึ่งจากโลกภายนอกปรากฎตัวขึ้นมา เมื่อเธอพบความรักที่เจ็บปวด จิตใจที่แตกร้าวของเธอกลับส่งผลทำให้เวลาที่หยุดไว้เริ่มพังทลายลง
รีวิว Maboroshi มาโบโรชิ
*มีสปอยล์เนื้อหาความลับของเรื่องบางส่วน
นี่เป็นอเนิเมะที่เล่าเรื่องได้อย่างแปลกประหลาด เริ่มตั้งแต่ปรากฎการณ์ที่เมืองถูกหยุดเวลาไว้ โดยอธิบายเป็นภาพของท้องฟ้าเมืองที่แตกร้าว แล้วก็มีควันรูปร่างประหลาดไปอุดรอบแยกนั้นไว้ ก่อนที่ทางออกเดียวจากเมืองนี้โดยรถไฟจะถูกปิด ซึ่งเรื่องอธิบายโดยใช้ความเชื่อว่าโรงเหล็กกลายเป็นเตาเหลอมของเทพเจ้า ผู้คนในเมืองถูกลงทัณฑ์กักขังไว้ โดยเป็นฤดูหนาวที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และทุกคนในเมืองก็ยอมรับใช้ชีวิตไปแบบปกติสภาพแบบเดิม โดยมีความเข้าใจตรงกันว่ารอเวลาสักวันเทพเจ้าหายโกรธก็จะกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งทำให้เรื่องมันดูแปลกประหลาดตั้งแต่เริ่มแรก โดยทุกคนใช้เวลาวนไปซ้ำๆ ต่อวันแบบไร้ความหมายใดๆ ไม่มีอนาคต นักเรียนยังต้องเรียนและเขียนเรื่องอนาคตสมมุติส่งครูเป็นรายงานไป นักเรียนมีใบขับขี่รถทั้งๆ ที่อายุแค่ 14 การปูเรื่องนี้จะค่อยๆ ถ่ายทอดออกมา เพื่อพยายามทำให้ผู้ชมเข้าใจกฎเกณฑ์ใหม่ของโลกในเรื่องนี้ที่แปลกประหลาด ซึ่งจริงๆ มันก็คือความลับอย่างหนึ่งของเรื่องว่าจริงๆ แล้วพวกเขาอาจจะตายไปทั้งหมดแล้ว ที่นี่คือมิติของโลกวิญญาณในแบบแฟนตาซี ซึ่งนี่คือปริศนาที่เนื้อเรื่องตั้งธงไว้ให้ตัวละครในเรื่องที่สงสัยพยายามหาทางพิสูจน์ความจริงให้ได้
แต่ตัวเรื่องไม่ได้มาในแนวผจญภัย แต่ใช้วิธีการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านอารมณ์ความรักเป็นธีมหลัก โดยมีมาซามุเนะ นักเรียนชายวัย 14 ตัวเอกของเรื่องที่แอบรักมุทสึมิเพื่อนสาวร่วมชั้นที่มีนิสัยเย็นชา มุทสึมิพาเขาไปพบกับเด็กสาวปริศนาอีกคนที่ถูกกักขังไว้ในโรงเหล็ก โดยเชื่อว่าเธอคือธิดาของเทพเจ้าที่จะมาช่วยทุกคนในภายหลัง และเด็กสาวคนนี้ไม่มีความจำในอดีต ทั้งยังพูดแทบไม่ได้ ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจนเหมือนคนสติไม่ดี แต่เมื่อความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คนเริ่มก่อเกิด ทำให้ความรู้สึกรักเริ่มก่อตัวตามมาด้วยความผิดหวังที่หัวใจเริ่มเจ็บ ท้องฟ้าในเมืองที่แตกร้าวก็กลับมาอีกครั้ง และสัตว์ประหลาดควันนั้นก็มากลืนกินคนที่หัวใจปวดร้าวจากความรักในเมืองไปทีละคน รอยร้าวเริ่มแตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นภัยพิบัติร้ายของเมืองไปที่ลามไปทั่วและหยุดไม่ได้
หนังเล่าเรื่องความรักในมุมเด็กวัยที่แอบชอบกัน ตัวละครหน้าแดงกันตลอด โดยมีฉากบอกเล่าความรักหลายอย่าง สารภาพรัก การถูกบอกรัก ฉากล้มทับ ฉากจับหน้าอก ฉากกอดจูบกันแบบดูดดื่ม ซึ่งหนังบอกเล่าถึงความสนใจในร่างกายเพศตรงข้ามอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก ซึ่งมันดูแปลกมากกับหนังที่ดูเหมือนเด็กๆ แต่พุ่งเป้าไปในแนวแบบนี้ตรงๆ แต่ผู้สร้างก็คงตั้งใจถ่ายทอดความรู้สึกพุ่งพล่านในวัยนั้นออกมาตรงๆ เพราะมันเชื่อมโยงกับการพังทลายของเมืองโดยตรง ยิ่งรักมากก็มีสิทธิเจ็บมากจนทำให้เมืองร้าว หนังเอาประเด็นการเคลียร์ความรู้สึกเจ็บปวดนี้ออกไปจากหัวใจให้ได้มาเป็นการคลายทางออกของเรื่อง ซึ่งไม่มีฉากการต่อสู้ใดๆ แต่เป็นทางออกของความรู้สึกที่ค้างอยู่ในใจเท่านั้น
ประเด็นความรักที่เชื่อมโยงถึงภัยพิบัติและตัวตนการมีชีวิตอยู่จริงของผู้คนในเมืองนับเป็นไอเดียที่ดี แต่ความยากคือการทำให้เรื่องทั้งหมดนี้รวมกันอย่างมีเหตุผลที่ดีพอ ซึ่งเห็นได้ว่าเรื่องนี้พยายามอย่างมากแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอ ทำให้เวลาเล่าถึงสิ่งเหล่านี้มักรู้สึกว่ามันหลุดลอยเกินจริงแบบจับปลาหลายมือ จับต้นชนปลายไม่ถูก มีทั้งตำนานความเชื่อโบราณ แนวคิดโลกไซไฟผสมวิญญาณ ความรักที่ไปก่อให้เกิดภัยพิบัติ อีกทั้งยังเล่นกับแนวย้อนเวลาในตอนท้าย (สังเกตุว่าเรื่องจะคล้ายกับแนวทางของ มาโคโตะ ชินไค) โดยทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้มีคำเฉลยออกมาให้ชัดเจนเข้าใจได้มากพอ คือแค่เข้าใจไปตามเรื่อง แต่ถ้าจี้เป็นจุดๆ ก็มีช่องโหว่เต็มไปหมด กลายเป็นแนวคิดไอเดียเรื่องดี แต่นำเสนอได้ไม่ดีพอ
สรุปโดยรวมเป็นอนิเมะที่พยายามผสมไอเดียตำนานโบราณเข้ากับแนวแฟนตาซีและไซไฟ โดยเน้นเรื่องการหาทางออกจากความรักที่เจ็บปวดมาเป็นคีย์แมสเซจของเรื่อง และเปลี่ยนความเจ็บปวดในหัวใจให้มาเป็นภัยพิบัติในโลกนั้น โดยมีการคงอยู่ของโลกที่ไร้อนาคตกับผู้คนที่หลงลืมการมีชีวิตจริงๆ ไป เป็นการจับหลายแนวทางมาผูกมัดรวมกัน แต่ว่ามันไม่ได้กลมกล่อมและตอบคำถามถึงช่องโหว่ของเรื่องที่มีมากมายได้ดีพอ แต่ถ้าผู้ชมที่ชอบเรื่องราวความรักที่มีฉากติดเรตนิดๆ มีฉากเซอร์วิสโรมานซ์แบบญี่ปุ่น ก็น่าจะถูกใจเพราะเรื่องขายจุดนี้มากอย่างเด่นชัดเลยครับ