playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Maxton Hall (Prime) ซีรีส์รักวัยรุ่นที่ฉาบหน้าหลอกตา เนื้อในดราม่าเข้มข้นสุดๆ

Maxton Hall

Summary

ซีรีส์ที่ถูกฉาบหน้าให้ดูเหมือนแนวรักวัยรุ่นโรแมนติก พล็อตสูตรสำเร็จแบบซินเดอเรลล่าพบเจ้าชาย แต่เนื้อหาจริงคือหนักอึ้งไปกับปมชีวิตของทุกตัวละครมาก โดยที่เรื่องใช้วิธีเล่นฉากความรักสลับกับปมชีวิตหนักๆ สลับไปมาตลอดเรื่องได้อย่างกลมกลืนมาก และก็ไม่แยกเล่าเป็นคนๆ แต่เป็นการเล่าไปพร้อมกับความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวของพระเอกนางเอกที่แสนอึดอัด ซึ่งนักแสดงก็เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมีเสน่ห์มาก และเรื่องก็กระชับมากเพราะมีแค่ 6 ตอนที่เล่าเรื่องได้เข้มข้นตลอดทาง แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด อย่าเชื่อแค่ฉาบหน้าที่เห็นครับ 

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • รักวัยรุ่นโรแมนติกแบบมีปมดราม่าเข้มข้น
  • นักแสดงมีเสน่ห์มาก
  • งานสร้างเยอรมัน
  • เรื่องกระชับ 6 ตอน (จบซีซั่น 1)
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • นักแสดงอายุเกินตัวละครเด็กวัยรุ่นเยอะ
  • ใช้เวลานานกว่าพระเอกนางเอกจะรักกันได้

ADBRO

Maxton Hall โลกที่ขวางระหว่างเรา ซีรีส์แนวรักวัยรุ่นของ Amazon Prime จากเยอรมัน 6 ตอนจบซีซั่น 1 มีพากย์ไทย เรื่องราวของ รูบี้ นักเรียนทุนสาวบังเอิญไปเจอกับความลับของน้องสาว เจมส์ โบฟอร์ต ทายาทอภิมหาเศรษฐีจอมหยิ่งยะโส ทำให้เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องปิดปากรูบี้ให้ได้ แต่การซัดกันไปสวนกันมาของพวกเขาทั้งสองกลับทำให้เกิดความรู้สึกสนใจในกันและกันขึ้นมา แต่มันก็นำไปสู่ความทุกข์จากชนชั้นที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

Maxton Hall: The World Between Us (2024) on IMDb

 

รีวิว Maxton Hall (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากนิยายชุดที่ชื่อ Save Me เล่มที่ 1 ของ Mona Kasten มี 3 เล่มจบ ซึ่งดูหน้าปกคนก็คงคิดว่าเป็นแนวรักโรแมนติกวัยรุ่นทั่วไป แบบที่พบเจอในงานสร้างของอเมริกา แต่เรื่องนี้คือเยอรมันสร้าง มีความแตกต่างทั้งโครงสร้างเรื่องราวที่ลึกกว่า ตัวละครที่มีปมละเอียดลึกมากกว่าแค่แนววัยรุ่นโรแมนติกทั่วไป ซึ่งหาได้ยากยิ่งในแนวเรื่องแบบนี้ด้วย และด้วยความลึกของเรื่องมากนี่เองทำให้เรื่องนี้ไม่ได้เหมาะจะเป็นหนังรักจบในตัวได้ เพราะซีรีส์ขยี้ขยายปมเรื่องทิ้งไว้มากมายจนเกินกว่าเรื่องไหนๆ เลยด้วยซ้ำ


เนื้อเรื่องเล่าถึงช่วงปีสุดท้ายในโรงเรียนเอกชนสุดหรูแม็กซ์ตันฮอลล์ ที่ซึ่งตัวนางเอกรูบี้ถูกแนะนำตัวตั้งแต่แรกว่าเธอบ้านจน แต่ได้ทุนเข้ามาเรียนที่นี่ แล้วก็พยายามทำตัวเงียบๆ ไม่สะดุดตาใครในโรงเรียนนี้เพื่อรอไปเข้ามหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดของอังกฤษ ซึ่งเป็นความฝันของนักเรียนที่นี่กันแทบทุกคน แต่แล้วเธอกลับไปพบกับความลับของสองพี่น้องตระกูลดังโบฟอร์ต ทำให้ตัวตนเงียบๆ ที่เธอสร้างมาตลอดเริ่มมีปัญหากระทบกระทั่งกับลูกมหาเศรษฐีนิสัยเสียนี่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายความสนใจกันและกัน ซึ่งแน่นอนว่าพล็อตเรื่องแบบนี้คือสูตรสำเร็จแบบซินเดอเรลล่าพบเจ้าชาย ซึ่งเรื่องก็ยังตั้งใจให้เป็นไปแบบนั้น และก็มีฉากโรแมนติกสำหรับคนที่ชอบพล็อตเรื่องแบบนี้อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งไม่ผิดหวังแน่นอนครับ 

 

แต่สิ่งที่เรื่องนี้มีดีและแตกต่างออกไปจากพล็อตเรื่องสูตรสำเร็จนี้ก็คือ รายละเอียดระหว่างทางของตัวละครที่เต็มไปด้วยปมดราม่า เรื่องสร้างปมลึกให้ตัวละครหลักทุกตัวอย่างเข้มข้นเกินกว่าที่เห็นว่าเป็นแนวโรแมนติกใสๆ อย่างมากมาย อย่างเช่น นางเอกมีพ่อที่พิการบ้านจน แต่เรื่องก็ค่อยๆ เฉลยที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดในระหว่างที่กำลังเล่าเรื่องโดยใช้ฉากโรแมนติก ทำให้เรื่องดูสะเทือนใจไปพร้อมกับฉากนี้ทันที พระเอกที่ดูเหมือนหยิ่งยะโสโอหังจริงๆ กลับเปราะบางแตกร้าวมานานแล้วจากชีวิตครอบครัวที่เขาถูกพ่อกดขี่ขีดเส้นทางชีวิตให้มาตลอด น้องสาวพระเอกที่ดูเหมือนตัวร้ายของเรื่องในตอนแรกก็กลายเป็นมีปมชีวิตที่หนักอึ้งสะเทือนใจมากกว่าใครทุกคนในเรื่องซะอีก (ผู้เขียนชอบพาร์ทของเธอมากที่สุด) แม้แต่ตัวละครเพื่อนๆ ของพระเอกที่ตามปกติแนวนี้คือเพื่อนตัวประกอบที่ไม่ต้องมีความลึกมากก็ได้ แต่เรื่องก็ใส่ปมความรักแบบเกย์ลงไปโดยที่เป็นเกย์เปิดเผย แต่ก็ยังมีปัญหาที่ลึกลงไปอีกที่แนวเกย์ทั่วไปไม่ได้เล่น และก็ไม่ได้ฉากอย่างว่าเลยสักครั้ง ซึ่งถ้าเป็นซีรีส์อเมริกันหรือสเปนคงใส่ฉากพวกนี้มาไม่ยั้งเพื่อขายผู้ชมแนวนี้ตามสูตรไปแล้ว

และสิ่งที่ดีมากคือเรื่องนี้ไม่ได้ใช้การแตกเส้นเรื่องตัวละครแบบซีรีส์อเมริกันที่ชอบเล่าแยกเป็นคนๆ  แต่ปมลึกของตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี้ถูกเล่าแทรกลงไปพร้อมกับเรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกที่ต่างชนชั้น โดยนำเสนอฉากโรแมนติกที่ค่อยๆ ไต่ระดับสร้างอารมณ์ความรักที่แสนอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็สวยงามในความรู้สึก ก่อนจะตัดสลับกับดราม่าอุปสรรคหดหู่กับปมปัญหาที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ ตลอดเรื่อง เรียกว่าถ้าเมื่อไหร่มีฉากที่รู้สึกอิ่มเอมใจ ต่อจากนั้นทันทีเลยก็จะเป็นฉากหดหู่ของตัวละครที่ถูกปมชีวิตขยี้มาเรื่อยๆ ซึ่งผู้สร้างกระชากอารมณ์สองด้านได้ดีมาก เป็นการพาพาให้ผู้ชมรู้สึกอิ่มเอมผสมสะเทือนใจได้เสมอ

 

นอกจากนี้แล้วเรื่องยังเน้นถึงเป้าหมายของชีวิตมากกว่าแนววัยรุ่นปกติ โดยเรื่องแทบจะตัดฉากปาร์ตี้เฮฮาหรือพวกงานพรอมแบบอเมริกานี่ไม่มีเลย แต่ใช้งานกาล่าที่นางเอกเป็นคนจัดมาสร้างฉากคล้ายๆ กัน แต่มีเนื้อเรื่องส่งเสริมการไปเข้าอ็อกฟอร์ดของเธอ และตอนสุดท้ายของเรื่องก็คือการเข้าไปสอบผ่านด่านอ็อกฟอร์ดของนางเอกกับตัวละครเพื่อนๆ  ซึ่งมันจะแตกต่างไปจากตอนจบซีรีส์วัยรุ่นอเมริกาเป็นอย่างมาก 

นักแสดง Harriet Herbig-Matten ที่เล่นเป็นรูบี้ก็ไม่ใช่นักแสดงที่หน้าตาสวยหวาน เธอหน้าตาสวยธรรมดาแบบดูห่ามๆ เข้ากับบทคนธรรมดาที่พยายามทำตัวเรียบๆ ไม่ให้สะดุดตาใคร เธอเล่นบทเด็กสาวบ้านจนๆ แต่มีครอบครัวที่รักได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก พาร์ทเรื่องราวของเธอกับพ่อคือดีมากทุกครั้ง ดีจนเกินหน้าเรื่องรักไปด้วยซ้ำ และเคมีของเธอก็เข้ากันได้ดีมากกับพระเอก Damian Hardung ซึ่งแม้อายุจะเกินบทมาก (นักแสดงอายุ 27 บทเป็นเด็ก 18 ส่วนนางเอก 21) แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ แล้วยังเนื้อเรื่องที่แสนรันทดมากกว่านางเอก ก็ทำให้บทนี้ลึกมากมายและน่าติดตามมากว่าเขาจะหาทางออกยังไง ซึ่งเรื่องดิ่งมากและทิ้งค้างไว้ในตอนจบแบบสุดๆ ครับ 

 

สรุป ซีรีส์ที่ถูกฉาบหน้าให้ดูเหมือนแนวรักวัยรุ่นโรแมนติก พล็อตสูตรสำเร็จแบบซินเดอเรลล่าพบเจ้าชาย แต่เนื้อหาจริงคือหนักอึ้งไปกับปมชีวิตของทุกตัวละครมาก โดยที่เรื่องใช้วิธีเล่นฉากความรักสลับกับปมชีวิตหนักๆ สลับไปมาตลอดเรื่องได้อย่างกลมกลืนมาก และก็ไม่แยกเล่าเป็นคนๆ แต่เป็นการเล่าไปพร้อมกับความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวของพระเอกนางเอกที่แสนอึดอัด ซึ่งนักแสดงก็เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมีเสน่ห์มาก และเรื่องก็กระชับมากเพราะมีแค่ 6 ตอนที่เล่าเรื่องได้เข้มข้นตลอดทาง แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด อย่าเชื่อแค่ฉาบหน้าที่เห็นครับ   

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!