รีวิว Metal Lords หนัง Coming of Age ผ่านเฮวี่เมทัล ผสานปมแปลกแยกวัยรุ่นที่ดีต่อใจมาก
Metal Lords
สรุป
หนังแนวดนตรีที่แหวกแนวด้วยการเอาเฮวี่เมทัลมาผนวกเข้ากับปมความแปลกแยกเข้าสังคมไม่ได้ของวัยรุ่น ซึ่งออกมาเป็นผลงานที่ลงตัวมาก ไม่ต้องรู้จักเฮวี่เมทัลก็ดูได้ หนังทำออกมาสนุก รัก ตลก เศร้า ซึ้งนิดๆ ครบรสกลมกล่อมแบบเบาๆ กำลังดี ซึ่งหาหนังแนวนี้ทำออกมาดีๆ ยากมากในปัจจุบัน มีความคล้าย Sing Street มาก ถ้าใครชอบเรื่องนี้ก็แนะนำเลยว่าอารมณ์เดียวกัน แต่เพลงจะมีแค่เพลงเดียวเท่านั้น อาจจะไม่ตอบโจทย์คนที่ต้องการเพลงเยอะตามแบบหนังแนวนี้
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- แนวดนตรีเฮวี่เมทัลแบบที่ไม่ใช่คอดนตรีก็สนุกได้
- นักแสดงมีเสน่ห์ เหมาะสมกับบทมาก
- หนังติดตลกกับความสุดโต่งเมทัลที่ชวนขำเอามากๆ
- สอดแทรกประวัติศาสตร์เฮวี่ทัลไว้ตลอดทาง
- หนังได้เรต R แต่จากความแรงของภาษาในเรื่องเท่านั้นไม่มีฉาก SEX ไม่มีเล่นยา
- มีพากย์ไทย
Cons
- เพลงเต็มมีเพลงเดียวมาในตอนท้ายเรื่องเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป
- ปมในเรื่องถูกแก้ได้แบบเบาๆ ชิลๆ ไปหมดทุกอย่าง
Metal Lords เมทัลลอร์ด หนัง Netflix แนวดนตรี Coming of Age เล่าเรื่องการเติบโตของวัยรุ่น ผ่านวิถีการเป็นคอเฮวี่เมทัล จากผู้สร้าง Game of Thrones ตัวจริง!
ตัวอย่าง Metal Lords
เรื่องย่อ
เด็กหนุ่ม 2 คนก่อตั้งวงดนตรีเมทัลในโรงเรียนมัธยมปลายที่ก็มีแต่สองคนนี้ที่สนใจดนตรีเมทัล ทั้งคู่หามือเบสไม่ได้ แต่มีเด็กสาวคนหนึ่งที่เล่นเชลโลได้ ทั้งสามจึงต้องมาเล่นด้วยกันเพื่อคว้าชัยชนะในการแข่งขันแบทเทิล ออฟ เดอะ แบนด์ส
รีวิว
หนังแนวดนตรีที่มาในแนวเฮวี่เมทัลน้อยนิดมากในกลุ่มหนังแนวเดียวกันนี้ ซึ่งถ้าไม่นับหนังเน็ตฟลิกซ์ที่ทำออกมาประจำ หนังลงโรงก็แทบไม่มีทำออกมาแล้ว เนื่องจากมันยากมากที่จะคิดหาพล็อตสดใหม่ เพลงก็แต่งขึ้นมาใหม่ นักแสดงก็ต้องมีความสามารถเล่นดนตรีหรือเสียงดีพอจริงๆ และถ้าโฟกัสไปว่าเป็นหนังแนวเด็กวัยรุ่นด้วยที่ผู้เขียนพอนึกออกก็คงมีแค่ Sing Street ชื่อไทย รักใครให้ร้องเพลงรัก ที่ออกฉายมาตั้งแต่ปี 2016 จากผลงานของ John Carney ผู้กำกับชื่อดังที่ปลุกปั้นแนวหนังดนตรีให้กลับมาดังในช่วงนั้นอีกครั้ง (Once, Begin Again) ซึ่งตัวหนัง Sing Street เองก็มีเสน่ห์เหลือร้ายมากด้วยความที่เป็นหนังดนตรี Coming of Age เด็กๆ ในเรื่องเติบโตขึ้นไปพร้อมกับการทำวงดนตรีในฝัน พร้อมกับฝันฝ่าอุปสรรคทั้งทางดนตรีและชีวิตในโรงไปพร้อมกัน ซึ่งมันทัชใจดีต่อใจมากจนเป็นหนังขึ้นหิ้งในใจของคอหนังแนวนี้เรื่องหนึ่งเลย
ที่เกริ่นมาเรื่อง Sing Street ก็เพราะเมทัลลอร์ดก็แทบจะเดินตามสูตรนั้นมาเลย แต่เปลี่ยนแนวดนตรีป๊อบให้มาเป็นเฮวี่เมทัล ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ยากมหาหินกว่าเพลงป๊อบที่เข้าถึงคนทั่วไปได้มากกว่าแน่ๆ แต่ก็เหมือนไอเดียนี้ดันไปได้ ต้องยกเครดิตให้ผู้เขียนบทเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยเพราะเขา D.B. Weiss ผู้สร้างซีรีส์ Game of Thrones นั่นเอง และเขาก็ขายชื่อนี้เต็มๆ บนเครดิตว่าจากผู้สร้าง Game of Thrones ตัวเป้งๆ เป็นฟอนท์แนวเฮวี่เมทัลแบบชนิดที่ให้รู้เลยว่าเขาก็เป็นคอดนตรีแนวนี้ด้วยแน่ๆ ถึงเขียนเรื่องนี้ออกมาได้แบบเข้าถึงจิตใจสายนี้ซะเหลือเกิน โดยมี Tom Morello นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังมาร่วมด้วย
แม้ภาพโปรโมทจะดูเป็นหนังแนววัยรุ่นติดตลกแรงๆ แต่เนื้อหนังจริงๆ กลับลุ่มลึกถึงปมในชีวิตวัยรุ่นมากกว่าที่คิดไว้มาก เริ่มตั้งแต่ตัวเอก เควิน (รับบทโดย Jaeden Martell จากหนัง IT) ที่เป็นหนุ่มเนิร์ดเข้าสังคมในโรงเรียนไม่ได้ กีฬาก็ไม่เอาไหนจนต้องสมัครไปเล่นวงโยของโรงเรียนเพื่อเลี่ยงการเข้ากิจกรรมประเภทนั้น เขามีเพื่อนซี้แค่คนเดียวคือ ฮันเตอร์ (รับบทโดย Adrian Greensmith นักแสดงหน้าใหม่เล่นเรื่องนี้เรื่องแรก) หนุ่มบ้านรวยอาศัยอยู่กับพ่อเพียงลำพัง แต่เขามีปัญหาต่อต้านสังคมเข้ากับพ่อไม่ได้ไม่พอ ยังทำตัวห่วยแตกใส่ทุกคนที่สนทนาด้วยเพียงเพราะเขาเชื่อในวิถีชีวิตแบบเมทัลสุดติ่ง ซึ่งคนอื่นเขาไม่เก็ทด้วย แล้วก็ตั้งวงดนตรีในฝัน “สกัลฟักเกอร์” กับเควิน โดยตัวเองเป็นมือกีตาร์ลีด ให้เควินเพื่อนซี้เป็นมือกลอง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่ได้อินกับเมทัลด้วย จนกลายเป็นปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เป็นประจำจากคนที่อินจัดๆ กับไม่อินต้องมาร่วมวงกัน และเควินเองก็ไม่ได้อยากจะถูกโดดเดี่ยวจากสังคมแบบที่ฮันเตอร์อินกับวิถีการทำตัวแย่ๆ สุดกู่จากการตีความเฮวี่เมทัลในแบบที่ตนเองเข้าใจ การตั้งวงดนตรีนี้เลยกลายเป็นชนวนเหตุรอยร้าวความสัมพันธ์ที่ในวัยนี้เพื่อนคืออะไรที่สำคัญมากสุด แล้วทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใคร นี่คือเรื่องราวปมปัญหาที่หนังเรื่องนี้สอดแทรกไว้ผ่านการทำวงดนตรีเฮวี่เมทัลที่เข้ากันมากๆ กับสายตาคนภายนอกที่มองมายังคนที่บูชาแนวดนตรีนี้แบบไม่เข้าใจเช่นกัน
และเรื่องราวยังเพิ่มปมสูตรสำเร็จความรักวัยรุ่นเข้ามาอย่างเก๋ไก๋มาก ด้วยการให้ตัวเอกคนที่สามคือ เอมิลี่ (รับบทโดย Isis Hainsworth) สาววัยรุ่นที่ชอบเล่นเชลโล่ และมีปัญหาความบกพร่องทางจิต เป็นโรคควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ในหนังไม่ได้ลงลึกกล่าวชี้ชัดว่าเธอเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ก็คือต้องกินยาสม่ำเสมอ ด้วยความที่เป็นโรคนี้เธอจึงมีปัญหาในการเข้าสังคมในระดับหนึ่งเช่นกัน (แต่อาจจะน้อยกว่าสองคนนั้น) ซึ่งบทได้จับให้เธอมาเข้าตาเควินที่มองเห็นพรสวรรค์ด้านเมทัลของเธอผ่านเชลโล่ที่มันดูเข้ากันไม่ได้มากๆ ในสายตาฮันเตอร์ จนทำให้จุดนี้กลายเป็นยิ่งทำให้ปัญหาความแตกแยกทางความคิดของทั้งคู่หนักขึ้นไปอีก และกลายเป็นผู้หญิงมือที่สามที่เข้ามาบั่นทอนทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่จากสายตาฮันเตอร์โดยตรง (โดนหาว่าเป็นโอโนะ) กลับกันความสัมพันธ์ของเควินกับเอมิลี่กลายเป็นยิ่งรู้จักยิ่งคลิ๊กมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนังทำออกมาโดยใช้ปมความซิงของทั้งคู่กับวิถีการเป็นเมทัลที่ซิงไม่ได้ให้มาคลิ๊กจอยกันได้อย่างน่ารักมากๆ นักแสดงทั้งคู่ก็มีเสน่ห์แบบเด็กๆ โดยเฉพาะตัวนักแสดงเอมิลี่อาจจะดูไม่สวยแต่น่ารักแบบขึ้นกล้องมากๆ (ขนาดว่าในบทต้องเล่นเป็นสาวเนิร์ดมีปัญหาทางจิต) จนรู้สึกว่านี่ก็เป็นหนังรักใสๆ อารมณ์แบบเดียวกับที่ Sing Street เคยทำไว้ได้เช่นกัน (ใน Sing Street จะเป็นเด็กหนุ่มรักสาวรุ่นพี่ข้ามรุ่น)
ตัวหนังร้อยเรียงความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คนผ่านการเข้าสู่วิถีเมทัลได้อย่างสนุกสนาน รัก ตลก เศร้า ซึ้งนิดๆ ครบรสแบบไม่มาก ไม่น้อยไป ทุกอย่างกำลังดีไปหมด และก็ทำให้คนดูที่ไม่รู้จักเมทัลได้รู้จักเรื่องราวเพิ่มมากขึ้น ทั้งประวัติศาสตร์วงต่างๆ ที่ถูกเล่าเปรียบเทียบกับการทำวงของตัวละครในเรื่อง แนวคิดสุดโต่งของคอเมทัลผ่านตัวละครฮันเตอร์ที่มักทำอะไรแปลกๆ คาดไม่ถึงอยู่เรื่อยๆ จนกลายเป็นมุกตลกฮาตลอด บทพูดของตัวละครในเรื่องค่อนข้างหยาบคายสไตล์เมทัลจนติดเรต R จากตรงนี้ไปโดยเฉพาะ (ในเรื่องไม่มีฉาก SEX ไม่มีเล่นยา ) และยังมีเชิญนักดนตรีในวงดังมาร่วมแสดงเป็นกิมมิคเสริมเรื่องราวเพิ่มอีกด้วย
ถึงหนังจะทำได้ดีในการเล่าปมปัญหาชีวิตของตัวละครให้ออกมาสนุก แต่จุดด้อยของเรื่องก็คงเป็นว่าตัวหนังแนวดนตรีก็จริง แต่แทบจะไม่มีการเล่นเพลงให้เห็นระหว่างเรื่องเต็มๆ เลย มีแค่บางท่อนผ่านการซ้อมของทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่ได้นับว่าเป็นช่วงซีนขายเพลงแบบที่แนวนี้ควรจะมีมากกว่านี้ และตัวเอมิลี่เองที่คนน่าจะรอดูการเล่นเชลโล่เมทัลว่าจะออกมายังไงก็ถูกกั๊กไว้จนท้ายเรื่องสุดๆ ค่อยให้เราได้เห็น แต่ก็ถือว่าฉากสุดท้ายในงานประกวดวงดนตรีหนังทำออกมาได้ถึงสมกับที่รอคอย คือเชื่อได้เลยว่าผู้ชมแม้ไม่ใช่คอเมทัลก็ยังต้องสนุกมันส์กับการเล่นดนตีแบบสุดชีวิตจากทั้ง 3 คนแน่ๆ ซึ่งกลายเป็นเหมือนหนังพึ่งเริ่มต้นเรื่องราวของวงเท่านั้น แอบคิดว่าผู้สร้างอาจจะอยากเล่าเรื่องภาคต่อจากตอนจบนี้ด้วยซ้ำถ้าเสียงตอบรับจากผู้ชมดีพอครับ (ซึ่งตอนนี้ถือว่าฝั่งผู้ชมให้คะแนนดีมาก แต่นักวิจารณ์ให้กลางๆ ค่อนมาทางดี)
ปล.สำหรับคำถามที่คนสงสัยว่านักแสดงทั้ง 3 คนเล่นเองจริงๆ ไหม สรุปคือฝึกเล่นให้เหมือนจริง แต่ไม่ได้ฝึกจนเล่นเป็นจริงๆ (อ้างอิงจากบทความ Are the Kids in ‘Metal Lords’ Really Playing Those Instruments?)
สรุป Metal Lords สนุกและดีไหม
เป็นหนังดนตรีวัยรุ่นที่สนุกเกินคาด ดีงามแบบประทับใจที่นานๆ จะมีหนังดนตรีดีๆ ทำออกมาได้กลมกล่อมแบบนี้ครับ