รีวิวซีรีส์ Mortel (Netflix) ไสยเวทย์มนต์ดำวูดูสู่โลกที่มีพลังพิเศษแบบ Super Hero
Mortel
สรุป
หนังซีรีส์แนวพลังพิเศษอีกเรื่องที่ฉีกไปทางไสยเวทย์มนต์ดำวูดู ออกแนววัยรุ่นฮิพฮอพ ได้กลิ่นอายโลกแวมไพร์ดิบๆ แบบ Blade เจือปืนนิดหน่อย ถ้าใครชอบแนวพลังพิเศษ Super Hero ก็ดูได้เลยไม่ได้ผิดหวัง เพียงแต่อาจจะไม่ได้ดีเลิศมากมายอะไรเท่านั้น
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- เฉลี่ยปมเรื่องราวของ 3 ตัวละครหลักได้ดี
- พลังมีข้อเสียและข้อจำกัดเยอะซึ่งทำให้สนุกว่าจะใช้ออกมาได้ยังไง
- ยังเป็นหนังวัยรุ่นแท้ๆ ที่มีเรื่องราวดราม่า ความรัก การเข้าสังคม SEX ยา ปาร์ตี้ครบ
Cons
- โลกมนต์ดำวูดูไม่ค่อยมีรายละเอียดมาก
- พลังพิเศษในเรื่องไม่ได้มีฉากหวือหวาสักเท่าไหร่
- ตัวละครเทพโอเบไม่มีคำอธิบายเรื่องราวชัดเจนนัก (อาจจะไว้ต่อ ss2)
Mortel ซีรีส์ Netflix จากฝรั่งเศส แนวพลังพิเศษ Super Hero อีกเรื่องที่ฉีกไปทางไสยเวทย์มนต์ดำวูดู ผ่านเรื่องราวของเด็กหนุ่มสองคนที่ได้รับพลังจากเทพ “โอเบ” ของวูดู เพื่อสืบหาฆาตกรลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่ชาย โดยได้รับการช่วยเหลือจากเด็กสาวผู้สืบทอดมนต์ดำวูดูอีกคน
หนังตัวอย่างซีรีส์ Mortel Netflix
อีกหนึ่งของหนังแนว Super Hero ที่อยู่ในยุคเฟื่องฟูไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็แห่ผลิตทำแนวทางของตัวเองออกมา ซึ่งก็ต้องหาทางเล่นกับโลกใหม่ๆ พลังใหม่ๆ ในเรื่องนี้ก็หยิบจับเอามนต์ดำไสยเวทย์มาเป็นต้นตอของพลังพิเศษที่เด็กหนุ่มสองคน “โซเฟียนกับวิคเตอร์” ได้รับมันผ่านการเปิดสัญญาเลือดกับเทพจอมโกหกหลอกลวงของวูดู นามว่า “โอเบ” ซึ่งข้อตกลงในสัญญาคือโซเฟียนต้องฆ่ามนุษย์ 1 คนสังเวยให้โอเบ โดยโซเฟียนเลือกตามหาฆาตกรลึกลับที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่ชายของเขา ส่วนวิกเตอร์เด็กหนุ่มที่พึ่งกลับมาเรียนหลังจากพยายามฆ่าตัวตายและถูกส่งตัวไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวช เขากลายมาเป็นเพื่อนกับวิกเตอร์เพื่อช่วยตามหาฆาตกรคนนี้ให้สำเร็จ
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะคิดว่า มันอาจจะไม่ใช่แนว Super Hero แค่แนวพลังพิเศษอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ถ้าดูจากเรื่องราวในตอนแรกที่เป็น มนุษย์พลังพิเศษปกติทั่วไป แต่ในตอนท้ายหนังพาไปสู่เรื่องราวใหม่ โลกใหม่ การกู้โลก ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเป็นหนัง Super Hero ไปแล้วอย่างแน่นอน เพียงแต่ในซีซั่นแรกนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเด็กวัยรุ่น 2 คนที่ใช้พลังเพื่อความต้องการส่วนตัวเท่านั้น
หนังมาแนวทางอย่างเรื่อง Chronicle บันทึกลับเหนือโลก ที่ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่บังเอิญไปได้พลังพิเศษก่อนจะถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ จนใช้พลังไปในทางที่ผิด ซึ่งในเรื่องนี้ โซเฟียนกับวิคเตอร์ ก็ได้รับพลังกันคนละแบบ โซเฟียนนิสัยเลือดร้อนก็ได้พลังควบคุมร่างกายคนได้ ส่วนวิกเตอร์ที่มีปัญหาทางจิตเกลียดกลัวการถูกแตะต้องตัวจนเข้ากับใครก็ได้ ก็มีพลังอ่านใจที่พัฒนาไปจนถึงเข้าไปในจิตใจคนได้ แต่พลังของทั้งสองคนจะใช้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกันเท่านั้น โดยมีระยะทำการของพลังตามความห่างของสองคนด้วย ซึ่งเงื่อนไขการใช้พลังนี้ทำให้โซเฟียนต้องพึ่งพาวิกเตอร์อย่างไม่เต็มใจ แต่การที่ทั้งคู่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็ทำให้ได้เห็นตัวตนอีกด้านที่ไม่มีใครเคยได้เห็นมาก่อน
หนังพยายามผสมผสานแนวทางหนังวัยรุ่นที่ต้องมีเรื่องความรัก การเข้าสังคม มิตรภาพของเพื่อน ผูกเข้ากับแนวทริลเลอร์สืบสวนเหนือธรรมชาติ ซึ่งก็ยำใหญ่หลายอย่างออกมาเป็นแนวทางของตัวเองที่ถือว่าใช้ได้ หนังมีพาร์ทความรักวัยรุ่นที่ต้องเกี่ยวข้องกับ ปาร์ตี้ SEX ยาเสพติด ซึ่งมาครบ 18+ ในส่วนของทริลเลอร์สืบสวนก็เกี่ยวกับการใช้พลังของทั้งคู่ตามรอยเรื่องราวผ่านเด็กในโรงเรียนที่มีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของพี่ชายโซเฟียน ซึ่งโซเฟียนก็จะมีแผนของตัวเองในแบบใช้ความรุนแรง แต่วิกเตอร์ก็จะเป็นแนวนุ่มนวลแค่แอบอ่านใจ ทำให้แนวทางของทั้งคู่ขัดแย้งกันทะเลาะกัน หลังจากที่วิกเตอร์เริ่มรู้สึกว่าโซเฟียนใช้พลังไปในทางที่ผิดเกินเลยจากที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก จนทำให้เรื่องราวบานปลายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังโดนเทพโอเบที่คอยมาปั่นหัวทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา
นอกจากตัวหลัก 2 คนแล้วหนังมี “ลุยซ่า” เด็กสาววัยรุ่นอีกคนที่มาเกี่ยวข้องกับทั้งคู่ ลุยซ่าเป็นหลานของป้าที่ทำกิจการไล่ผีตามแบบวูดู ซึ่งเธอไม่เชื่อถือในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่คิดจะสืบทอดกิจการต่อจากป้า แต่หลังจากที่ตัวเองได้มาเกี่ยวข้องกับโซเฟียนกับวิคเตอร์ ก็ได้ทำให้เธอได้พบเหตุการณ์ประหลาดเหนือธรรมชาติหลายๆ อย่าง จนนำไปสู่การศึกษามนต์ดำวูดู เพื่อหาทางคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมด
หนังสร้างโลกใหม่ที่มีพลังพิเศษผ่านมนต์ดำวูดู เทพโอเบผิวสีที่เป็นออกแนววัยรุ่นฮิพฮอพ ได้กลิ่นอายโลกแวมไพร์ดิบๆ แบบ Blade หนัง Super Hero ของมาร์เวลอยู่ไม่น้อย ส่วนเทพโอเบก็สร้างขึ้นมาเอง ไม่ได้มีอิงจากตำนานความเชื่อจริงอยู่เลยแม้แต่น้อย ทำให้หนังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดดูจริงจังน่าเชื่อถือแบบ Blade ออกจะแนวหยิบมายำเพื่อให้มีโลกนี้มีพลังพิเศษให้ได้เท่านั้น
แต่ถึงแบบนั้นหนังก็มีส่วนที่น่าติดตามและถือว่าทำได้ดีคือการใช้พลังของตัวเอกทั้งคู่ ซึ่งก็มีความขัดแย้งกันตลอด และยังมีข้อเสียของพลังที่เมื่อใครใช้ก็จะทำให้อีกร่างกายของอีกได้ผลกระทบเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว ทำให้หนังดูมีความน่าติดตามว่าทั้งคู่จะใช้พลังในเงื่อนไขจำกัดขนาดนี้ได้อย่างไร และก็เป็นการคุมพลังของทั้งคู่ให้สมดุลย์พึ่งพากันจนนำไปสู่เรื่องราวมิตรภาพของทั้งสองคนที่นิสัยใจคอแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าใครชอบแนวพลังพิเศษ Super Hero ก็ดูได้เลยไม่ได้ผิดหวัง เพียงแต่อาจจะไม่ได้ดีเลิศมากมายอะไร แต่หนังก็มีความพยายามเล่นกับเรื่องราวใหม่ๆ ในแนวทางหนังทุนต่ำสเกลเล็ก เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนรู้พลังของทั้งคู่ ก่อนที่จะจบลงเพื่อเริ่มเรื่องใหม่ที่ปูไว้แล้วว่าเป็นระดับภัยพิบัติล้างโลก ซึ่งก็น่าติดตามอยู่เหมือนกันว่าซีรีส์นี้จะเติบโตไปต่อได้ไหม แต่ก็ไม่ได้ถือว่าจบแล้วค้างอะไรเพราะเหนังคลียร์เรื่องราวหลักในภาคนี้หมดแล้วครับ
- ความเห็นจากเรา: STREAM IT ดูได้มีอะไรแปลกใหม่ให้น่าติดตามเหมือนกัน
- ติดตามรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์คลิกที่นี่