รีวิว Mother’s Day หนังแอ็กชั่นวันแม่สุดซ้ำซากส่งตรงจาก Netflix
Mother's Day
Summary
หนังแอ็กชั่นบทใช้วนซ้ำซากของ Netflix ที่สร้างมาเพื่อรับวันแม่สากลโลก ที่โครงเรื่องแทบจะเหมือนหนังเรื่องก่อนนี้ “The Mother” ที่ Jennifer Lopez เล่นทั้งหมด แต่ต่างกันตรงที่ทุนต่ำกว่ามาก ฉากแอ็กชั่นคิวบู๊ออกท่าทางช้าจนดูไม่เป็นธรรมชาติ ตัวร้ายก็ออกแนวกลวงๆ จนดูตลกไม่จริงจัง ความสัมพันธ์แม่ลูกก็ไม่ชวนอิน ถือเป็นหนังที่ใช้บทซ้ำซากไร้การครีเอทของ Netflix จนไม่คิดจะแนะนำให้ใครดู แต่ถ้าคุณผู้อ่านถือว่าเสียตังแล้วก็ดูๆ ไปก็คงได้ อย่างน้อยหนังก็มีฉากแอ็กชั่นยัดเข้ามาเรื่อยๆ พอไม่ให้รู้สึกง่วงหลับได้เท่านั้นครับ
Overall
4.5/10User Review
( votes)Pros
- หนังแอ็กชั่นต้อนรับวันแม่
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทซ้ำซาก
- คิวบู๊แย่
- ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ชวนอินตาม
Mother’s Day (ชื่อดั้งเดิม Dzien Matki) หนังแอ็กชั่น Netflix จากโปแลนด์ เรื่องราวของ Nina อดีตสายลับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ NATO ต้องใช้ทักษะทั้งหมดของเธอเพื่อช่วยลูกชายที่ถูกแก๊งอาชญากรรมลักพาตัวไป การค้นหา Max เป็นโอกาสของเธอที่จะได้สานสัมพันธ์กับลูกชายที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นแม่อีกครั้ง
รีวิว Mother’s Day (Dzien Matki)
อีกหนึ่งหนังที่ Netflix เน้นสร้างมาเพื่อให้ตรงกับวันพิเศษในแต่ละเดือน อย่างหนังช่วงวาเลนไทน์ วันคริสมาสต์ เรื่องนี้ก็มาในเดือนที่มีวันแม่สากลโลก 14 พฤษภาคม 2023 โดยก่อนนี้ก็คือเรื่อง “The Mother” โดยมีนักแสดงดัง Jennifer Lopez มาเล่น เป็นของอเมริกาสร้าง แต่คราวนี้คือโปแลนด์สร้างบ้าง แต่ก็ยังเหมือนผลงานรียูธบทใช้ซ้ำจากเรื่องก่อน โดยแทบจะเหมือนกันตรงที่เป็นแม่ที่สละสิทธิ์ให้คนอื่นเลี้ยง เพราะกลัวอันตรายจะเกิดกับลูก แต่เธอก็ยังเฝ้าดูลูกเติบโตขึ้นมาอย่างลับๆ ทุกปี ก่อนที่จะมีคนร้ายลักพาตัวลูกเธอไป ทำให้เธอต้องยอมเผยตัวออกมาตามล่าช่วยเหลือลูกให้กลับมา และก็ได้มีโอกาสสานสัมพันธ์กับลูกอีกครั้ง ซึ่งบอกตรงๆ ว่านี่มันคือการก็อปปี้บททำซ้ำกันชัดๆ โดยแค่เปลี่ยนทีมทำ แม้ในปลีกย่อยรายละเอียดจะมีความต่างกันตรงระดับของแก๊งคนร้ายในเรื่องนี้เล็กกว่า แต่ก็มาจากทุนสร้างที่น้อยกว่า โดยรวมทั้งหมดมันก็คือหนังที่ Netflix แค่โยนเงินลงไปให้ทีมสร้าง 2 ทีมนี้ทำออกมาลวกๆ สภาพยับเยินแทบไม่ต่างอะไรกันเลย
จุดแย่ของเรื่องนี้อาจจะมากกว่าตรงไม่มีทุนสร้างฉากแอ็กชั่นมากเท่า สิ่งที่เราเห็นในเรื่องนี้จึงกลายเป็นหนังแอ็กชั่นสเกลติดดิน เน้นต่อยเตะต่อสู้ประชิดตัว มีฉากยิงกันปะปนอยู่บ้าง แต่ก็เป็นไปในแนวพื้นๆ ไม่ได้มีการครีเอทท่าทางสวยๆ แบบหนังอย่างจอห์นวิคเลยแม้แต่น้อย และยังมีจุดด้อยที่เห็นได้ชัดคือฉากแอ็กชั่นต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ตัวนางเอกลีลาท่าทางค่อนข้างช้า ดูก็รู้เลยว่าเป็นการรอจังหวะตามคิว หลายจังหวะตั้งใจให้เป็นตลกแทรก ซึ่งถ้าดูอารมณ์ของเรื่องในตอนนั้นมันไม่ควรจะออกมาเลย ทำให้ฉากแอ็กชั่นของเรื่องนี้เป็นไปในแนวหนังเกรด B ทั้งๆ ที่ถ้าออกแบบดีๆ ก็สามารถเป็นเกรด A ได้เช่นกัน
ความแย่อีกอย่างคือเนื้อเรื่องฝั่งตัวร้ายค่อนข้างกลวงๆ คือเป็นตัวร้ายที่ดูแล้วออกตลกๆ ไม่สมกับที่วางบทไว้ว่ายิ่งใหญ่ระดับชาติ ตั้งแต่ชุดเสื้อผ้าที่ใส่แบบเกือบโป๊เห็นก้นตลอดเวลา ท่าทางที่ออกมาก็เหมือนคนสติไม่ดี อย่างการตัดหัวพ่อดองไว้ในโหลแล้วพูดคุยเหมือนคนจิตป่วย หรือตัวร้ายฝั่งรัฐบาลที่หนุนหลังพวกนี้อีกทีก็แทบจะเป็นตัวร้ายแบบการ์ตูน คือเน้นเก๊กสีหน้าท่าทางไม่เหมือนคนจริงๆ จนทำให้อารมณ์ของเรื่องราวดูไม่จริงจังแบบที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ส่วนของความสัมพันธ์แม่ลูกก็แทบจะไม่ได้มีบทบาทอะไรมาก เทียบกับเรื่อง The Mother ยังมีความพยายามสร้างซีนความสัมพันธ์มากกว่า แต่เรื่องนี้คือนอกจากพากันหนีก็แทบไม่มีตรงไหนทำให้รู้สึกว่าลูกต้องซึ้งอินกับใครก็ไม่รู้ที่มาช่วย แล้วมารู้ว่าเป็นแม่ในภายหลัง ซึ่งไม่สร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้เลยแม้แต่น้อยนิด
ตัวหนังจบแบบยังมีเผื่อไว้ทำภาคต่ออีก โดยเล่นประเด็นความเป็นแม่ต่อ แต่ไม่น่าจะรอดทำต่อได้ ยกเว้นจะใช้ทุนต่ำมาก
โดยรวมนี่เป็นหนังที่วนใช้บทสูตรสำเร็จซ้ำซากอีกเรื่องของ Netflix (รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) ผู้เขียนเบื่อหนังบทซ้ำซากที่ไร้การครีเอทพวกนี้มาก จนไม่คิดจะแนะนำให้ใครดู แต่ถ้าคุณผู้อ่านถือว่าเสียตังแล้วก็ดูๆ ไปก็คงได้ อย่างน้อยหนังก็มีฉากแอ็กชั่นยัดเข้ามาเรื่อยๆ พอไม่ให้รู้สึกง่วงหลับได้เท่านั้นครับ