รีวิวซีรีส์ Mr. & Mrs. Smith (prime) งานรีเมคที่แอ็กชั่นเบาบาง แต่ดราม่าความรักละเอียดยิบ!
Mr. & Mrs. Smith
Summary
นี่คือ Mr. & Mrs. Smith เวอร์ชั่นรีเมคที่ขยายโมเมนต์ความรักจากหนัง มาเป็นการเล่าเรื่องชีวิตคู่ปลอมๆ ของสายลับมือใหม่หน้าตาธรรรมดา ที่มีปัญหาดราม่าอุปสรรคความรักตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงจุดจบได้อย่างครบถ้วน เหมือนชีวิตคู่จริงๆ ได้อย่างดีมาก โดยมีภารกิจแทรกในแต่ละตอนเป็นแค่น้ำจิ้ม ซึ่งทำให้ฉากแอ็กชั่นในเรื่องเบาบางมาก มีแค่ตอน 5 กับ ตอน 8 ที่แอ็กชั่นเต็มสูบ แต่ก็ยังเป็นระดับซีรีส์เท่านั้น ซึ่งผู้ชมที่ต้องการฉากแอ็กชั่นคงต้องผิดหวัง แต่ถ้าต้องการดูโมเมนต์ความรักคู่กัดตลกร้ายในภารกิจเบาๆ อันนี้คือตอบโจทย์ไม่มีผิดหวังเช่นกันครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- รีเมคจากหนังชื่อเดียวกัน
- บอกเล่าปัญหาชีวิตคู่รักได้อย่างครบถ้วน
- เคมีนักแสดงลงตัว
- ตลกร้ายชวนให้ขำได้จริงๆ
- มีพากย์ไทย
Cons
- ฉากแอ็กชั่นน้อย
- ปริศนาค้างไว้ในเรื่องเยอะ
Mr. & Mrs. Smith ซีรีส์ดราม่าแอ็กชั่นรีเมคใหม่จากหนังดังปี 2005 ที่เล่นโดยแบรด พิตต์กับแองเจลิน่า โจลี่ โดย Donald Glover เรื่องราวของสายลับ 2 คนที่ต้องจับคู่เป็นสามีภรรยากันปลอมๆ ในชื่อ จอห์นกับเจน สมิธ ทั้งคู่มีนิสัยแตกต่างกันมากมาย แม้แต่การทำงาน แต่ความใกล้ชิดก็พาให้ทั้งคู่เริ่มจริงจังกับชีวิตคู่นี้ขึ้นมาแม้จะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม
รีวิวซีรีส์ Mr. & Mrs. Smith 2024 (ไม่มีสปอยล์)
จุดสะดุดตาแต่แรกของผู้ชมก็คือ ซีรีส์ตั้งใจรีเมคพลิกแตกต่างจากต้นฉบับไปเลยด้วยการใช้ดาราที่ไม่ต้องสวยหล่อแบบต้นฉบับทั้งสองเวอร์ชั่น (เผื่อใครไม่รู้คือหนังมีเวอร์ชั่นต้นฉบับปี 1996) เพื่อให้เรื่องดูสมจริงขึ้นในแง่สายลับที่ต้องกลมกลืนไปคนปกติธรรมดา ไม่ใช่เด่นจนสะดุดตาตลอด เอาว่าผู้ชมต้องพยายามลบภาพเวอร์ชั่นดั้งเดิมออกไปก่อนครับ โดยตัว Donald Glover ที่เป็นทั้งครีเอเตอร์และเขียนบทเองก็ลงมาเล่นเป็นพระเอก “จอห์น สมิธ” ซึ่งชื่อเสียงของเขาดังอยู่แล้วมีแฟนติดตามมากมาย แม้หน้าตาจะไม่ได้หล่อเหลาในทันทีแต่ก็มีเสน่ห์มากมาย ส่วนนางเอก “เจน สมิธ” แสดงโดย Maya Erskine ลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน นักแสดงที่ไม่ค่อยคุ้นตากันแต่มีผลงานล่าสุดคือพากย์เสียงนางเอก Mizu ใน Blue Eye Samurai แอนิเมชั่นดังของ Netflix เรื่องล่าสุด ซึ่งรูปร่างหน้าตาเธอก็ดูดีในแบบลูกครึ่ง แต่ถ้าเอาตามพิมพ์นิยมความสวยเซ็กซี่ก็ยังห่างไกล ไม่ถึงระดับนางเอกได้ แต่เธอก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวซึ่งเหมาะสมกับบทนี้มากเช่นกัน ยืนยันเลยว่าถ้าใครได้ดูไปเรื่อยๆ จะต้องรู้สึกถึงเสน่ห์เคมีของทั้งคู่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเชื่อได้เลยว่าทั้งคู่รักกันแน่นอนครับ ซึ่งนี่คือโจทย์หินด่านแรกของเรื่องนี้ที่ทำได้สำเร็จ
ด้วยโครงเรื่องที่เปลี่ยนจากหนังมาเป็นซีรีส์ทำให้ต้องยืดเรื่องราวออกไปมาก โดยความต่างหนังกับซีรีส์คือตัวเอกหนังเป็นนักฆ่าตัวท็อป แต่ในซีรีส์คือสายลับฝึกหัดที่บริษัทจ้างมาทำงานสดๆ เป็นหน้าใหม่ในวงการที่ทำงานสารพัดไม่ได้ฆ่าคนเป็นหลัก จริงๆ คือภารกิจเน้นช่วยเป้าหมายกับฉกข้อมูลมากกว่า แต่ทุกครั้งก็มีเซอร์ไพรส์ให้ต้องผิดพลาดฆ่าใครไปซะทุกที แต่เป็นฉากแนวตลกร้ายไม่ได้โหดจริง
สิ่งที่ซีรีส์ต่างออกไปเลยก็คือ ทั้งคู่รู้จักตัวตนกัน ทำงานด้วยกันแต่แรกอยู่แล้วไม่ได้เป็นความลับแบบในหนังแล้วต้องไล่ฆ่าภายหลัง ซีรีส์เลือกเล่าโดยขยายโมเมนต์อารมณ์ความรักแบบที่ในหนังมีให้ละเอียดมากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่แรกว่าสามีภรรยาสายลับปลอมๆ ทำงานด้วยกันแล้วดันตกหลุมกันจริงๆ จะเป็นยังไง ช่วงความรักเบ่งบาน ช่วงหึงหวง ช่วงมีปัญหาทะเลาะกัน นี่คือซีรีส์ที่เล่าเรื่องความรักเป็นหลักเรื่องสายลับเป็นรอง ชื่อตอนจึงตั้งเป็นแนวความรักทั้งหมดอย่างเช่นเดตแรก ปัญหาคู่ นอกใจ เลิกรา แล้วตัวเรื่องก็พัฒนาให้แต่ละตอนมี 1 ภารกิจ มีเหตุการณ์ทำให้ทั้งคู่ต้องได้ทดสอบความสัมพันธ์นี้ในทุกมิติ ทั้งการงานที่ต้องไปกันได้ ชีวิตบนเตียงที่ต้องเข้าขากัน และความเชื่อใจในความรักอีกฝ่ายจริงจังแบบคนรักที่ต้องไม่มีความลับกัน แต่ทั้งคู่คือสายลับจอมโกหกสิ่งที่ทั้งคู่บอกเล่าให้ฟังก็ไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป ทั้งคู่มีปมปัญหาชีวิตส่วนตัวที่ปิดบังไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้เพราะกลัวอีกฝ่ายไม่ชอบ ซึ่งซีรีส์นำเรื่องพวกนี้มาร้อยเรียงเข้ามาเป็นอุปสรรคในภารกิจแต่ละตอนได้อย่างดี มีบทสรุปข้อคิดสอนใจคู่รักที่นำมาใช้ได้จริง ซึ่งนี่คือจุดแข็งมากของซีรีส์เรื่องนี้ที่เล่าเรื่องชีวิตคู่รักตั้งแต่แรกไปจนจบได้อย่างดีงามมาก แม้มันจะมีความโอเวอร์ตลกๆ แบบสายลับปนอยู่ด้วยก็ตามทีครับ
แต่สิ่งที่เรื่องนี้อาจจะทำได้แย่และน่าผิดหวังก็คือฉากแอ็กชั่น ด้วยความที่หนังต้นฉบับเป็นแนวแอ็กชั่นเต็มสูบ พอมาเป็นซีรีส์ที่งบน้อยกว่าก็จำเป็นต้องลดระดับลงมามาก ตัวเรื่องจึงแทบไม่มีฉากแอ็กชั่นให้เห็นเลยใน 4 ตอนแรก แต่ละตอนเป็นภารกิจที่ดูเหมือนเสี่ยงน้อย แต่แท้จริงคือเสี่ยงหนัก (ระดับงานที่ตัวเอกเลือกรับคือเสี่ยงมากทุกภารกิจ) แต่เรื่องกลับทำให้ดูเบาแบบเนียนๆ คือฉากมันจะมีแอ็กชั่นสำคัญๆ ได้ก็ถูกตัดจบลงง่ายๆ เสมอ แต่ผู้สร้างคงรู้ว่ายื้อผู้ชมแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหว ในตอนที่ 5 จึงเปิดตัวด้วยฉากแอ็กชั่นไล่ล่าแบบหนังสายลับเต็มสูบตั้งแต่แรกเลย โดยเป็นฉากไล่ล่ายาวกลางเมืองทั้งขับรถ ทั้งต่อสู้หนีสารพัด เป็นตอนที่เสิร์ฟแอ็กชั่นมาทดแทนได้อย่างจุใจ โดยที่ยังแทรกปมปัญหาเรื่องคู่ชีวิตไปด้วย ก่อนที่จะเว้นวรรคไปมีอีกในตอนที่ 7 ที่ต้องต่อสู้กับสายลับบริษัทคู่แข่งกับ ตอน 8 ก็คือฉากการเลิกราหย่าร้างที่ทั้งคู่ต้องพยายามฆ่ากันเองในแบบต้นฉบับที่สนุกในระดับน้องๆ ของเวอร์ชั่นหนังได้อยู่
ซีรีส์จบแบบปลายเปิดให้คิดเอาเอง แต่ทั้งเรื่องทิ้งปริศนาไว้มากมาย อย่างบริษัทสั่งงานมาผ่านมือถือกับคอมพิวเตอร์ ทั้งเรื่องรู้แค่ว่าคนสั่งงานชื่อ hihi (ไฮไฮ) แต่ก็ไม่รู้ว่าคือใครกันแน่ และยังมีความสามารถสั่งงานล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำเกินความสามารถของมนุษย์จนเหมือนพระเจ้าไปเลย คู่แข่งในวงการคือใคร ซึ่งในเรื่องเปิดประเด็นทิ้งไว้ในตอน 7 และยังมีปมอีกเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำต่อได้อีกมากมาย ซึ่งผู้สร้างก็ให้สัมภาษณ์ไว้แบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ทาง amazon อนุมัติไฟเขียวให้ทำก่อนแค่ 1 ซีซั่น ซึ่งในตอนจบนี้แม้จะปลายเปิด แต่มันก็เป็นฉากจบแบบที่ปิดจบเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ได้ลงตัวเช่นกันครับ
สรุปนี่คือ Mr. & Mrs. Smith เวอร์ชั่นรีเมคที่ขยายโมเมนต์ความรักจากหนัง มาเป็นการเล่าเรื่องชีวิตคู่ปลอมๆ ของสายลับมือใหม่หน้าตาธรรรมดา ที่มีปัญหาดราม่าอุปสรรคความรักตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงจุดจบได้อย่างครบถ้วน เหมือนชีวิตคู่จริงๆ ได้อย่างดีมาก โดยมีภารกิจแทรกในแต่ละตอนเป็นแค่น้ำจิ้ม ซึ่งทำให้ฉากแอ็กชั่นในเรื่องเบาบางมาก มีแค่ตอน 5 กับ ตอน 8 ที่แอ็กชั่นเต็มสูบ แต่ก็ยังเป็นระดับซีรีส์เท่านั้น ซึ่งผู้ชมที่ต้องการฉากแอ็กชั่นคงต้องผิดหวัง แต่ถ้าต้องการดูโมเมนต์ความรักคู่กัดตลกร้ายในภารกิจเบาๆ อันนี้คือตอบโจทย์ไม่มีผิดหวังเช่นกันครับ