รีวิว Muted จิตวิทยาอาชญากรรมผ่านกล้องวงจรปิด (ไม่สปอยล์)
Muted
Summary
โดยรวมก็ถือว่าเป็นซีรีส์แนวจิตวิทยาอาชญากรรมที่มีปมซับซ้อนมากมาย มีความแปลกใหม่ในส่วนผสมหลายอย่างทั้งความรัก อาชญากรรม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งตัวเรื่องทำได้น่าติดตามในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดให้ดูได้ต่อเนื่อง เพราะการดำเนินเรื่องเสียเวลาไปกับความพยายามหลอกล่อผู้ชมให้เฝ้ามองเรียลลิตี้ชีวิตตัวละครมากไป แต่ในท้ายที่สุดกลับหันเหเรื่องราวไปอีกทางที่ขาดเหตุผลรองรับดีพอ จนทำให้จบแบบน่าผิดหวังพอสมควร แต่ด้วยความสั้นเพียงแค่ 6 ตอนจบก็ยังพอแนะนำให้ทดลองรับชมได้อยู่ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- แนวจิตวิทยาอาชญากรรมที่ใส่ปมไว้เยอะมากมาย
- การดำเรื่องแบบเรียลลิตี้เฝ้าดูเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
- ใส่เรื่องราวความรักผ่านโรคหลงใหลอาชญากร
- จำนวน 6 ตอนจบสั้นๆ
Cons
- ใช้เวลาไปกับการหลอกล่อผู้ชมให้ดูชีวิตของตัวละครมากไปเมื่อเทียบกับตอนจบที่เป็นไปอีกทาง
- เหตุผลในตอนจบไม่มากพอทำให้เชื่อได้
Muted ซีรีส์ Netflix จากสเปน 6 ตอนจบ แนวจิตวิทยาอาชญากรรม เรื่องราวของ Sergio เด็กหนุ่มที่ถูกต้องสงสัยว่าฆ่าพ่อแม่ แต่ 6 ปีผ่านไปเขากลับไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย และถูกขังอยู่ในสถานพินิจเยาวชน จนกระทั่งเขาได้รับการปล่อยตัวออกมาผ่านโครงการทดลองของจิตแพทย์สาวที่ต้องการค้นหาความจริงในคดีนี้ผ่านการเฝ้ามองติดตามชีวิตเขาตลอดเวลา
รีวิว Muted (ไม่มีสปอยล์)
ซีรีส์สเปนที่เนื้อเรื่องเป็นแนวจิตวิทยาล้วงลึกเข้าไปในจิตใจของตัวละคร Sergio (เล่นโดย Arón Piper นักแสดงจากบทบาทหนุ่มเกย์ลูกคนรวยในซีรีส์ Elite) เด็กหนุ่มที่ถูกสังคมตัดสินว่าเป็นฆาตกรโหด ที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองโดยการจับโยนลงมาจากตึก ซึ่งเป็นฉากเปิดเรื่องที่สยดสยอง แต่ก็เต็มไปด้วยปริศนาทิ้งไว้ให้ผู้ชมได้สงสัย ถึงความจริงในเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ โดยตัวเอก Sergio เองก็ไม่ปริปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ซึ่งนี่คือจุดที่เป็นความลับของเรื่องและถูกนำมาใช้หลอกล่อผู้ชมตลอด 6 ตอนให้คิดตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ว่า เขาเป็นฆาตกรจริงๆ หรือเหยื่อที่เป็นผู้บริสุทธิ์กันแน่
ความแปลกของเรื่องนี้คือการเดินเรื่องผ่านการทดลองของจิตแพทย์สาว Ana (เล่นโดย Almudena Amor) ที่สนใจคดีนี้มาตลอด และยังทุ่มเทหาทางไขปริศนานี้ โดยตั้งโครงการเฝ้าติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของ Sergio ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านกล้องที่แอบติดตั้งไว้ในบ้าน และยังใช้กล้องวงจรปิดทั่วทั้งเมืองติดตามชีวิตเขาตลอด โดยที่เขาไม่รู้ตัว และยังมีการตรวจจับชีพจรผ่านกำไลอีเอ็มแบบเรียลไทม์ เพื่อมอนิเตอร์อัตราการเต้นของหัวใจที่เป็นสัญญาณเตือนถึงความรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้เรื่องดูมีความทันสมัยเหมือนเป็นแนววิทยาศาสตร์อาชญากรรม ซึ่งตัว Ana เชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือผู้บริสุทธิ์ ในขณะที่ทีมผู้ทำการทดลองกลับรู้สึกตรงกันข้าม และยังสงสัยว่านี่เป็นโครงการที่มีเป้าหมายบางอย่างซ่อนอยู่ ทำให้เรื่องราวดูคลุมเครือและมีความน่าติดตามในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีตัวละครลับเป็นผู้มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องพยายามล้มโครงการนี้อย่างน่าสงสัยว่าเหตุฆาตกรรมเมื่อ 6 ปีก่อน น่าจะมีเบื้องหลังซับซ้อนมากกว่าที่เห็นในตอนแรก
นอกจากนี้แล้วเรื่องยังเจาะลึกลงไปในแนวโรคจิตที่มีชื่อว่า Hybristophilia หรือโรคหลงรักอาชญากร ซึ่งเป็นความหลงไหลที่เกิดขึ้นมาเอง จากการเห็นอาชญากรแล้วมีแรงกระตุ้นทางเพศสูงขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้จะมีตัวละครหญิงสาวหลายคนที่หลงใหล Sergio แต่คนที่เขาเปิดใจมีเพียงคนเดียวคือ Marta หญิงสาวที่มีแฟนแล้ว แต่ก็ยังนอกใจมาหลงชอบเขา จนทำให้เธอกลายเป็นสายลับที่ถูกส่งเข้าไปใกล้ชิดเพื่อล้วงลึกหาความจริง จนทำให้เธอเริ่มสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
เนื้อเรื่องพยายามซ่อนปมมากมายไว้หลายอย่าง และผูกปมใหม่เข้ามาเรื่อยๆ จนทำให้เรื่องในภายหลังไปไกลกว่าที่เห็นในตอนแรกค่อนข้างมาก แต่เมื่อเฉลยความลับทั้งหมด ก็ไม่ถึงกับออกมาดีมาก เป็นการพลิกผันเนื้อเรื่องต่างไปจากที่วางไว้มากไป เป็นแนวจิตวิทยาที่ขาดเหตุผลรองรับมากพอให้คล้อยตามได้ แต่ก็มีความแปลกในตอนจบที่ชวนให้หาคำตอบเป็นแนวปลายเปิดทิ้งไว้
โดยรวมก็ถือว่าเป็นซีรีส์แนวจิตวิทยาอาชญากรรมที่มีปมซับซ้อนมากมาย มีความแปลกใหม่ในส่วนผสมหลายอย่างทั้งความรัก อาชญากรรม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งตัวเรื่องทำได้น่าติดตามในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดให้ดูได้ต่อเนื่อง เพราะการดำเนินเรื่องเสียเวลาไปกับความพยายามหลอกล่อผู้ชมให้เฝ้ามองเรียลลิตี้ชีวิตตัวละครมากไป แต่ในท้ายที่สุดกลับหันเหเรื่องราวไปอีกทางที่ขาดเหตุผลรองรับดีพอ จนทำให้จบแบบน่าผิดหวังพอสมควร แต่ด้วยความสั้นเพียงแค่ 6 ตอนจบก็ยังพอแนะนำให้ทดลองรับชมได้อยู่ครับ