playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว My Lady Jane (Prime) ประวัติศาสตร์ เลดี้เจน เกรย์ ที่ถูกบิดจนเพี้ยน แต่สนุกมาก!

Summary

ซีรีส์ประวัติโลกที่แตกต่างออกไปของเลดี้เจน เกรย์ ที่รอดตายจากการถูกตัดหัวหลังขึ้นเป็นราชินีได้ 9 วัน เรื่องถูกปรุงแต่งใหม่เป็นแนวแฟนตาซี มีมนุษย์ที่แปลงเป็นสัตว์ได้มาเป็นประเด็นเทียบเคียงกับเรื่องนอกรีตในสมัยนั้นอย่างการเป็น LGTBQ และอื่นๆ ซึ่งเจนสวนทุกอย่างที่คนยุคนั้นคิดและทำกัน โดยที่ตัวละครในเรื่องก็ห้าวเป้งกันทุกคนทั้งฝ่ายดีและร้าย ตอบโต้สูสีกันตลอดเรื่อง ทำให้เรื่องดูสนุก ตลกขบขัน สะใจกับบทพูดเจ็บๆ มากมาย ที่พากย์ไทยได้ดีมากและเถื่อนแบบไม่เกรงใจใครเหมือนกับ The Boys ในค่ายไปแล้ว แต่ด้วยความที่เรื่องเล่นใหญ่จัดเต็มหักมุมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่แรก พอช่วงๆ ท้ายที่เรื่องตรงพยายามเปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้เจนไม่ตาย กลับอ่อนลงไปมาก และเรื่องก็ไม่จบสมบูรณ์ทำให้ต้องทิ้งปมไว้มากมายจนยังรู้สึกว่าไม่สะเด็ดน้ำจบได้ดีพอครับ 

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ซีรีส์ประวัติโลกที่แตกต่างออกไปของเลดี้เจน เกรย์
  • เรื่องใช้ความแฟนตาซีแทนที่ประเด็น LGTBQ
  • บทพูดแสบๆ และหักมุมด้วยการกระทำสวนสังคมตลอด
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ช่วงท้ายเรื่องค่อนข้างตันและเรื่องเคลียร์ง่ายไปหมด
  • ปมทิ้งไว้เยอะ

ADBRO

My Lady Jane ราชินีลืมโลก ซีรีส์ Amazon Prime 8 ตอนจบซีซั่น 1 มีพากย์ไทย เรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่แตกต่างออกไปของเลดี้เจน เกรย์ หรือที่รู้จักในนามราชินีเจนผู้โดนประหารชีวิต ในเวลาเพียง 9 วันหลังได้ขึ้นเป็นราชินีของอังกฤษ ในโลกนี้เธอได้พบรักที่เร่าร้อนเต็มไปด้วยโรแมนซ์ การผจญภัย และแฟนตาซี
My Lady Jane (2024) on IMDb

ประวัติจริงโดยสังเขป

 

เลดี้เจน เกรย์ (ค.ศ. 1537-1554) เป็นสตรีชาวอังกฤษที่ได้รับการสถาปนาเป็นราชินีอังกฤษเป็นเวลาเพียง 9 วัน ในปี ค.ศ. 1553 ก่อนจะถูกปลดและประหารชีวิตในที่สุด

  1. เกิดในตระกูลขุนนางชั้นสูง เป็นหลานของพระเจ้าเฮนรีที่ 8
  2. ได้รับการศึกษาอย่างดี มีความรู้ภาษาละติน กรีก และฮีบรู
  3. ถูกแต่งงานกับลอร์ดกิลฟอร์ด ดัดลีย์ ในปี 1553 ตามความต้องการของครอบครัว
  4. พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ทรงกำหนดให้เธอเป็นผู้สืบราชบัลลังก์แทนที่จะเป็นพระนางแมรีและเอลิซาเบธ
  5. หลังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดสวรรคต เธอได้รับการสถาปนาเป็นราชินีเมื่อ 10 กรกฎาคม 1553
  6. ราชินีแมรีที่ 1 ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและขุนนางส่วนใหญ่ จึงยึดอำนาจคืนได้ในเวลาเพียง 9 วัน
  7. เลดี้เจนและสามีถูกจับกุมและตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏ
  8. ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1554 ขณะอายุเพียง 16 ปี

รีวิว My Lady Jane ราชินีลืมโลก (ไม่สปอยล์)


ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีของ
Cynthia Hand  สร้างโดย Gemma Burgess ที่มีผลงานนี้เรื่องแรก โดยเล่าไทม์ไลน์เลดี้เจนที่เหมือนประวัติศาสตร์จริงทุกช่วงเวลา ยกเว้นตอนที่โดนตัดหัวในเรื่องนี้ไม่ได้ตายเท่านั้น อันนี้ไม่ใช่สปอยล์นะครับเพราะเป็นฉากเปิดเรื่องซีรีส์เลยเพื่อให้ผู้ชมติดตามดูว่า เจนคนนี้มีอะไรที่แตกต่างไป ซึ่งนี่คือจุดขายไฮไลท์ของเรื่องนี้เลยครับ

สิ่งที่ต่างออกไปอย่างแรกคือ โลกในเรื่องนี้เป็นแฟนตาซี มีเผ่าพันธ์มนุษย์ที่แปลงร่างเป็นสัตว์ได้เรียกว่า ‘อีเธียน’ โดยอีเธียนในเรื่องนี้เป็นพวกนอกกฏหมาย ใครพบเจอต้องฆ่าทิ้งได้เลยทันที หนักกว่าแม่มดซะอีกที่ยังต้องมีพิธีการตรวจสอบเอาผิด แถมใครที่ไปเกี่ยวข้องแต่งงานกับพวกนี้คือมีสิทธิ์โดนประหารไปด้วยกัน โดยอีเธียนในเรื่องนี้จริงๆ ก็เปรียบเสมือนการเป็น LGTBQ ในยุคนั้น ซึ่งก็โดนโทษทางกฏหมายฆ่าให้ตายเช่นกันเพราะมันผิดในทางศาสนาที่มีอำนาจล้นมากในยุคนั้นด้วย แต่การใส่อีเธียนเข้ามานี้ก็เพื่อสร้างเรื่องราวความสัมพันธ์ของเจนกับตัวละครอีเธียนคนอื่นๆ ในโลกนี้ให้ซับซ้อนและเกี่ยวพันกับการขึ้นครองราชย์และการถูกลงโทษประหารชีวิต เพราะเจนต้องการยกเลิกกฎหมายนี้ในยุคที่ผู้คนยังไม่พร้อมยอมรับการอยู่ร่วมกับอีเธียนได้ นี่จึงเป็นซีรีส์ที่เอาประวัติศาสตร์จริงมาเปลี่ยนแปลงเล่าเรื่องของกระแสการยอมรับเพศสภาพที่แตกต่างให้เป็นแฟนตาซีได้ทันยุคสมัยมาก และเรื่องก็นำเสนอแนวคิดแฟนตาซีนี้ในแบบที่ผู้ชมคล้อยตามไปด้วยง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ความเป็น LGTBQ ยัดใส่ลงไปแบบปกติอีกด้วย ซึ่งหลายคนที่ไม่ชอบแนวนี้ก็อาจจะเลี่ยงไม่ดูเลยก็ได้ แต่ในเรื่องนี้มีตัวละครที่เป็นแบบนี้เพียงแค่จางๆ เท่านั้นครับ 

อีกอย่งคือนี่เป็นซีรีส์แนววัยรุ่นหัวขบถที่จัดเต็มเฟี้ยวฟ้าวมากมายกันทุกคน ซึ่งยุคนั้นโดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์ไม่สามารถแสดงออกแบบนี้ได้ โดยเจน (แสดงโดย Emily Bader) เป็นนางเอกประเภทที่ชอบสวนทุกอย่างกลับแรงๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไปจากสิ่งที่สังคมโลกยุคก่อนคิดกัน ตั้งแต่การแต่งงาน ความรัก การประพฤติตัวที่ห้าวเกินตัวไปมาก ห้าวกว่าสาวในยุคปัจจุบันเสียอีก ลอร์ดกิลฟอร์ด ดัดลีย์ (แสดงโดย Edward Bluemel)ที่เป็นสามีและพระเอกของเรื่องก็มีความสดใหม่ทันสมัยแบบตัวละครพระเอกวัยรุ่นเฟี้ยวๆ แต่ก็ยังเคารพผู้หญิงในแบบที่ตัวเองพยายามแสร้างคล้อยตามผู้ใหญ่ไปงั้นๆ และเรื่องก็มีปมลึกลงไปถึงความผิดปกติที่เขาซ่อนไว้อยู่ และต้องการแต่งงานกับเจนเพื่อช่วยตัวเองตามคำสั่งของพ่อ แต่ก็กลายเป็นการตกกระไดพลอยโจนให้ต้องมาผจญภัยกับความบ้าระห่ำหัวขบถเมื่อเจนไม่สนใจใคร เรียกว่าเป็นพวกซ้ายสุดเลยก็ได้แบบฉันเป็นราชินีแล้วจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่แคร์การเมืองในวังที่ทุกคนพร้อมเป็นศัตรูกับนางเมื่อลับหลังทันที แม้แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดในเรื่องนี้ก็เป็นคนผิวดำสนิทอยู่คนเดียวในเรื่อง ซึ่งอาจจะดู WOKE แบบสุดขั้ว แต่นี่คือสิ่งที่เรื่องต้องการนำเสนอให้เด่นชัดจิกกัดสายตาคนดูไปเลย แล้วในเรื่องนี้คนดำที่มีอำนาจก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนขาว แม้จะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกคนอื่น แม้แต่เรื่องแต่งงานของเจนเขาก็เป็นคนอนุมัติให้แบบไม่รู้สึกผิดอะไร แม้เจนจะมาต่อว่าเขา แต่บทของเจนจะค่อยๆ เปลี่ยนให้เขาเข้าใจสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมมากขึ้นในตำแหน่งราชาที่เขาไม่เคยรู้สึกถึงมาก่อน 

นอกจากนี้แล้วยังมีตัวละครที่สดเกินเบอร์ไปมากๆ อย่างตัวน้องคนเล็กของเจน (แสดงโดย Robyn Betteridge) ที่ชอบความโหดแบบซาดิสม์ ชอบเล่นสมมุติเกี่ยวกับเลือดและการฆ่าฟัน บทพูดของเธอก็หยาบคายแบบไม่สนใจใคร อย่าง ด่าแม่ตัวเองว่า ช่างแมร่ง หรือแม้แต่การฆ่าคนเธอก็ทำได้หน้าตาเฉย ซึ่งบทของเธอเป็นตัวละครอายุแค่ 10 ขวบนิดๆ ซีรีส์ใส่ความจัดเต็มนี้มากแบบไม่แคร์เรตติ้งใดๆ เลย เอาตัวร้ายอย่างแมรี่เจนเองเผลอๆ ยังดูร้ายกว่าน้องคนเล็กของเจนซะอีก แต่รายนี้คือร้ายแบบบ้าอำนาจตามบทบาทอยู่แล้ว (แต่ก็ร้ายเว่อร์ๆ เหมือนกัน) 

ด้วยความจัดเต็มของตัวละครและบทพูดรวมกับความแฟนตาซีที่เรื่องวางไว้ให้เป็นประเด็นหลัก ทำให้เรื่องเปิดมาสนุกมากๆ ตั้งแต่แรก โดยมีเสียงผู้บรรยายตุ๊ดพูดสำเนียงเสียดสีจิกกัดนอกบทเพิ่มให้เรื่องนี้จัดจ้านขึ้นไปอีก ซีรีส์เล่าเรื่องได้มีเสน่ห์แบบหักมุมทุกการกระทำของเจน โดยที่ตัวร้ายหรือฝ่ายตรงข้ามเจนก็ไม่ได้อ่อนแพ้ง่ายๆ แต่จัดเต็มสวนกลับมาตลอด จนได้ความสนุกแบบตัวเอกสุดห้าวสวนกลับตัวร้ายชั่วที่เอาจารีตประเพณีและกฎหมายมาบังคับเธอ ซึ่งเจนก็ท้าทายกลับไปทุกครั้ง แต่ก็ค่อยๆ ได้บทเรียนกลับมาว่าแค่หัวขบถคนเดียวไม่เพียงพอ เธอต้องเรียนรู้โลกมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องทำได้ค่อนข้างดีมาก ให้เธอได้พบกับปัญหามากมายนอกกรอบที่เธอเคยคิด สอนให้เข้มแข็งไปกับเรื่องเลวร้ายที่โถมเข้ามาเรื่อยๆ โดยมีฉากความรักแบบพ่อแง่แม่งอนเสริมมาเป็นระยะให้เรื่องมีฉากโรมานซ์ประกอบ โดยพระเอกนางเอกในเรื่องนี้ค่อปากกับใจไม่ตรงกัน มีฉากที่เกือบๆ จะได้กันแล้วก็มีเหตุให้เลิกกลางคันไปซะทุกทีครับ  

แต่จุดด้อยของเรื่องก็มีจากการจัดเต็มแบบนี้แต่แรก ทำให้เรื่องช่วงหลังเริ่มตัน การคิดด้นสดมุกใหม่ๆ ไม่ค่อยมี ช่วงท้ายๆ เรื่องค่อนข้างเดาได้ง่ายเพราะผู้ชมก็รู้อยู่แล้วว่าเจนไม่ตาย  แล้วการเคลียร์ปมนี้โดยใช้ความรักนำหน้าชนะทุกอย่าง มันดูเลี่ยนและง่ายไปหน่อยครับ  ทำให้เรื่องช่วงท้ายดูธรรมดาไป แล้วก็ยังไม่จบโดยสมบูรณ์มีการทิ้งค้างไม่ได้ปิดจบเรื่องราวที่เป็นปัญหาไว้ทุกอย่างครับ

 

 สรุป ซีรีส์ประวัติโลกที่แตกต่างออกไปของเลดี้เจน เกรย์ ที่รอดตายจากการถูกตัดหัวหลังขึ้นเป็นราชินีได้ 9 วัน เรื่องถูกปรุงแต่งใหม่เป็นแนวแฟนตาซี มีมนุษย์ที่แปลงเป็นสัตว์ได้มาเป็นประเด็นเทียบเคียงกับเรื่องนอกรีตในสมัยนั้นอย่างการเป็น LGTBQ และอื่นๆ ซึ่งเจนสวนทุกอย่างที่คนยุคนั้นคิดและทำกัน โดยที่ตัวละครในเรื่องก็ห้าวเป้งกันทุกคนทั้งฝ่ายดีและร้าย ตอบโต้สูสีกันตลอดเรื่อง ทำให้เรื่องดูสนุก ตลกขบขัน สะใจกับบทพูดเจ็บๆ มากมาย ที่พากย์ไทยได้ดีมากและเถื่อนแบบไม่เกรงใจใครเหมือนกับ The Boys ในค่ายไปแล้ว แต่ด้วยความที่เรื่องเล่นใหญ่จัดเต็มหักมุมมาเรื่อยๆ ตั้งแต่แรก พอช่วงๆ ท้ายที่เรื่องตรงพยายามเปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้เจนไม่ตาย กลับอ่อนลงไปมาก และเรื่องก็ไม่จบสมบูรณ์ทำให้ต้องทิ้งปมไว้มากมายจนยังรู้สึกว่าไม่สะเด็ดน้ำจบได้ดีพอครับ 

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!