รีวิว No One Will Save You ระทึกจากแนวเอเลี่ยน+ผี+สัตว์ประหลาดรวมกัน แต่ตอนจบอิหยังวะ!
No One Will Save You
Summary
สรุปนี่เป็นหนังที่มีไอเดียที่ดีมากในการหยิบจับเอาแนวเอเลี่ยนลงมาจับมนุษย์ปกติดั้งเดิม แล้วเปลี่ยนให้เป็นฉากสยองขวัญแบบผี+สัตว์ประหลาดได้อย่างน่าตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง แต่การเอาปมบาดแผลในจิตใจนางเอกมาเล่นเป็นแก่นหลัก เพื่อทำให้หนังแทบไม่มีบทพูดเลย แล้วต้องให้ผู้ชมทำความเข้าใจเรื่องนี้เองจากคำใบ้ต่างๆ ดูไม่ค่อยเมคเซนส์ ทำให้ผู้ชมเข้าใจยากไป จนถึงฉากจบที่ออกแนวหลุดจากธีมที่ทำมาทั้งเรื่องไปเลย ทำให้กลายเป็นหนังที่แค่พอดูเอาสนุกได้ แต่ไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- แนวเอเลี่ยน+ผี+สัตว์ประหลาดรวมกัน
- ระทึกตื่นเต้นได้ตลอดเรื่อง
- งาน CG ทำได้ดีแม้เป็นหนังทุนต่ำ
Cons
- หนังแทบไม่มีบทพูดและพยายามบอกใบ้ให้ผู้ชมคาดเดามากไป
- ฉากจบที่หลุดธีมตอนแรกไปเลย
No One Will Save You หนังสตรีมมิ่งของค่าย Hulu ที่ Disney+ ได้สิทธิมาฉายในระบบอีกที เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่อยู่บ้านคนเดียวแล้วต้องพบกับเอเลี่ยนบุกรุกเข้ามาในบ้าน ก่อนพบว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่เธอเพียงคนเดียว
รีวิว No One Will Save You (ไม่สปอยล์)
หนังไซไฟทุนเล็กน้อยๆ ถึงปานกลาง 22.8 ล้านเหรียญของผู้กำกับ Brian Duffield (ก่อนนี้เขียนบท The Babysitter กับ Love and Monsters) และเล่นกับไอเดียมนุษย์ต่างดาวบุกเมืองได้อย่างน่าสนใจ โดยใช้แนวเอเลี่ยนลักพาตัวทั่วไปที่นิยมทำให้เอเลี่ยนรูปร่างตาโต สูงผอม แต่เปลี่ยนให้เป็นฉากสยองขวัญแบบพวกหนังผี หนังสัตว์ประหลาด โดบค่อยๆ เผยให้เห็นตัวลางๆ ทีละนิดจนเห็นเต็มตัว มีฉากเล่นซ่อนแอบ ฉากการจู่โจมต่อสู้กันในบ้านเป็นหลัก (มีฉากนอกบ้าน แต่ก็อยู่ในระแวกรอบๆ บ้าน) ซึ่งไอเดียนี้ใช้ได้ดีเลยกับสเกลทุนต่ำของเรื่องนี้ มันทำให้หนังดูลึกลับ น่าตื่นเต้น เหมือนเป็นหนังผีหลอกที่เปลี่ยนมาเป็นเอเลี่ยน โดยมีฉากแบบข้าวของลอยได้ ทีวีเปิดเอง โทรศัพท์ใช้การไม่ได้ และเอเลี่ยนก็มีท่าทางแบบหนังผีในปัจจุบันที่เดินหรือคลานในสภาพผิดปกติได้อีกด้วย
นอกจากนั้นเรื่องนี้ถูกเซ็ตฉากไว้ในเมืองชนบทที่บ้านแต่ละหลังห่างไกลกัน ทำให้สามารถใช้ไอเดียการเล่นไล่จับนี้ได้โดยสะดวก และยังทำให้เหตุการณ์หลังจากนั้นกลายเป็นว่าในเมืองนี้ก็มีความผิดปกติเปลี่ยนไปแบบ Body Snatchers หนังเอเลี่ยนยึดร่างมนุษย์ ซึ่งเป็นการรวมไอเดียหนังดังหลายเรื่องเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี และก็ทำออกมาได้อารมณ์น่าตื่นเต้นได้ตลอดเรื่องด้วย
งาน CGI ฉากเอเลี่ยนหลายขนาด มีตัวปกติ ตัวเล็ก ตัวใหญ่สูงเท่าบ้าน แสงจากจานบิน ฉากจานบินว่อนในเมือง ทั้งหมดถูกทำออกมาดูดีในระดับหนังทุนต่ำได้อย่างน่าพอใจ
แต่ปัญหาของเรื่องนี้ที่ใหญ่โตเลยก็คือ การพยายามรวมเอาแนวปมชีวิตของตัวเอกที่พูดได้ แต่ไม่พยายามให้มีบทพูดออกมาเลยสักนิด โดยหนังมีแค่บทพูดของเธอออกมาเพียงไม่กี่คำ แม้แต่เสียงหวีดร้องตกใจยังแทบไม่มี (แต่นักแสดง Kaitlyn Dever เธอเล่นได้ดี) แล้วพยายามสื่อสารด้วยสิ่งของรูปภาพ จดหมาย สุสาน บ้านตุ๊กตา ให้ผู้ชมพยายามปะติดปะต่อเรื่องเองว่าเธอมีความผิดในใจคืออะไร ซึ่งมันค่อนข้างทำให้แนวทางเอเลี่ยนผีหลอกออกนอกทางในหลายครั้ง อย่างเอเลี่ยนไปหยิบภาพถ่ายเธอมาดูอย่างสนใจ ซึ่งผู้ชมก็คงเริ่มงงว่าเอเลี่ยนมาสนใจทำไม? และยังเอาประเด็นนี้มาใช้เป็นทางออกสุดท้ายของเรื่อง ที่ดูแล้วเชื่อว่าทุกคนคงงงๆ กันหมดกับฉากจบอิหยังวะ ซึ่งแม้ผู้เขียนไม่งงกับไอเดียฉากจบ แต่ก็สงสัยว่าทำไมไม่ยอมจบเรื่องในจุดที่น่าจะจบได้ดีกว่านี้หลายครั้ง อย่างจบแบบโดนสวมร่างแล้วตกใจตื่นฝันหรือจริง เป็นต้น
สรุปนี่เป็นหนังที่มีไอเดียที่ดีมากในการหยิบจับเอาแนวเอเลี่ยนลงมาจับมนุษย์ปกติดั้งเดิม แล้วเปลี่ยนให้เป็นฉากสยองขวัญแบบผี+สัตว์ประหลาดได้อย่างน่าตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง แต่การเอาปมบาดแผลในจิตใจนางเอกมาเล่นเป็นแก่นหลัก เพื่อทำให้หนังแทบไม่มีบทพูดเลย แล้วต้องให้ผู้ชมทำความเข้าใจเรื่องนี้เองจากคำใบ้ต่างๆ ดูไม่ค่อยเมคเซนส์ ทำให้ผู้ชมเข้าใจยากไป จนถึงฉากจบที่ออกแนวหลุดจากธีมที่ทำมาทั้งเรื่องไปเลย ทำให้กลายเป็นหนังที่แค่พอดูเอาสนุกได้ แต่ไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นครับ