รีวิว Nyad (Netflix) เรื่องจริงที่น่าทึ่งของผู้หญิงวัย 60 ว่ายน้ำทางไกลนับร้อยไมล์ แต่กลับเดินเรื่องได้ช้ามาก
Nyad
Summary
โดยรวมเป็นหนังที่มีดารานำคุณภาพและการแสดงที่ดี สร้างจากเรื่องจริงที่น่าทึ่งมาก แต่ก็มาพลาดตรงการเล่าเรื่องที่ช้าและเสียเวลาไปมากกับช่วงดราม่าชีวิตหลายอย่าง จนทำให้ฉากว่ายน้ำทางไกลดูสนุกแค่ตอนท้ายใกล้จบแล้วเท่านั้น ซึ่งน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าผู้ชมต้องการดูประวัติที่น่าทึ่งนี้ก็ยังแนะนำให้รับชมได้อยู่ครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- เรื่องจริงของ Diana Nyad ที่ว่ายน้ำทางไกลจากคิวบาถึงฟลอริดาคนแรกของโลก
- นักแสดง แอนเน็ตต์ เบนิงและโจดี้ ฟอสเตอร์
- มิตรภาพของผู้หญิงสูงวัย
Cons
- เดินเรื่องช้ามาก
- เสียเวลาไปกับเรื่องชีวิตส่วนตัวเยอะ
- ฉากอุปสรรคว่ายน้ำไม่ค่อยน่าตื่นเต้น
Nyad ว่ายเพื่อฝัน เรื่องจริงอันน่าทึ่งของอดีตนักกีฬาว่ายน้ำ Diana Nyad ในวัย 60 ปี ที่ลุกขึ้นทำความฝันที่ทำไม่สำเร็จในวัยสาวอีกครั้ง นั่นคือการว่ายน้ำในมหาสมุทรเปิดเป็นระยะทาง 165 กิโลเมตรจากคิวบาถึงฟลอริดา ด้วยความช่วยเหลือจาก Bonnie Stoll เพื่อนสนิทและโค้ชของเธอ นำแสดงโดยแอนเน็ตต์ เบนิงและโจดี้ ฟอสเตอร์
รีวิว Nyad ว่ายเพื่อฝัน
เรื่องราวของ Nyad ดูน่าทึ่ง แต่สิ่งที่ดึงดูดให้มารับชมน่าจะเป็น 2 นักแสดงนำที่เป็นยอดฝีมือของวงการ โดยเฉพาะโจดี้ ฟอสเตอร์ ที่แทบไม่ค่อยได้เล่นหนังอีกแล้ว โดยหนังเรื่องนี้สร้างโดย Black Bear Pictures และฉายในเทศกาลหนังวงจำกัด ก่อน Netflix ซื้อมาลงสตรีมมิ่งในตอนนี้
หนังเปิดฉากในตอนแรกด้วยช่วงรุ่งเรืองของ Diana Nyad ที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาราธอนมีชื่อเสียง และกำลังจะท้าทายตัวเองครั้งสุดท้ายด้วยการว่ายน้ำจากคิวบาถึงฟลอริดา ซึ่งยังไม่เคยมีมนุษย์คนไหนทำได้มาก่อน แต่เธอก็ยอมแพ้ทำไม่สำเร็จตอนอายุ 28 ปี ก่อนที่เรื่องจะตัดมาที่ตอนเธออายุ 60 แล้วก็เริ่มรู้สึกอยากกลับไปทำความฝันนั้นให้สำเร็จ โดยมี Bonnie Stoll ที่เป็นเพื่อนสาวคู่ชีวิตที่คอยช่วยเหลือเป็นโค้ชให้ตามที่เธอขอ แม้จะไม่มีความรู้ในเรื่องโค้ชว่ายน้ำนี้เลยก็ตาม โดยหลังจากนี้ก็จะมีตัวละครทีมผู้ช่วยเพิ่มเข้ามา อย่างกับตันเรือที่คำนวนวันเวลาว่ายน้ำให้โดยไม่มีอุปสรรค ทีมป้องกันฉลามโดยไม่ใช่กรง นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมงกะพรุน ซึ่งทั้งหมดนี้คือตัวละครที่จะร่วมเส้นทางนี้ไปตลอด
หนังใช้เวลารวมทีมช่วยเหลือยาวถึง 40 นาที ก่อนที่เธอจะเริ่มว่ายครั้งแรก ซึ่งการว่ายนี้ไม่ได้สำเร็จในครั้งเดียว แต่ใช้เวลาถึง 4 ปี กับความพยายามถึง 5 ครั้ง ซึ่งหลังจากนี้ไปหนังจะค่อยๆ เล่าเรื่องพัฒนาการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เธอทำไม่สำเร็จในรอบก่อน โดยแสดงให้เห็นเป็นฉากว่ายน้ำที่เจออุปสรรคแบบสั้นๆ ประกอบเรื่องดราม่าชีวิตจากความดื้อรั้นของเธอเองไม่เชื่อฟังทีมงาน ก่อนที่จะมีฉากการปรับจูนชีวิตของเธอกับทีมในภายหลัง และหนังก็มาโฟกัสการว่ายน้ำครั้งสุดท้ายแบบจริงจัง มีฉากอุปสรรคใหม่ที่พบเจอแม้เธอจะแก้ปัญหาหลายอย่างไปก่อนแล้ว ซึ่งหนังก็พยายามโฟกัสว่าสิ่งที่ทำให้เธอผ่านมันมาได้ก็คือ มิตรภาพจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอนั่นเอง
หนังมีเรื่องราวแทรกลงไปเล็กน้อยระหว่างที่ว่ายน้ำ เป็นฉากย้อนอดีตไปยังสมัยเด็กที่เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศจากโค้ช ซึ่งหนังก็แทรกมันลงไปเพราะเป็นเรื่องจริงที่ฝังใจเธอมาจนถึงปัจจุบันและเอาผิดเขาไม่ได้ สิ่งนี้เป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอมีแรงผลักดันในระหว่างภารกิจนี้
ด้วยคุณภาพของนักแสดงและความน่าสนใจของเรื่องจริงนี้ทำให้หนังมีเรื่องราวที่น่าติดตาม แต่ปัญหาของเรื่องเป็นความยาวของเรื่องถึง 2 ชั่วโมง โดยมีฉากยืดเยื้อมากเกินไปอย่างช่วงฟอร์มทีมตอนแรก 40 นาทีที่ค่อนข้างน่าเบื่อ และฉากว่ายน้ำของเธอก็ใน 4 ครั้งแรกก็เป็นแค่ฉากประกอบเรื่องที่ไม่ได้ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมมากนัก และยังใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง ก่อนที่หนังจะมาสนุกเอาช่วงการว่ายครั้งสุดท้ายเท่านั้น ทำให้เรื่องค่อนข้างบิ้วได้ช้าไปมากและวนเวียนกับปัญหาชีวิตมากกว่าว่ายน้ำด้วย ซึ่งผู้ชมที่คาดหวังฉากว่ายน้ำทางไกลระทึกๆ ก็คงผิดหวังด้วยเช่นกันครับ
โดยรวมเป็นหนังที่มีดารานำคุณภาพและการแสดงที่ดี สร้างจากเรื่องจริงที่น่าทึ่งมาก แต่ก็มาพลาดตรงการเล่าเรื่องที่ช้าและเสียเวลาไปมากกับช่วงดราม่าชีวิตหลายอย่าง จนทำให้ฉากว่ายน้ำทางไกลดูสนุกแค่ตอนท้ายใกล้จบแล้วเท่านั้น ซึ่งน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าผู้ชมต้องการดูประวัติที่น่าทึ่งนี้ก็ยังแนะนำให้รับชมได้อยู่ครับ