รีวิว Obliterated ปฏิบัติการเมาระเบิด แฮงค์โอเวอร์เวอร์ชั่นรวมทีมสายลับจากผู้สร้าง Cobra Kai!
Obliterated
Summary
สรุปนี่คือซีรีส์แอ็กชั่นคอมเมดี้พล็อตเรื่องแนวแฮงค์โอเวอร์รวมทีมสายลับที่ดูโง่ๆ แต่บทที่เขียนโดยทีมผู้สร้าง Cobra Kai กลับสร้างให้เนื้อเรื่องลึกซับซ้อน บทมีความฉลาดทั้งฝ่ายตัวเอกกับตัวร้ายหักมุมชิงไหวพริบเหมือนหนังสายลับดีๆ ฉากแอ็กชั่นก็ใส่มาทุกตอนในแบบที่ชวนลุ้นไปด้วยตลกไปด้วย และทุกตัวละครก็มีปมปัญหาชีวิตที่ต้องแก้ไขและแทรกมันลงไปในระหว่างทำภารกิจได้ลงตัว ทำให้ซีรีส์มีเนื้อหาหลายชั้นหลายอารมณ์ และยังกล้าเล่นกับมุกตลกที่สัปดนสุดๆๆ ติดเรตสุดๆๆ ไม่มีการเซ็นเซอร์ใดๆ อีกด้วย จุดด้อยก็มีเพียงแค่นักแสดงทั้งเรื่องเป็นเกรดรองที่ไม่ได้มีเสน่ห์เฉพาะตัวมาก แต่บทที่ดีก็ทำให้ผู้ชมต้องชอบพวกเขาได้เช่นกันครับ
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- แฮงค์โอเวอร์รวมทีมสายลับ
- บทลึกซับซ้อนหลายชั้น
- ฉากแอ็กชั่นเยอะ
- ทุกตัวละครมีปมดราม่าชีวิตที่ดี
- ตลกสัปดนติดเรตสุดๆ
- มีพากย์ไทยที่ฮามาก
Cons
- นักแสดงเกรดรองทั้งเรื่อง
Obliterated ปฏิบัติการเมาระเบิด ซีรีส์ Original Netflix แนวแอ็คชั่นคอมเมดี้ 8 ตอนจบจากผู้สร้าง Cobra Kai สร้างโดย Sony Pictures Television Studios เรื่องราวของทีมกองกำลังพิเศษยอดฝีมือที่เข้าสกัดภัยร้ายแรงในลาสเวกัสได้สำเร็จ หลังจากงานเลี้ยงฉลองที่จัดเต็มทั้งเหล้า ยา และเซ็กส์ ทุกคนถึงได้รู้ว่าระเบิดนิวเคลียร์พกพาที่กู้ได้นั้นเป็นของปลอม สมาชิกในทีมที่กำลังตกอยู่ในอาการมึนเมาจึงต้องรวบรวมสติ ก้าวข้ามปัญหาส่วนตัว ตามหาระเบิดจริง และปกป้องโลกเอาไว้ให้ได้
รีวิว Obliterated ปฏิบัติการเมาระเบิด (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์สายลับที่พล็อตเรื่องเหมือนหนังแฮงค์โอเวอร์เวอร์ชั่นรวมทีมสายลับ ซึ่งดูแล้วน่าจะออกแนวตลกสัปดนทั่วไป แถมดารานักแสดงก็เกรดรองๆ ทั้งทีม ซึ่งทำให้หน้าตาภายนอกของเรื่องนี้เข้าขั้นแย่เหมือนซีรีส์เกรดล่างของ Netflix แต่นี่คือความเข้าใจผิดเต็มเปา เพราะเนื้อหาด้านในดีเลิศจนสวนทางกับภาพลักษณ์ที่ว่ามากทั้งหมดจริงๆ ครับ
จุดดีสุดของเรื่องนี้คือบทที่เขียนลงลึกในรายละเอียดมากมาย ซึ่งนี่คือผลงานของผู้สร้าง Cobra Kai แท้จริง 3 คน Jon Hurwitz, Hayden Schlossberg และ Josh Heald มาร่วมกันสร้างกำกับและเขียนบทด้วยตัวเอง ซึ่งแม้ว่าพล็อตมันจะดูเป็นแค่หนังตลก แต่เนื้อหาภายในกลับเล่าเรื่องลงลึกในทุกแนว โดยให้ทุกตัวละครมีปมปัญหาส่วนตัวที่แตกต่างกัน อย่างเช่น การเป็นทหารเกย์ผิวดำที่ปิดบังเพื่อนไว้ ปัญหาความรักของเจ้านายกับลูกน้อง สาวเนิร์ดไอทีที่แอบหลงรักคนในทีม พ่อที่เลือกทำแต่งานแล้วละเลยลูกสาวเพียงคนเดียว และประเด็นชีวิตอื่นๆ อีกมากมายที่ซีรีส์ขยันหามายัดใส่ไว้เต็มไปหมด และก็ทำได้ดีโดยไม่มีเรื่องไหนน่าเบื่อ โดยที่แบ่งบทแบ่งเวลาให้ทุกตัวละครได้ดีเท่าๆ กัน ทุกตัวละครมีจุดเด่นจุดขายเฉพาะตัว มีเนื้อเรื่องของตัวเอง และไม่ได้แยกเล่าเนื้อหาส่วนนี้ออกจากเส้นเรื่องหลัก แต่เล่าควบคู่ไปกับภารกิจหลักการตามหาระเบิด โดยแทรกประเด็นเหล่านี้เข้าไปทีละน้อยให้เป็นอุปสรรคย่อยที่มาขัดขวางภารกิจหลักให้มีปัญหา และค่อยๆ ขยี้ปมเหล่านี้ไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุด ก่อนเคลียร์ปมในจังหวะที่เฉียดฉิวชวนลุ้นเหมือนกู้ระเบิดคู่ไปกับฉากแอ็กชั่นในเรื่องได้เลย ซึ่งเป็นงานเขียนบทที่ไม่ธรรมดามากในพล็อตเรื่องที่ดูเป็นแนวตลกไร้สาระแน่ๆ แต่กลับอัดแน่นด้วยชีวิตตัวละครที่เกินคาดไว้มากครับ
และนี่ก็ไม่ใช่หนังตลกสัปดนคนธรรมดาไปเจอเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบแฮงค์โอเวอร์ แต่เป็นแนวสายลับ CIA แอ็กชั่นที่ค่อนข้างจริงจังแบบหนังสายลับกู้โลกกันจริงๆ แต่การที่พล็อตวางไว้ให้ทุกคนเมาเหล้าเมายากันเต็มคราบ ก็อาจจะชวนสงสัยว่าจะเดินเรื่องยังไงในฉากแอ็กชั่นให้พอเชื่อได้ ซีรีส์จึงให้ตัวละครหลักๆ หัวหน้าทีมไม่ได้ถึงกับเมาจนคุมตัวเองไม่ได้ แค่เบลอๆ แต่บางคนคือหนักหน่วงมาก อย่าง นักขับเฮลิคอปเตอร์ที่กินอาหารผสมยา LSD เข้าไปโดยไม่รู้ตัวก็จะออกฤทธิ์เห็นภาพหลอนจนป่วนไปทั้งเรื่อง หรือนักกู้ระเบิดที่อัดยาหนักจนหลับสนิททำยังไงก็ไม่ตื่น ทีมงานก็ต้องแบกร่างพาไปทุกที่เพราะเขาคือคนเดียวที่จะกู้ระเบิดนี้ได้ ซึ่งตัวละครพวกนี้แหละคือสีสันหลักของเรื่อง ต่างกับตัวหลักที่ยังเป็นทีมบุกตะลุยในฉากแอ็กชั่นปกติ และก็ยืนยันเลยว่านี่คือแนวแอ็กชั่นจริงจังเพราะทุกตอนจะมีฉากแอ็กชั่นทั้งฉากต่อสู้ ยิงปืน ขับรถไล่ล่า เฮลิคอปเตอร์ยิงถล่ม หรือฉากแบบลองเทคก็ยังมีใส่โชว์มาให้ดู โดยที่ฉากเหล่านี้ก็ทำได้สนุกตื่นเต้นในระดับที่เกินกว่าจะเป็นแค่ไม้ประดับในซีรีส์อีกด้วยครับ
นอกจากนี้แล้วในส่วนของเนื้อเรื่องก็ไม่ได้เล่าแบบง่ายๆ ตามพล็อตเรื่อง มีการวางกลุ่มตัวร้ายไว้หลายฝ่าย ไม่ใช่แค่ตัวร้ายรัสเซียที่มีระเบิด แต่มีผู้ซื้อที่ต้องการระเบิดนี้เช่นกัน กลายเป็นสงครามของแก๊งเหล่านี้ที่วางแผนช่วงชิงระเบิดมาไว้กับตัว พร้อมกลยุทธ์ของฝ่ายพระเอกกับตัวร้ายที่ฉลาดตามทันกันตลอด มีจุดหักมุมที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องลึกซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก
ในส่วนของฉากตลกในเรื่องนี้คือจัดเต็มมาก ทั้งในบทสนทนาที่พ่นคำหยาบทั้งจงใจทั้งหลุดปากกันตลอดเรื่อง (พากย์ไทยฮากว่าซับ) สถานการณ์ในเรื่องก็ชวนตลกโปกฮาอยู่เสมอ อย่างอูฐที่เช่ามาร่วมปาร์ตี้แต่กลับได้ซีนที่ฮาทุกครั้งเมื่อมันปรากฎตัว ไอ้หนุ่มผิวดำที่หิวโหยแต่ไม่ได้กินอาการสักทีตลอดทั้งเรื่อง หรืออาการเมายาของตัวละครที่สร้างภาพหลอนเป็นปีศาจตัวน้อยคอยป่วนสมอง ตัวละครที่หลับแทบทั้งเรื่องก็ยังสร้างมุกตลกได้ไม่หยุดหย่อน อย่างการนอนตดจนขี้แตกคารถที่ทำเอาวงแตก แต่ที่หลุดโลกสุดๆ คือพวกมุกเล่นกับอวัยวะเพศชายที่เรื่องนี้ขยันหยิบมาเล่นตลอด ซึ่งมีฉากให้เห็นชัดๆ หลายครั้ง ที่ฮาสุดคือฉากทรมานจู๋โดยใช้แท่งเหล็กเสียบเข้าไปให้เห็นจะๆ โดยไม่มีการเซ็นเซอร์ใดๆ เลยในเรื่องนี้ รวมถึงหน้าอกตัวละครหญิงที่เผยให้เห็นกันทุกคนไม่มีปิดบังอีกด้วย
จุดด้อยของเรื่องก็คงเป็นที่นักแสดงในเรื่องไม่ได้เด่นดังมีเอกลักษณะพอ แม้บทจะดีมาก การแสดงก็ดีทุกตัวละคร แต่ว่าทุกคนเป็นนักแสดงเกรดรองๆ มารวมกัน อย่างพระเอก Nick Zano ที่เล่นเป็นทหารหัวหน้าทีมก็รูปร่างหน้าตาคล้าย คริส เฮมสวอร์ธ จนเหมือนตั้งใจให้คนเข้าใจผิด หรือนางเอก Shelley Hennig ที่ดูสวยเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ใช่นักแสดงที่มีเสน่ห์มากพอ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีนักแสดงที่น่าจะเด่นแจ้งเกิดได้อย่าง Alyson Gorske ในบทสาวรัสเซียแสนสวยที่ขโมยซีนได้จากรูปร่างหน้าตาและบทบาทสำคัญหลายครั้งในเรื่องนี้ที่จงใจให้เธอเด่นเกินหน้าตัวเอกทั้งทีมเลยด้วยซ้ำครับ
สรุปนี่คือซีรีส์แอ็กชั่นคอมเมดี้พล็อตเรื่องแนวแฮงค์โอเวอร์รวมทีมสายลับที่ดูโง่ๆ แต่บทที่เขียนโดยทีมผู้สร้าง Cobra Kai กลับสร้างให้เนื้อเรื่องลึกซับซ้อน บทมีความฉลาดทั้งฝ่ายตัวเอกกับตัวร้ายหักมุมชิงไหวพริบเหมือนหนังสายลับดีๆ ฉากแอ็กชั่นก็ใส่มาทุกตอนในแบบที่ชวนลุ้นไปด้วยตลกไปด้วย และทุกตัวละครก็มีปมปัญหาชีวิตที่ต้องแก้ไขและแทรกมันลงไปในระหว่างทำภารกิจได้ลงตัว ทำให้ซีรีส์มีเนื้อหาหลายชั้นหลายอารมณ์ และยังกล้าเล่นกับมุกตลกที่สัปดนสุดๆๆ ติดเรตสุดๆๆ ไม่มีการเซ็นเซอร์ใดๆ อีกด้วย จุดด้อยก็มีเพียงแค่นักแสดงทั้งเรื่องเป็นเกรดรองที่ไม่ได้มีเสน่ห์เฉพาะตัวมาก แต่บทที่ดีก็ทำให้ผู้ชมต้องชอบพวกเขาได้เช่นกันครับ