playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Officer Black Belt (Netflix) ดูเอาเพลินชิลๆ สนุกได้ แต่บทดูมักง่ายหลายอย่าง

Officer Black Belt 

Summary

หนังขายภาพการทำงานของผู้คุมประพฤตินักโทษที่ติดกำไล EM ที่ทำให้ผู้ชมได้รู้เบื้องหลังมากขึ้นได้ดี มีฉากแอ็กชั่นเป็นน้ำจิ้มประกอบกับดราม่าคดีในแต่ละเคสนิดๆ ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรหนังก็ดูสนุกได้ แต่ว่าหนังกลับมีปัญหาในตัวบทที่เขียนออกมาแบบมักง่ายหลายอย่าง แม้จะอ้างว่าเป็นแนวปนตลกก็ยังต้องตั้งคำถามกับความไม่สมเหตุผลที่อิงกับข้อเท็จจริงในสายงานนี้อยู่ดี ซึ่งนี่เป็นจุดที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนังสตรีมมิ่งธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้นครับ 

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ชีวิตการทำงานของผู้คุมประพฤตินักโทษที่ติดกำไล EM
  • ฉากแอ็กชั่นลุยเดี่ยว
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทเขียนแบบมักง่ายหลายอย่าง

Officer Black Belt เจ้าหน้าที่สายดำ ภาพยนตร์ Original Netflix แนวแอ็กชั่นคอมเมดี้จากเกาหลี มีพากย์ไทย เด็กหนุ่มผู้เก่งศิลปะการต่อสู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อความสนุกไม่ได้มีเป้าหมายใดๆ ในชีวิต เขาได้โอกาสรับงานเจ้าหน้าที่สายดำหรือก็คือเจ้าหน้าที่คุมประพฤตินักโทษที่ติดกำไล EM ทำให้เขาได้ค้นพบเส้นทางชีวิตใหม่ที่สนุกและช่วยสังคมได้ไปพร้อมกัน

 

หนังเกาหลีที่เหมือนจะเป็นแนวดุเดือดเลือดพล่าน แต่จริงๆ มันคือหนังที่พยายามฉายภาพการทำงานของอาชีพผู้คุมประพฤตินักโทษที่ติดกำไล EM มากกว่า ซึ่งในหนังบอกว่ามีจำนวนนักโทษแบบนี้ราวๆ 5 พันคนและขาดเจ้าหน้าที่ดูแลให้เพียงพอ โดยเปิดโอกาสให้คนธรรมดาก็สามารถสมัครเข้ามาได้ง่ายๆ เพียงแค่มีสกิลศิลปะการต่อสู้ตามที่รับรองไว้ก็พอ เรื่องราวก็ให้พระเอกเข้ามาทำงานได้ง่ายๆ จากเด็กส่งไก่ทอดให้พ่อกับเล่นเกมไปกับกลุ่มเพื่อนไปวันๆ วิชาการต่อสู้ก็ฝึกเพื่อแค่เอาสนุกเท่านั้น แต่พอได้โอกาสรับงานนี้ก็กลายเป็นต้องเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานในอาชีพนี้ โดยจับคู่กับหัวหน้ารุ่นพี่ที่ขาพิการที่เป็นสายเจรจามากกว่าลุย 

หนังทำให้รู้ภาพรวมขั้นตอนการทำงานในด้านนี้ได้ดี อย่างการมอนิเตอร์เป้าหมายทำยังไงผ่านแบตเตอร์รี่ในกำไล EM ที่พอลดเหลือ 30% พนักงานต้องโทรแจ้งให้ชาร์จ ถ้าไม่ชาร์จก็จะมีขั้นตอนต่อไปคือการไปหาถึงบ้าน ซึ่งก็มีการเตรียมชุดชุดป้องกันอันตรายจากมีด มีอาวุธให้ใช้คือ กระบองตำรวจกับเครื่องช็อตไฟฟ้า ซึ่งก็มีขอบเขตว่าใช้ได้ตอนไหน แล้วพอจบเคสร้ายแรงก็มีการได้ใบประกาศขอบคุณจากทางราชการทุกครั้ง ซึ่งหนังสร้างความรู้สึกแง่บวกมากๆ ดูเป็นงานเพื่อประโยชน์ของสังคมที่เสียสละทุ่มเทกันสุดตัว จนดูไปแล้วก็แอบคิดว่าหนังเรื่องนี้จะได้ทุนของหน่วยงานรัฐเกาหลีมาทำหรือเปล่านะ (แต่จริงๆ ก็คงแค่ทุนเน็ตฟลิกซ์แหละ) 

 

และแน่นอนว่าพอเป็นเกาหลีก็จะพยายามบิ้วให้แต่ละเคสที่ตัวเอกไปเจอต้องมีบทดราม่าลึกๆ ประกอบ อย่างนักโทษที่ออกมาแล้วโดนเหยียดหยามจากการติดกำไลจนสังคมไม่ยอมรับแล้วคิดก่อคดีซ้ำไปอีก หรือคนร้ายที่ก่อคดีข่มขืนเด็กมาต่อเนื่อง แต่กลับได้รับการปล่อยตัวออกมาจนทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นหวาดกลัว มีแง่มุมของเหยื่อที่แม้ตัวเอกจะช่วยได้ทัน แต่ก็ต้องอยู่กับความหวาดกลัวนั้นตลอดไป หนังพยายามใส่พวกนี้มาประกอบเรื่องตลอดให้ผู้ชมได้รับรู้แง่มุมต่างๆ ของสังคมกับผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งแง่บวกและลบจากเรื่องกำไล EM นี้ ซึ่งก็เป็นจุดที่ดีและคงไม่ต่างอะไรกับที่ประเทศอื่นต้องเจอเช่นกัน

Officer Black Belt เจ้าหน้าที่สายดำ รีวิว Netflixหนังเล่าเรื่องให้มีเคสที่พระเอกต้องได้โอกาสใช้วิชาต่อสู้กับตามไล่จับคนร้ายเป็นระยะๆ แต่ส่วนใหญ่คือแค่เป็นการตามจับเตะต่อยสั้นๆ เป็นน้ำจิ้มเท่านั้น เพราะพวกนี้ก็คือโทษคดีไม่ร้ายแรง มีช่วงหลังที่เป็นเคสใหญ่นักโทษข่มขืนเด็กต่อเนื่องที่ติดคุก 20 ปีแล้วโดนปล่อยออกมา เรื่องก็ผันตัวไปเป็นหนังแอ็กชั่นบู๊เต็มตัว ด้วยการให้พระเอกต้องเจอพวกนักเลงขี้ยามารุมกินโต๊ะติดๆ กัน ซึ่งหนังก็ใส่ฉากสู้จนตรอกให้มันส์ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พระเอกเก่งจนปราบได้หมด ยังมีได้รับบทเรียนเจ็บเกือบตายไปด้วย ซึ่งเรื่องก็มีตัวช่วยเสริมคือกลุ่มเพื่อนที่มีคนหนึ่งใช้โดรนช่วยติดตามคนร้ายกับบอกเส้นทางให้พระเอกจนเป็นบทเด่นกองกำลังสำคัญหลักในเรื่องนี้เลย

โดยรวมๆ ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรหนังก็ดูสนุกได้แบบชิลๆ แถมยังขายพระเอกคิมอูบินหล่อๆ ได้ตลอดเวลา  แต่ถ้ามองในมุมที่หนังต้องการพรีเซนต์เรื่องราวอาชีพนี้จริงๆ หนังกลับเขียนบทที่ดูมักง่ายและมีปัญหาหลายอย่างมาก อย่างการทำให้คนร้ายที่ติดกำไลก่อคดีซ้ำได้ง่ายมาก แค่วันแรกที่พระเอกทำงานแทนที่จะได้พบกับความน่าเบื่อที่ต้องนั่งมอนิเตอร์หน้าคอม แต่ได้บทไปบู๊ทันที แล้วงานก็มีแต่ช่วงบู๊ไม่มีพักจนเหมือนเจ้าหน้าที่นี้เกือบจะเป็นตำรวจจับผู้ร้ายมากกว่าผู้คุมประพฤติซะอีก ซึ่งการติดกำไล EM ต้องมีการประเมินหลายอย่างก่อนแล้วว่าคนนั้นจะไม่เสี่ยงก่อคดีอีก แต่หนังทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ติดกำไลกลายเป็นอาชญากรร้ายก่อคดีซ้ำๆ น่ากลัวเพิ่มไปอีก

 

ในช่วงหลังที่ตัวเอกต้องบู๊ระห่ำก็ดูเกินจริงไป เมื่อเขาพึ่งบาดเจ็บเจียนตายมาสดๆ แผลก็ไม่น่าจะหายดีขนาดออกไปบู๊ได้ขนาดนั้น แต่เอาว่าจุดนี้มองข้ามผ่านไปได้เพื่อความสนุก แต่การที่ตัวเอกติดตามจนเจอคนร้ายโทษอุกฉกรรจ์ที่หลบหนีแล้วไปกบดานกินเหล้าอยู่กับแก๊งขี้เมา แต่เลือกไม่แจ้งตำรวจแล้วลุยคนเดียวจนเกือบตาย เพื่อนๆ ก็ดูอยู่ผ่านกล้องของโดรนก็ไม่มีใครคิดจะแจ้งตำรวจหรือหาคนมาช่วย หนังทิ้งเหตุผลทุกอย่างเพียงเพื่อจะขายฉากแอ็กชั่นจนดูเฟคมากๆ ครับ 

 

สรุป หนังขายภาพการทำงานของผู้คุมประพฤตินักโทษที่ติดกำไล EM ที่ทำให้ผู้ชมได้รู้เบื้องหลังมากขึ้นได้ดี มีฉากแอ็กชั่นเป็นน้ำจิ้มประกอบกับดราม่าคดีในแต่ละเคสนิดๆ ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรหนังก็ดูสนุกได้ แต่ว่าหนังกลับมีปัญหาในตัวบทที่เขียนออกมาแบบมักง่ายหลายอย่าง แม้จะอ้างว่าเป็นแนวปนตลกก็ยังต้องตั้งคำถามกับความไม่สมเหตุผลที่อิงกับข้อเท็จจริงในสายงานนี้อยู่ดี ซึ่งนี่เป็นจุดที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนังสตรีมมิ่งธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้นครับ

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!