รีวิว Once Upon a Time… But Not Anymore นิทานเพลงแฟนตาซีแบบกาวๆ คาวความสัปดน
Once Upon a Time... But Not Anymore
สรุป
ซีรีส์ขนาดสั้น 6 ตอนจบ ตอนละ 20 กว่านาทีที่เต็มไปด้วยความกาว+ฮา+สัปดน จากแนวเรื่องนิทานแฟนตาซีสมัยใหม่ผสมละครเพลง ซึ่งอาจจะเป็นส่วนผสมที่แปลกหน่อย ถึงจะไม่ชอบแนวเพลง แต่ก็รับรองความขำก๊ากตั้งแต่แรกได้แน่ๆ แต่คนดูต้องเป็นพวกดูอะไรกาวๆ ได้เท่านั้น
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- แนวละครเพลงแฟนตาซีบอกเล่านิทานสมัยใหม่
- เต็มไปด้วยความกาว+ฮา
- ตัวนิทานสัปดนมากพอดูเลย
- เพลงมีแปลเนื้อร้องครบเข้าใจได้
- CG ทุนต่ำแต่ดูโอเคเลย
- โลเกชั่นเมืองเก่าๆ ที่แปลกตาดี
Cons
- พระเอกของเรื่องบทราบเรียบไร้มิติ วันๆ เอาแต่คลั่งรักมากไปหน่อย
- ฉากร้องเพลงกับเต้นบางครั้งดูธรรมดาๆ มากไป
- นักแสดงไม่ได้ร้องเองเป็นลิปซิ้งทั้งหมด
Once Upon a Time… But Not Anymore กาลครั้งหนึ่ง…มีรักไม่สมหวัง ซีรีส์แนวละครเพลงแฟนตาซีปนตลก จาก Netflix สเปน เรื่องราวของนิทานยุคใหม่เมืองที่ไม่เคยมีความรักเพราะคำสาปจากอดีตกาล จนกว่าจะมีคู่รักตามตำนานกลับชาติมาเกิดใหม่เพื่อแก้ไขอาถรรพ์ที่ปกคลุมเมืองนี้
ตัวอย่าง Once Upon a Time… But Not Anymore
เรื่องย่อ
เมืองเล็กๆ ของสเปนที่มีตำนานเรื่องเล่าว่ามีคำสาปจากแม่มดทำให้ไม่มีใครสามารถมีรักหรือสมหวังในรักได้ จนวันหนึ่งทุกอย่างในอดีตกลับมาครบวงจรในการแก้แก้คำสาปได้ ซึ่งก็ต้องให้คู่รักในตำนานช่วยนำมังกรน้ำตัวเล็กไปปล่อยในคืนพระจันทร์สีชมพูที่ 7 ปีมีครั้ง แต่กลายเป็นว่าใครคือคู่รักในตำนานนั้นตัวจริง เมื่อทั้งเมืองไม่มีใครมีความรักเกิดขึ้นได้มานานแล้ว
รีวิว
ซีรีส์เรื่องนี้จากหน้าตาภายนอกดูเหมือนแนวทุนต่ำเชยๆ ออกไปทางละครเวทีเสียด้วยซ้ำ แต่พอได้ดูจริงๆ กลับพบว่าเป็นซีรีส์ที่ตั้งใจทำมากกว่าที่คิด ด้วยการบอกเล่าตำนานนิทานแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยเรื่องตลกสัปดน แถมยังเต็มไปด้วยความทันสมัยหัวก้าวหน้ากว่าภาพหน้าตาเชยๆ ที่เห็นในตอนแรกมากมายจริงๆ
ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์แนวละครเพลง แถมยังเป็นเพลงสเปนอีก คนไทยเองก็คงไม่อยากจะกดดูเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะไม่น่าจะอินอะไรได้ แต่อยากให้ลองแง้มเปิดใจดูสักนิด เพลงในเรื่องเราอาจจะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ท่วงทำนองเพลงถือว่าไพเราะเลยทีเดียว แล้วทางเน็ตฟลิกซ์ก็แปลเนื้อเพลงทุกท่อนได้ครบไม่ตกหล่นด้วยภาษาที่เหมือนเนื้อเพลงจริงๆ ซึ่งส่วนนี้ถ้าใครติดใจว่าไม่รู้เรื่องขอให้ข้ามไปเลย เพราะเอาจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่แนวละครเพลงร้องไปเรื่อยทุกฉาก (เป็นลิปซิ้งไม่ใช่นักแสดงร้องเอง) แต่แค่แทรกมาบางฉากไม่ถือว่าเยอะมาก แล้วก็ค่อนข้างจัดวางท่าทางการร้องการเต้น มีแดนเซอร์ทีมเต้นมาประกอบโดยใช้ตัวละครในเมืองในเหตุการณ์นั้นเองมาร่วมเลย ก็คล้ายๆ พวกหนังอินเดียทั่วไป ถ้าไม่ได้ติดใจอะไรตรงนี้ถือว่าเรื่องนี้ก็ทำได้ดีพอตัวเลยทีเดียว แต่แค่ยังไม่ถึงกับว้าวในฉากเต้นร้องเพลงมากนักเท่านั้น
แต่ทีเด็ดของเรื่องจริงๆ คือการเล่าเรื่องนิทานจากยุโบราณมาปัจจุบันมากกว่า ตัวเรื่องมีทั้งหมด 6 ตอน ตอนเริ่มทุกตอนจะเป็นตำนานคำสาปความรักที่เริ่มจากชาวประมงไปหลงรักเจ้าหญิง แล้วแม่มดมาช่วยให้ความรักสมหวังด้วยการใช้มังกรน้ำตัวเล็กๆ มาเป็นตัวสำคัญของเรื่อง ซึ่งตัวตำนานตรงนี้จะเป็นการเล่าแฟลชแบ็ค 6 ตอนควบคู่ไปกับเหตุการณ์ปัจจุบัน โดยค่อยๆ เฉลยว่าเรื่องจริงๆ เป็นยังไงในตำนานที่ตอนแรกเรารู้แค่คร่าวๆ ที่แท้จริงแล้วมีเรื่องลึกซับซ้อนกว่าที่เห็นมากพอสมควร ซึ่งตัวตำนานตรงนี้ก็ไม่ได้เล่าแบบเทพนิยายสวยหรูเลย แต่เป็นแนวติดเรต 18+ เต็มไปด้วยมุกสัปดนแบบที่เปิดมาตอนแรกรับรองว่าขำก๊ากติดกันแน่ๆ (อย่างเจ้าหญิงพกถุงยางไซส์บิ๊ก) แม้ว่าหลังๆ เรื่องจะตลกน้อยกว่าตอนแรกเพราะเริ่มจริงจัง แต่โทนเรื่องในนิทานก็ยังเป็นแนวตลกสัปดนกวนๆ อยู่ดี
ในส่วนปัจจุบันเรื่องราวตัดมาหลายร้อยปีต่อมาที่คำสาปห้ามใครในเมืองมีความรักยังคงอยู่ แต่กลายเป็นคนในเมืองที่เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็นำเรื่องเล่านี้มาขายเป็นทัวร์หากินซะเลย แถมมีทัวร์จีนมาลงด้วย เรียกว่าเรื่องครีเอทความฮาก๊ากได้มากพอสมควรเลย แล้วก็ยังเต็มไปด้วยความกาวมากหลายอย่าง โดยยังติดสัปดนมาหน่อยๆ เพราะพระเอกเป็นผู้ชายขายตัวประจำเมือง แต่ตรงนี้เรื่องไม่ได้ถูกเน้นมากเท่าไหร่แล้ว เพราะเมนหลักคือการที่ตัวเอกในอดีตต่างกลับชาติมาเกิดเจอกัน แล้วก็ต้องพยายามทำลายคำสาปนี้ให้ได้ โดยที่เป็นเรื่องราวสับสนอลเวงกันหลายคู่มากมาย และก็แอบมีเซอร์ไพรซ์นิดๆ ว่าใครเป็นเจ้าหญิงตัวจริงกันแน่ เพราะนิทานที่เราดูตอนต้นทุกตอนจะแสดงโดยเพื่อนสาวของพระเอกในปัจจุบันที่ดูไม่ได้รักอะไรกันเลยกับพระเอก แต่คนที่ถูกคิดว่าเป็นเจ้าหญิงกลับชาติมาเกิดกลับเป็นสาวสวยผิวดำที่พึ่งมาพักที่โรงแรมในเมืองนี้พร้อมแฟน แต่กลายเป็นว่าชาวเมืองทั้งหลายมองว่าเธอเป็นเจ้าหญิงกลับชาติมาเกิดแน่ๆ เพราะหน้าเหมือนภาพวาดที่ตกทอดมาในอดีต ซึ่งตรงนี้เรื่องราวจะค่อยๆ เฉลยออกมาผ่านนิทานตอนต้นว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับตอนจบของนิทานนั้น
สิ่งที่เรื่องนี้แอบทำดีนิดๆ คือตัว CG มังกรน้ำจิ๋วที่เป็นของแปลกประจำเมืองไว้หากินดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชม ตัวมันเองมีบทค่อนข้างมากในหลายฉาก เพราะเป็นสัตว์ที่จะคลายอาถรรพ์ของเมืองได้ถ้าถูกนำไปปล่อยโดยคู่รักในตำนานที่กลับชาติมาเกิด แต่กลายเป็นว่ามีทั้งคนอยากปล่อยและไม่อยากปล่อย เพื่อหาประโยชน์จากมัน ซึ่งตัวมังกรนี้ก็เลยมีบทออกมาหลายครั้ง ซึ่ง CG ที่ออกมานั้นค่อนข้างดีเลย แม้จะดูไม่ได้ยากก็ตามแต่ทีมงานถือว่าใส่ใจ ทำออกมาน่ารักแล้วก็เนียนพอไม่ดูหลอกตาอะไร นอกจากนี้ในเรื่องก็ยังมีพวกฉากย้อนยุคตามนิทานมีแม่มดยิงพลังต่อสู้กันอะไรพวกนี้ รวมถึงพวกฉากประกอบเพลง ซึ่งต้องใช้ CG ช่วยเสริมอยู่ตลอด ซีรีส์ทำออกมาใช้ได้เลยแม้จะดูทุนต่ำอยู่บ้างก็ตาม
จุดที่เรื่องนี้อาจจะดูด้อยบ้างก็คือพวกบทความรักแบบน้ำเน่ามากไปหน่อยของพระเอก คือตัวเรื่องพยายามทำให้ทั้งเรื่องดูทันสมัย มีตัวละครหญิงหัวก้าวหน้าอยู่เต็มเรื่อง โดยเฉพาะนางเอกสองคนที่มีดีต่างกัน แต่ตัวพระเอกเองกลับวนๆ อยู่บทคลั่งรักราบเรียบมิติเดียว จนเป็นตัวละครที่ดูโง่ๆ ไม่ได้มีเสน่ห์กับเรื่องเท่ากับนางเอกทั้งสองคนที่ดูดีกว่ามาก เรียกว่าเอาจริงๆ คนไม่ดูพระเอกเลยก็ได้เพราะบทแบนราบเรียบไม่น่าสนใจตั้งแต่ต้นจนจบเลย ดูแล้วน่ารำคาญอีกต่างหาก ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมากเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นๆ ในเรื่องทั้งหมดที่ค่อนข้างมีสีสันกว่ามาก
สรุป Once Upon a Time… But Not Anymore สนุกและดีไหม
เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกเพลินๆ ตอนละไม่ถึง 30 นาที แต่ด้วยความที่เรื่องค่อนข้างกาว+สัปดนสุดๆ ก็อาจจะต้องเฉพาะคนที่ชอบแนวนี้เท่านั้นครับ