playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวสารคดี Operation Varsity Blues ฉลาดเกมส์โกงโควต้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา

Operation Varsity Blues

สรุป

หนังสารคดีความยาวชั่วโมงครึ่งที่เปิดเผยคดีดังใหญ่สุดของอเมริกาที่เกี่ยวกับการยัดโควต้าเข้ากลุ่มมหาวิทยาลัยไอวี่ลีก ที่ไม่ต่างอะไรกับแปะเจี๊ยะในบ้านเราเลย แต่ค่านิยมเข้า ม.ดังของอเมริกาดูจะส่งผลรุนแรงกว่าบ้านเรามาก จนกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่กฎหมายก็ยังเอื้อมมือไปไม่ถึงทั้งหมด

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • เป็นหนังสารคดีจำลองเรื่องราวด้วยนักแสดงแทนตัวจริงแทบทั้งหมด
  • บทสนทนาในเรื่องถอดมาจากการดักฟังของจริง
  • กลโกงเข้ามหาวิทยาลัยที่แนบเนียนกว่ายัดเงินแปะเจี๊ยะตรงๆ
  • ขนาดของคดีใหญ่โตมากมายเกี่ยวข้องกับคนดังรวยๆ ในอเมริกาหลายคน

Cons

  • แทบทั้งเรื่องคือฉากสนทนาผ่านโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว
  • คดียังไม่จบและตัวการใหญ่สุดยังไม่ถูกตัดสิน ทำให้หนังไม่ได้จบสมบูรณ์นัก

 

 

ADBRO

Operation Varsity Blues เกมโกงมหาวิทยาลัยในฝัน หนังสารคดี Netflix ที่จำลองเรื่องราวมาจากคดีดัง ปฏิบัติการวาร์ซิตี้บลู เกี่ยวกับธุรกิจแนะแนวสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกากลุ่มไอวีลีก ที่นำมาสู่เบื้องหลังการโกงโควต้าเข้าเรียนสีเทาๆ

 Operation Varsity Blues: The College Admissions Scandal (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Operation Varsity Blues เกมโกงมหาวิทยาลัยในฝัน

ไอวีลีก (Ivy-Leagues) คือชื่อของกลุ่มการแข่งขันกีฬาของมหาวิทยาลัยเอกชนเก่าแก่ 8 แห่งที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งได้เริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มไอวีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ไอวีคือเถาไม้เลื้อยที่นิยมปลูกเกาะคลุมผนังด้านนอกของตึกเรียนเก่าแก่ของมหาวิทยาลัย มีสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม (ที่มา วิกิพีเดีย)

สารคดีเรื่องนี้คือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับไอวีลีกโดยตรง แม้คดีนี้เป็นเรื่องการติดสินบน ยัดเด็กเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ แบบที่บ้านเราก็มีที่เรียกว่าแป๊ะเจี๊ยะ ซึ่งในระหว่างที่หนังสารคดีเรื่องนี้ฉายคดีก็ยังไม่ถึงจุดจบโดยสมบูรณ์ แม้จะมีการตัดสินคนผิดไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ตัวใหญ่สุด ริค ซิงเกอร์ ก็ยังไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษ เพราะความที่คดีใหญ่โตพัวพันกับคนรวยชนชั้นสูงในอเมริกามากมายถึง 50 คน (ในตอนนี้) ซึ่งถือว่ามากที่สุดที่อเมริกาเคยมีคดีแบบนี้มาเลย เรื่องราวในสารคดีนี้จึงเลือกหยิบตัวละครมาส่วนหนึ่งที่ถูกตัดสินและขึ้นศาลแล้วมาทำเป็นหนังสารคดีที่ใช้ตัวแสดงแทน ร่วมกับการตัดฉากไปที่ตัวจริงที่ยอมให้ความร่วมมือทำสารคดีชุดนี้ครับ ซึ่งบางครั้งตัวจริงก็มาร่วมเล่นด้วยในบางฉากเหมือนกัน

Matthew Modine นักแสดงที่เล่นเป็น ริค ซิงเกอร์ ได้เหมือนตัวจริงมาก

สำหรับเรื่องนี้มีเครดิตดีมากจากผู้สร้างคือ Chris Smith จากผลงานชิ้นก่อน Tiger King ที่ดังสะเทือนอเมริกามาก (จริงๆ ดังทั่วโลกเลยยกเว้นที่ไทย อ่านรีวิวคลิกที่นี่ ไทเกอร์คิง เปิดโปงราชาเสือสุดเพี้ยนแห่งอเมริกา) ซึ่งรอบก่อนก็เป็นคดีใหญ่โตแบบไม่เคยมีมาก่อนเหมือนกัน ซึ่งคราวนี้ก็มาจากคดีในชื่อเดียวกับชื่อเรื่อง Operation Varsity Blues ปฏิบัติการวาร์ซิตี้บลู ที่ตั้งชื่อโดย FBI ที่ทำคดีนี้ และได้หลักฐานมาจากการดักฟังโทรศัพท์ แบบถูกกฎหมายที่มีเฉลยในตอนหลัง จนมาเป็นบทสนทนาโดยละเอียดของ ริค ซิงเกอร์ เจ้าของบริษัทให้คำปรึกษาการเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่โทรไปหาลูกค้าพ่อแม่เด็กรวยทั้งหลายที่ฝันอยากให้ลูกได้เรียนในมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวีลีก ซึ่งเป็นค่านิยมเอาไว้อัพสถานะครอบครัว การงานของตัวเองและลูกๆ ต่อไปได้ด้วย ซึ่งสารคดีจะแสดงให้เห็นที่มาของแรงจูงใจการเข้าไอวีลีกว่ามาจากไหน ยิ่งเข้ายากยิ่งดูดี ค่าบริการของริคที่เรียกกับพ่อแม่เหล่านี้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งกลุ่มไอวีลีกเองก็มีการแข่งขันจัดอันดับกันตลอด มีขึ้นมีลงเป็นเหมือนหุ้นเพื่อหารายได้จากอันดับนี้ไปในตัว

หนังนำเสนอเรื่องราวในช่วงแรกให้เห็นภาพรวมของกระแสไอวีลีกที่เด็กพยายามเข้ามหาวิทยาลัยเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีกระทั่งคลิปรีแอ็กชั่นฟังผลสอบ และการอวดแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของมหาวิทยาลัยดัง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวกระตุ้นให้เด็กรู้สึกว่าต้องเข้าให้ได้ ถ้าไม่ได้คือชีวิตหมดความหมาย จนถึงขั้นท้อแท้ฆ่าตัวตายได้ บวกกับพ่อแม่ที่มีค่านิยมอวดลูก คิดแทนลูก ไม่อยากให้ลูกเจ็บปวด จึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เข้าไอวีลีก แม้กระทั่งบางคนที่เป็นทนายเองก็ยังยอมมาใช้บริการของริค แต่ทั้งหมดนี้คือตัวเด็กไม่ได้รับรู้ด้วย และพ่อแม่เองก็แอบทำกับริคแบบเงียบๆ ซึ่งบริการของริคถูกเรียกว่า ประตูข้าง ที่มาจากเรื่องราวที่รู้กันอยู่แล้วว่า มหาวิทยาลัยเปิดรับบริจาคด้วยเงินมหาศาลเพื่อให้เข้าเรียนได้เลยไม่ต้องสอบ การสอบเข้าคือประตูหน้า บริจาคคือประตูหลัง บริการของริคคือ ประตูข้าง ที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเป็นร้อยเท่า ในสารคดีริคบอกว่าเข้าดังๆ อย่างฮาวาร์ดต้องจ่ายเป็นสิบล้านเหรียญ แต่ก็มีคนยอมจ่าย แต่บริการของเขาจ่ายแค่หลักแสนก็เข้าได้เหมือนกัน

กลโกงโดยการดีลกับโค้ชกีฬาในไอวีลีก

ซึ่งกลวิธีของริค (บางส่วน) ที่สารคดีนำมาเปิดเผยคือ การติดสินบนโค้ชทีมกีฬาเพื่อหาทางยัดโควต้านักกีฬาปลอมลงไป โดยเลือกกีฬาที่ไม่ได้เป็นจุดเด่นเป็นที่จับตา อย่าง แข่งม้า พายเรือ แต่ไอวีลีคมีการแข่งขันกีฬาพวกนี้ในกลุ่มไว้เพื่อหาสปอนเซอร์เอาเงินเข้ามหาวิทยาลัย และอีกอย่างคือการปลอมแปลงประวัติเด็กว่ามีความผิดปกติทางสมอง อ่านช้า คิดช้า เพื่อโกงคะแนนวัดระดับก่อนเข้ามหาวิทยาลัย โดยเด็กพวกนี้จะถูกจัดสอบพิเศษให้มีเวลามากกว่าเด็กปกติ และถูกจัดสอบในห้องพิเศษ ซึ่งตัวเด็กเองก็ไม่รู้ว่าถูกพ่อแม่หลอกมาสอบผ่านกลโกงของริคที่ร่วมมือกับหลายคนจนเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ มีเงินไหลเข้ามามากมาย โดยมีริคเป็นคนคุมบงการสั่งงานทั้งหมดตลอดเวลาไม่มีหยุด และก็ทำมานานแล้วเกิน 20 ปีไม่มีใครจับได้ แต่ที่พลาดและโดนเปิดโปงได้ก็ไม่ใช่มาจากริค แต่เป็นคดีอื่นที่ถูกตรวจสอบและเชื่อมโยงกลับมายังริค จนทำให้จนมุมในที่สุด ซึ่งก็คือเรื่องในช่วงหลังที่ริคเองกลายเป็นนกต่อของ FBI ย้อนกลับไปล่อลูกค้าในอดีตให้กลับมารับโทษให้ได้ ผ่านการตกลงกับ FBI ที่ในสารคดีเองก็ยังไม่ทราบว่าจะออกมายังไง เพราะคดีของริคเองยังไม่สิ้นสุดในเวลาอันสั้นนี้แน่ๆ (ในเรื่องพึ่งเอาผิดได้ไม่ถึง 10 คนจากเกือบ 50 คนในตอนนี้)

ริค ซิงเกอร์ ตัวจริง

ตัวหนังดูสนุกด้วยการแสดงของนักแสดง Matthew Modine ที่มาเล่นเป็นริคทั้งเรื่อง กับบทอาชญากรรจอมวางแผน ผ่านสกิลเจรจาหลอกล่อขั้นสุดยอด ซึ่งคัดตัวแสดงมาได้เหมือนตัวจริงมาก แต่แทบทั้งเรื่องคือบทพูดผ่านโทรศัพท์ทั้งนั้น ซึ่งก็อาจจะไม่มีอะไรหวือหวามากแบบคดีอาชญากรรมอื่นๆ แต่หนังก็มีรายละเอียดชีวิตส่วนตัวของริคอย่าง การใช้บริการเว็บหาคู่ไปเดตกับสาว (ริคเป็นพ่อหม้ายลูก 1 คน) กับการออกกำลังกายนิดหน่อย นอกจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยทั้งเรื่อง ตลอดชั่วโมงครึ่ง แต่รับรองว่าไม่น่าเบื่อ เพราะบทสนทนาที่ถอดมาจากของจริง ถึงความคิดของพ่อแม่ที่พยายามก่ออาชญากรรมช่วยลูกแบบผิดๆ และพยายามไม่ให้ลูกจับได้ไปพร้อมกัน

ก่อนที่สารคดีจะจบก็วกย้อนกลับไปต้นตอปัญหาที่เกิดจากช่องทางประตูหลังที่ไอวีลีคเปิดไว้นั่นเอง ซึ่งถ้ามีช่องที่ยัดเงินเข้าได้ มันก็คือการโกงแบบสร้างความชอบธรรมที่เงินมีค่ามากกว่าความสามารถจริงๆ อย่างที่นักเรียนทุกคนหวังไว้ และพยายามทำให้ได้ แต่ในความจริงนี่คือช่องทางที่คนรวยใช้เงินซื้อได้ จนกลายเป็นปัญหาแบ่งชนชั้นมหาวิทยาลัยที่ถูกนำมาหากำไรเข้ากระเป๋าโดยที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้เลยแบบที่เป็นอยู่ทั่วโลกตลอดมา

 

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!