รีวิว PARADISE Netflix เหมือน in Time แต่เน้นเรื่องบาปจากเทคโนโลยี (ไม่มีสปอยล์)
PARADISE
Summary
หนังไซไฟที่ใช้ไอเดียซื้อขายเวลาชีวิตกันได้แบบ In Time แต่ต่อยอดมาเล่นแนวที่หลากหลายกว่า หนักกว่าด้วยเล่นเรื่องบาปจากเทคโนโลยีนี้กันอย่างหนักตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็มีครบแอ็กชั่น รัก หักมุมหลายครั้ง มีความน่าติดตามตลอดเรื่องจนจบ แต่ส่วนของไซไฟจะน้อยมากเพราะนี่คือหนังสตรีมมิ่งเท่านั้น
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- แนวไซไฟซื้อขายเวลาชีวิต
- เน้นดราม่าบาปที่เกิดขึ้นไม่รู้จบจากเทคโนโลยี
- หักมุมหลายรอบ
- ทุกตัวละครมีบทสำคัญ
- มีพากย์ไทย
Cons
- ฉากไซไฟน้อยมาก
- การตัดสินใจของนางเอกตอนท้ายไม่สมเหตุผลตามที่ปูมาตั้งแต่แรก
PARADISE พาราไดซ์ หนังเยอรมัน Original Netflix เรื่องราวของโลกอนาคตที่มนุษย์สามารถซื้อขายเวลาชีวิตกันได้ จนก่อให้เกิดปมปัญหามากมายใหม่ๆ ขึ้นมา
รีวิว PARADISE พาราไดซ์ (ไม่มีสปอยล์)
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยดูและจำ In Time หนังดังปี 2011 ด้วยคอนเซ็ปต์ขายโอนย้ายเวลาชีวิตได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เหมือนเอาคอนเซ็ปต์นี้มาทำซ้ำ แต่เปลี่ยนการขายเวลาชีวิตเป็นไบโอเทคโนโลยีที่จำกัดยิ่งกว่า ด้วยการที่ต้องหาคนที่เข้ากันได้ซึ่งมีน้อยมาก จึงมีผู้ติดต่อซื้อเวลาเป็นอาชีพใหม่ที่ทำงานให้กับ AEON บริษัทใหญ่ที่คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา โดยมุ่งหวังต่อยอดอายุให้นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกได้คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งไอเดียนี้ดูดีทีเดียว จนกระทั่งคู่รักตัวเอกของเรื่องเข้าตาจน ภรรยาโดนบังคับให้ขายเวลา 40 ปีไป กลายมาเป็นภารกิจหาทางทวงเวลานั้นคืนกลับมา
โดยปกติหนังเยอรมันผู้สร้างมักชอบทำบทให้ซับซ้อน ซึ่งเรื่องนี้ดูเผินๆ ก็อาจจะมองว่าเหมือนแนวกึ่งๆ สายลับแบบ in Time แต่ความจริงตัวเรื่องซับซ้อนด้วยหลากหลายแนวผสมรวมกันมากกว่าที่คิด ดราม่า-ไซไฟตั้งต้น ต่อด้วยแอ็กชั่น ปิดท้ายด้วยความรักและการหักมุมหลายครั้ง (มีจุดหักมุมสำคัญๆ 3-4 ครั้ง) โดยมีโจทย์หลักจากคำโปรยของเรื่องที่ว่า “Gravity of Sin (แรงโน้มถ่วงของบาป)” ซึ่งนี่ก็คือคีย์หลักของเรื่องที่เป็นมากกว่าแนวไซไฟปกติ เพราะตัวหนังตอกย้ำซ้ำๆ กันถึงผลลัพธ์ของการกระทำบาปของแต่ละคน โดยทุกตัวละครต่างมีบาปที่เกิดขึ้นจากการซื้อเวลาชีวิตตั้งต้น ที่กลายมาเป็นผลลัพธ์ต่อยอดกระจายความทุกข์ให้ทุกตัวละครซ้ำๆ แทนที่อายุที่ยืนยาวขึ้นจะเป็นเหมือน “พาราไดซ์ (สวรรค์)” อย่างชื่อเรื่อง แต่เรื่องนี้คือสิ่งที่ตรงกันข้ามมันคือ นรกจากการช่วงชิงชีวิตกันไปเรื่อยๆ หลังมีเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาบนโลก ซึ่งนี่คือไอเดียที่เข้าท่ามาก และก็ทำมันออกมาได้ดีน่าพอใจเกินกว่าระดับสตรีมมิ่ง ขนาดที่สามารถนำไปต่อยอดฉายในโรงภาพยนต์เลยก็ยังได้ครับ
แต่คนที่ตั้งใจมาดูแนวไซไฟเต็มๆ แบบ In Time ก็คงต้องผิดหวัง เพราะนี่คือหนังสตรีมมิ่งเรื่องหนึ่งที่ทุนอาจจะไม่น้อย แต่ก็ไม่เยอะมากพอทำระดับนั้นได้ ในเรื่องจึงเป็นอนาคตไม่ไกล ไม่ได้ลงเวลาไว้ แต่เรื่องก็แทบไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรให้เห็น นอกจากพวกแท็บเล็ตกับมือถือหน้าตาใหม่ๆ อาคารสำนักงานที่ใช้ CG มาช่วย ส่วนเรื่องการโอนย้ายเวลาก็แทบไม่ให้เห็นอะไร ในหนังใช้การตัดฉากค่อยๆ ให้เห็นว่าเซลล์เสื่อมลงในเวลาต่อมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทันที รวมถึงฝั่งตัวละครที่ลดอายุก็โผล่มาโดยใช้นักแสดงคนละคนไปเลย ซึ่งฟังดูอาจจะเอาง่าย แต่ในหนังใช้จุดนี้มาเพื่อเป็นปมสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถสปอยล์ออกมาได้ครับ
จุดด้อยของเรื่องจริงๆ ไปอยู่ตอนท้าย ที่การตัดสินใจของตัวนางเอกของเรื่องผิดแปลกจากความรู้สึกมากเหมือนกัน แม้ตัวหนังจะสร้างเหตุการณ์ลำดับเรื่องช้าๆ ให้เห็นเหตุและผลทุกการกระทำดีมากตลอด แต่สำหรับครั้งนี้ไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นไปได้เช่นกัน เพียงแค่มันกลายเป็นจุดจบเพื่อหักมุมเรื่องราวมากกว่าจะเป็นไปในทางที่นำเสนอมาโดยตลอดเท่านั้นครับ
แต่โดยรวมนี่คือหนังไซไฟที่เล่นเรื่องดราม่าจากบาปกันอย่างเต็มขั้น มีความน่าติดตามตลอดเรื่องจนจบ แม้งานโปรดักชั่นไซไฟจะน้อยมากก็ตามครับ