รีวิว Paranormal รวมเรื่องสยองขวัญแฟนตาซีจาก Netflix อียิปต์ ที่ห้ามพลาด! (ไม่มีสปอยล์)
Paranormal
สรุป
ซีรีส์สยองขวัญแฟนตาซีจากอียิปต์ที่ทำได้ดีเกินคาด ร้อยเรียงเรื่องเล่าสยองขวัญตำนานผีปีศาจมาไว้ด้วยกัน ผ่านตัวเอกที่มีนิสัยแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร พร้อมด้วยเรื่องรักสามเส้าที่สอดแทรกเข้ามาได้ลงตัวมากๆ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- รวมเรื่องสยองขวัญหลากหลายแบบ แยกแนวทางการเล่าเรื่องเป็นเอกเทศในแต่ละตอน แต่เชื่อมต่อกันทั้งหมด
- ตัวเอกผู้ไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติกับนิสัยประหลาดหลายอย่าง
- จังหวะผีหลอกที่เน้นๆ เห็นกันตรงๆ ผ่านตัวเอกที่ปฏิเสธว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ผี
- อธิบายเรื่องลึกลับด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน
- เรื่องรักสามเส้าที่ใส่มาให้คนคาดเดาไม่ได้ว่าใครคือนางเอกตัวจริง
- นางเอกสวยมีเสน่ห์มากทั้งคู่
- งานสร้างย้อนยุคพิถีพิถันไม่มีหลุด
- มีหลายโลเกชั่นให้ตัวเอกได้ไปผจญภัยไม่ซ้ำกัน
- ปมดราม่าครอบครัวตัวเอกที่เกี่ยวพันกันในอดีตถึงปัจจุบัน
- เรื่องแอบติดตลกนิดๆ จากความคิดขวางโลกของตัวเอกกับความเชื่อโบราณทุกเรื่อง
Cons
- CG ยังดูลอยๆ ไม่สมจริงในบางครั้ง
- หลังจากตอนแรกไม่ใช่แนวสยองขวัญแบบสุดตัว ก็อาจจะทำให้คนที่คาดหวังแนวนี้ผิดหวังได้
- ความเชี่ยวชาญเรื่องเลือดของตัวเอกไม่ได้นำมาใช้ในการเล่าเรื่องนัก
- ตัวเอกที่ดูแก่มากอาจจะดูขัดใจมากในตอนแรก (แต่เรื่องมีเหตุผลประกอบว่าทำไมในภายหลัง)
Paranormal พารานอร์มอล ซีรีส์แนวสยองขวัญแฟนตาซีจากงานสร้างของอียิปต์บน Netflix ที่พาคุณไปพบตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญผ่านศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลือด ซึ่งไม่เคยเชื่อในสิ่งลี้ลับใดๆ แต่รอบตัวเขากลับเจอแต่เรื่องที่หาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ยากยิ่ง
ตัวอย่าง Paranormal พารานอร์มอล
นี่เป็นครั้งแรกของงานสร้างซีรีส์ Original Netflix จากอียิปต์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเซอร์ไพรส์มากกับงานสร้างที่พิถีพิถันลงตัวทุกองค์ประกอบของเรื่อง เป็นแนวสยองขวัญแฟนตาซีที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ด้วยการหยิบตำนานเรื่องเล่า ผี ปีศาจหลายแบบมาผสมรวมกัน แม้ตำนานในเรื่องอาจจะไม่ใหม่ เพราะเราคงเคยได้ยินมาก่อน แต่ก็ยอมรับเลยว่าซีรีส์มีบทที่ลุ่มลึกเอามากๆ ด้วยการครีเอทตัวละครที่แปลก มีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร พร้อมด้วยการผจญภัยที่ลื่นไหลต่อเนื่องกันทั้งหมดในสถาณที่ต่างๆ กัน จนแอบรู้สึกเหมือนอินเดียน่าโจนส์ หรือศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงดอนจากดาวินชี่โค๊ด แต่เป็นเวอร์ชั่นผีปีศาจอยู่นิดๆ เหมือนกัน
ศูนย์กลางของเรื่องนี้อยู่ที่ “ศาสตราจารย์เรฟาต” ตัวเอกวัย 40 ปี แต่รูปร่างหน้าตาเหมือนคนอายุย่าง 70 ซึ่งตัวเรื่องภายหลังจะมีการอธิบายว่าทำไม (Ahmed Amin นักแสดงตัวจริงก็อายุ 40 เท่าในเรื่อง แต่อาจจะแต่งให้แก่ขึ้นไปอีก) เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเลือด เป็นศาสตราจารย์สอนนักศึกษา เขามีความเชื่อที่ยึดเหนี่ยวในใจคือ เรื่องเหนือธรรมชาติไม่มีจริง และทุกสิ่งประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาและในโลกนี้คือ “ความผิดพลาดตามกฎของเมอร์ฟี่” ที่ว่าด้วยความจริงเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างถ้าผิดพลาดได้ มันก็จะเกิดขึ้นจนได้ (อธิบายกฎของเมอร์ฟี่เพิ่มเติมที่นี่) ดังนั้นทุกสิ่งที่ดูเหมือนซวย อย่างเช่นแก้วกาแฟล้มเอง หรือการเห็นสิ่งแปลกๆ ในชีวิตเขาทั้งหมดนั่นคือ เรื่องปกติตามกฎของเมอร์ฟี่ทั้งนั้น ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ตัวเรื่องเดินไปด้วยความท้าทายตลอดเวลา เมื่อตัวเอกของเรื่องไม่ว่าเจออะไรก็จะหาทางอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ให้ได้ทุกครั้ง ซึ่งในเรื่องนี้เองก็มีหลายครั้งที่สามารถอธิบายได้ หรืออธิบายไม่ได้ แต่ก็ช่วยต่อเติมปริศนาที่เขาพบเจอให้สมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่างได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่แนวผีหลอก หรือสยองขวัญล้วนๆ แต่เป็นเรื่องที่เดินไปด้วยวิทยาศาสตร์ผสมเรื่องลึกลับจากทุกรูปแบบไปพร้อมกัน
นอกจากฎที่เขายึดถือจะเป็นหลักสำคัญของเรื่องแล้ว ตัวละครเรฟาตยังมีนิสัยไม่เป็นมิตรกับผู้คน ออกแนวพวก introvert ปิดตัวเอง ปนๆ กับการเป็นคนขวางโลก พูดไม่ตรงกับใจ ทำให้ตัวละครนี้เต็มไปด้วยความแปลกในหลายๆ อย่าง และก็เดินเรื่องไปด้วยการค่อยๆ ย้อนไปแก้ไขปมในจิตใจของเขาตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงชีวิตในปัจจุบันที่มีคู่หมั้นแล้วแต่กลับไม่แยแสเธอนัก ในขณะเดียวกันก็มีเพื่อนสาวที่เรียนมาด้วยกันและเขาแอบรักเธอมาตลอด ได้หวนกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง (เรื่องนี้มีนางเอกสองคน) แต่กลับเป็นช่วงที่เขาต้องเจอกับเรื่องประหลาดเหนือธรรมชาติ จนทำให้ทั้งสองคนต้องมาพัวพันกับสิ่งนี้ไปด้วย
ตัวเรื่องเริ่มขึ้นแบบย้อนยุค 1960 และเปิดตัวด้วยตอนแรกที่พาเรฟาตไปพบกับความทรงจำในอดีตกับคฤหาสน์สยองขวัญที่เขาเล่นซ่อนแอบกับพี่และเพื่อนในวัยเด็ก ควบคู่ไปกับการเล่าเรื่องในยุคปัจจุบันที่สิ่งนั้นกลายเป็นปมตามติดเขามาตลอดชีวิต และตอนแรกนี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวการผจญภัยของเรฟาตไปสู่ตำนานเรื่องเล่าผีปีศาจในที่ต่างๆ และก็ยังคอมโบผีหลอกในตอนแรกเข้ามาในทุกตอนทิ้งไว้เป็นปริศนา ซึ่งการเขียนบทของเรื่องนี้ต่อเนื่องลื่นไหลดีมากๆ ทุกตอนจะเป็นเรื่องเอกเทศแยกจากกัน อย่าง ผี มัมมี่ พรายน้ำ และอื่นๆ หลายแบบ โดยเป็นการจบเคลียร์ปมในเรื่องนั้นก่อนส่งต่อให้เรฟาตได้ไปเจอกับเรื่องลี้ลับใหม่ต่อไปเรื่อยๆ และยังร้อยเรียงเชื่อมต่อกันหมดได้อย่างลงตัว ทุกเรื่องมีเอกลักษณ์แนวเรื่องผจญภัยคนละแบบ มีการเคลียร์ปมทั้งวิทยาศาสตร์และแบบเหนือธรรมชาติควบคู่กันไป ต้องนับถือเลยว่าคนเขียนบทเรื่องนี้เก่งมากที่ผูกเรื่องได้โดยไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าใครคาดหวังว่าเป็นแนวสยองขวัญเต็มตัวคงไม่ใช่ เพราะเรื่องแม้จะมีความน่ากลัว มีจังหวะผีหลอกที่สะดุ้งได้จริงๆ แต่โทนของเรื่องคือแนวผจญภัยแก้ปริศนาสยองขวัญแฟนตาซีมากกว่าเน้นเรื่องสยองล้วนๆ ครับ
นอกจากการผจญภัยเจอเรื่องลึกลับที่ว่ามาแล้ว อีกสิ่งที่เรื่องผสมลงไปได้อย่างลงตัวคือ เรื่องความรักแอบโรแมนติกนิดๆ ไปตลอด และก็เป็นแนวรักสามเส้า นางเอก 2 คน ที่สวยมากทั้งคู่ แรกๆ อาจจะดูแปลกๆ ที่ตัวเอกดูแก่ขนาดนั้น ทำไมเรื่องจึงให้นางเอกสาวสวยสองคนมารักได้ แต่พอเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ตัวเรื่องจะผูกเอานางเอกทั้ง 2 คนมาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรฟาตเจอ และก็เป็นทั้งภาระ ความรับผิดชอบ ผู้ช่วยเหลือ ซึ่งพอเวลาผ่านไปเราจะเข้าใจเรื่องรักสามเส้าในเรื่องนี้ที่ทำออกมามีลุ้น มีสับเปลี่ยนการนำให้เราคาดเดาไม่ได้ว่าใครกันแน่คือนางเอกตัวจริง บทมีการพลิกกลับไปมาพร้อมดราม่าเล็กๆ จากนิสัยส่วนตัวของเรฟาตที่ปากไม่ตรงกับใจ และก็ดูเหมือนไม่ถนอมน้ำใจใคร แม้ลึกๆ เขาจะคิดอีกอย่าง แต่ปากกับการกระทำตรงข้ามเสมอจนเป็นเอกลักษณ์ที่นางเอกทั้งคู่รับรู้และเข้าใจ ซึ่งซีรีส์ใส่เรื่องรักมาพอเหมาะพอดี และก็ทำให้เรื่องดูมีอะไรลึกซึ้งเพิ่มเข้ามาได้อย่างลงตัวมากๆ
นอกเหนือจากตัวละครหลักทั้ง 3 คนแล้ว ในเรื่องยังใส่ปมดราม่าครอบครัวตัวเอกที่มีความเกี่ยวพันถึงกันหมดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่มีปมเรื่องลี้ลับจากตอนแรกร่วมกัน และก็ผูกเป็นเรื่องราวการเสียสละความเป็นมาของพี่น้อง ที่ส่งผลทำให้ตัวเอกเรฟาตกลายมาเป็นคนนิสัยแบบในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวความผูกพันนี้สำคัญมากกับเรื่อง และก็มีฉากซึ้งสะเทือนใจแทรกมาเป็นอารมณ์อีกแบบที่ไม่คาดคิดว่าเรื่องจะมีได้เหมือนกันครับ
นี่เป็นซีรีส์ที่บอกเลยว่าเกินคาดคิดมากว่าผลงานจากอียิปต์เรื่องแรกของ Netflix จะทำได้ดีขนาดนี้ เรียกว่าเป็นหนึ่งในผลงานท็อปฟอร์มช่วงนี้ของ Netflix ต่อจากควีนแกมบิทเลยก็ว่าได้ และก็สามารถทำต่อซีซั่น 2 ได้อีก แต่ก็สามารถจบลงที่ซีซั่นแรก 6 ตอนเลยก็ได้เช่นกัน บอกเลยว่าเป็นอีกเรื่องที่ห้ามพลาด และก็มีรสชาติแตกต่างจากซีรีส์ทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันด้วยครับ