playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Percy Jackson and The Olympians เนื้อเรื่องเก่าเชยๆ มาปรับโฉมใหม่ แต่เคมีตัวละครไม่ได้เลย

Percy Jackson and The Olympians

Summary

ซีรีส์โครงเรื่องเก่าเดิมๆ ที่พยายามปรับโฉมใหม่ แต่ก็ได้แค่เรื่องเชื้อชาติตัวละครที่ผิดไปแปลกจากเดิมแค่นั้น ตัวละครเคมีไม่เข้ากัน มีแค่ตัวเพอร์ซี่ที่แบกเรื่องไว้ การดำเนินเรื่องเหมือนหนังเด็กผจญภัยสั้นๆ จบในตอนแบบง่ายๆ ไม่มีจุดพีคมากพอ แต่งาน CG ทำได้ดี เพียงแต่มีน้อยจนไม่ได้รู้สึกว่าเป็นจุดเด่นจุดขาย เป็นซีรีส์ที่ดูก็ได้เพราะสั้นๆ แต่พลาดก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเหมาะกับผู้ชมที่เป็นแฟนนิยายและต้องการติดตามเวอร์ชั่นนี้จนจบมากกว่าครับ

 

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เพอร์ซี่แจ็คสันเวอร์ชั่นซีรีส์จากผู้เขียนนิยายเอง
  • นักแสดงที่เล่นเป็นเพอร์ซี่มีเสน่ห์ลงตัวกับบท
  • งาน CG ทำได้ค่อนข้างดี (แม้จะมีน้อย)

Cons

  • เนื้อเรื่องเก่าที่แทบไม่ได้ดัดแปลงอะไรใหม่มาก
  • แต่ละตอนสั้นเล่าเรื่องสูตรเดิมๆ ไม่มีจุดพีคพอ
  • เคมีตัวละครหลักไม่เข้ากัน
  • ไม่มีพากย์ไทย

ADBRO

Percy Jackson and The Olympians เพอร์ซีย์ แจ็กสัน เวอร์ชั่นซีรีส์ Disney+  8 ตอนจบ เรื่องราวของเด็กลูกครึ่งเทพโพไซดอนที่ต้องผจญภัยค้นหาสายฟ้าของซุสที่ถูกขโมยไป เพื่อหยุดยั้งสงครามของพี่น้องเหล่าเทพที่กำลังจะเกิดขึ้น ในโลกปัจจุบันที่มีเทพซ่อนตัวแฝงอยู่ในสังคมมนุษย์มากมาย 
Percy Jackson and the Olympians (2023) on IMDb

 

 

รีวิว Percy Jackson and The Olympians

ซีรีส์ที่สร้างใหม่โดย Rick Riordan ผู้เขียนเรื่องนี้เอง ซึ่งเวอร์ชั่นหนังปี 2010 กับ 2013 เป็นแค่ผู้ร่วมเขียนบทดัดแปลง ทำให้เรื่องนี้เหมือนเป็นการยืนยันตัวว่านี่คือฉบับของผู้สร้างตัวจริงที่น่าจะดีกว่าเวอร์ชั่นหนังมาก

แต่ว่าตัวละครในเรื่องกลับมีการดัดแปลงเปลี่ยนเชื้อชาติไปมาก หลักๆ ก็คือนางเอก แอนนาเบ็ธ กลายเป็นเด็กสาวผิวดำไปจากต้นฉบับดั้งเดิมที่เป็นผิวขาว ซึ่งดราม่าพวกนี้ทางผู้เขียนไม่ใช่ผู้อ่านฉบับนิยายมา แต่ก็ดูหนังเวอร์ชั่นเก่ามา เข้าใจว่าเป็นการเปลี่ยนตามยุคสมัย ซึ่งก็คือการนำเสนอที่เรียกว่า WOKE ในปัจจุบันก็ว่าได้ แต่มาจากผู้สร้างเองเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนไม่ได้คิดเรื่องสีผิวเชื้อชาติใดๆ ถ้าตัวละครมันเข้ากันได้ดี แต่อย่างเรื่องนี้จุดบอดใหญ่สุดคือความไม่เข้ากันของตัวเอกทั้ง 3 คน ซึ่งตัวละครเอกเพอร์ซี่ย์ แจ็กสันเล่นโดย Walker Scobell ไม่มีปัญหาเลยเพราะเหมาะสมกับบทและเป็นตัวละครที่ช่วยแบกทั้งเรื่องไว้ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวกับคาแรกเตอร์เด็กหัวรั้นที่ดื้อไม่ฟังกับที่ผู้ใหญ่สอน แต่การพยายามเอาแอนนาเบธเวอร์ชั่นนี้ให้มารับบทจิ้นห่วงใยกันแบบเวอร์ชั่นเด็ก อย่างฉากกอดกันที่มีหลายครั้ง เคมีมันไปกันไม่ได้จริงๆ มันเป็นความฝืนอย่างเห็นได้ชัดจากบทที่แย่คาดเดาได้ง่ายๆ ด้วย และอย่างโกรเวอร์ที่เป็นเพื่อนเพอร์ซีย์อายุ 23 ในร่างเด็กก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่ใดๆ เลย เป็นตัวละครที่มีไว้เสริมเรื่องแค่นั้น บทน้อยมากเหมือนไม่มีพื้นที่ให้เขาได้เล่าหรือโชว์ความเป็นตัวเอกเด่นเลย (ซ้ำยังชอบทำผิดพลาดบ่อยด้วย) ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกอินไปกับมิตรภาพการเดินทางของทั้ง 3 คนนี้เลยสักนิด

นอกจากนั้นแล้วเนื้อเรื่องแนวเด็กพบกับโลกแฟนตาซีที่ซ่อนอยู่ในโลกปัจจุบันนี้มันเก่ามากแล้ว ตั้งแต่ยุคแฮรี่ดังๆ แล้วก็ทำตามๆ กันมา เนื้อเรื่องมันเลยเหมือนแค่การพยายามเอาของเก่ามาขายในรูปโฉมใหม่เท่านั้น แต่บทมันแทบไม่ได้พัฒนาไปเลยซ้ำยังตัดจากนิยายต้นฉบับไปมากมายให้สั้นคงเพราะเวลาในซีรีส์แต่ละตอนมีน้อยแค่ 30 กว่านาทีเท่านั้น (ผู้เขียนอ่านคอมเมนต์จากแฟนนิยายรุมสับเรื่องตัดเนื้อเรื่องนี้กันมาก) ซึ่งพอโครงเรื่องเก่า เนื้อเรื่องไม่ได้ปรับให้สดใหม่ แถมตัดของต้นฉบับนิยายไปอีก ซีรีส์เลยเล่าเรื่องได้จืดชืดมากเน้นบทพูดเยอะ อาจจะมีความสนุกที่ดูดีหน่อยในตอนแรก แต่จากนั้นคือลดลงเรื่อยๆ อยู่ในระดับที่เหมือนหนังเด็กสั้นๆ ในแต่ละตอนจะเจอเทพแต่ละองค์กับสัตว์ประหลาด แต่ก็แทบไม่มีฉากแอ็กชั่นมาก ทุกครั้งเรื่องตัดจบแบบง่ายๆ ไม่มีจุดพีคให้ลุ้น แม้แต่ตอนจบก็ยังทำได้ไม่ต่างจากตอนที่ผ่านมาๆ แค่มีฉาก CG ที่มากกว่าเท่านั้น 

สิ่งที่ดูดีหน่อยคืองาน CG ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีพวกสัตว์ประหลาดมอนสเตอร์ที่รายละเอียดออกมาสวยเลยอย่างไคมิร่า เมดูซ่า แล้วก็ฉากทิวทัศน์โลกเทพอย่างนรก หรือโอลิมปัส แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่ซีรีส์ที่เน้นโชว์งานพวกนี้มาก ทุกอย่างถูกนำเสนอออกมาสั้นๆ น้อยไม่เยอะ จนไม่ได้รู้สึกว่าเป็นจุดขายของเรื่องเลย

 

ซีรีส์มี 8 ตอนและก็เล่าเรื่องจนจบก่อนทิ้งเชื้อเพื่อไปต่อ ซึ่งฟีดแบ็คทางเมืองนอกค่อนข้างดี แต่ก็คงเพราะแฟนนิยายที่มีมานานยังไงก็คงอยากให้ทำจนจบ 5 เล่ม ก็คงไม่โดนตัดจบครับ 

 

สรุปคือเป็นซีรีส์โครงเรื่องเก่าเดิมๆ ที่พยายามปรับโฉมใหม่ แต่ก็ได้แค่เรื่องเชื้อชาติตัวละครที่ผิดไปแปลกจากเดิมแค่นั้น ตัวละครเคมีไม่เข้ากัน มีแค่ตัวเพอร์ซี่ที่แบกเรื่องไว้ การดำเนินเรื่องเหมือนหนังเด็กผจญภัยสั้นๆ จบในตอนแบบง่ายๆ ไม่มีจุดพีคมากพอ แต่งาน CG ทำได้ดี เพียงแต่มีน้อยจนไม่ได้รู้สึกว่าเป็นจุดเด่นจุดขาย เป็นซีรีส์ที่ดูก็ได้เพราะสั้นๆ แต่พลาดก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเหมาะกับผู้ชมที่เป็นแฟนนิยายและต้องการติดตามเวอร์ชั่นนี้จนจบมากกว่าครับ

 


 

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!