playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว กุหลาบมรณะ 2 (Phir Aayi Hasseen Dillruba) ขยายโลกให้ลึกขึ้น แต่กลเกมด้อยลงบ้าง

กุหลาบมรณะ 2

Summary

หนังอินเดียภาคต่อโดยทีมงานชุดเดิมทั้งหมด และยังคงธีมความรักมาเป็นแรงผลักดันในการก่อคดีอาชญากรรมหลบหนีตำรวจได้ซับซ้อนและครบรสเหมือนเดิม แม้แผนการอาจจะดูด้อยกว่าภาคแรกบ้าง แต่เรื่องก็ขยายโลกของนิยายในเรื่องให้ลึกขึ้น เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามา และยังไม่จบที่ภาคนี้มีต่ออีก จนน่าจะกลายเป็นหนังแฟรนไชนส์หรือไตรภาคของเน็ตฟลิกซ์แน่นอนครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ภาคต่อที่ยังคงธีมเดิมไว้ได้ทั้งหมด
  • เพิ่มตัวละครใหม่ เปิดโลกนิยายให้ลึกขึ้น
  • วางเรื่องต่อไปภาค 3

Cons

  • จังหวะความซับซ้อนของแผนดูด้อยกว่าภาคแรกอยู่บ้าง
  • ตัวละครตำรวจยังไม่ฉลาดเหมือนเดิม

ADBRO

กุหลาบมรณะ 2 Phir Aayi Hasseen Dillruba หนังอินเดีย Original Netflix ภาคต่อของคดีอาชญากรรมที่เกิดจากความรักที่ผิดพลาด จนทำให้เกิดเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนขึ้นมา
Phir Aayi Hasseen Dillruba (2024) on IMDb

รีวิว Haseen Dillruba กุหลาบมรณะ หนังสืบสวนที่เดินเรื่องด้วยแนวหนังรักครบรส (ไม่มีสปอยล์)

รีวิว กุหลาบมรณะ 2 Phir Aayi Hasseen Dillruba (ไม่สปอยล์)

ภาคต่อของหนังอินเดียเน็ตฟลิกซ์ทำเองเมื่อปี 2021 แนวรัก ตลก ดราม่า สืบสวน อาชญากรรม ที่ผสมรวมกันได้อย่างครบรส ด้วยเรื่องราวความรักที่ดูเข้ากันไม่ได้จากการถูกคลุมถุงชน จนกลายเป็นคดีฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อนมาก ซึ่งตอนจบก็สามารถปิดฉากได้สวยงามแล้ว แต่ด้วยความดังของเรื่องนี้จึงทำให้มีภาคต่อตามมาจนได้ ด้วยทีมงานและนักแสดงชุดเดิมและยังคงธีมแบบเดิมไว้ทั้งหมดอีกด้วย

 

หนังเล่าเรื่องราวต่อจากตอนจบที่ราณีกับริชูพยายามหาทางหนีไปใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ด้วยความที่คดีนี้ยังไม่ถูกปิดลงทั้งคู่จึงยังต้องแยกจากกันอยู่ห่างๆ ไม่ให้ถูกใครจับได้ เพราะตำรวจในตอนจบรู้แล้วว่าแผนของพวกเขามาจากนิยายดังที่ทั้งคู่หยิบยืมมาใช้ ซึ่งตรงนี้ถ้าใครลืมเรื่องในภาคแรกไปตัวหนังมีการเล่าย้อนลำดับเหตุการณ์ให้พอจำได้อีกครั้ง ไม่ต้องไปย้อนดูภาคแรกใหม่ครับ 

หลังจากเรื่องราวคู่รักนี้ถูกปูไว้แล้วในเมืองใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ตัวเรื่องก็เพิ่มตัวละครเข้ามาอีกทั้ง 2 ฝั่ง โดยริชูต้องเจอกับ ‘ปูนัม’ หญิงสาวขาพิการที่ตามรักเขาแบบ้าคลั่ง ส่วนราณีเจอกับ ‘อภิมันยุ’ หมอที่คอยรักษาคนไข้ในเมืองมาหลงรักไม่ต่างกัน    

โดยหนังในชั่วโมงแรกก็คือการพยายามสู้กับอุปสรรคความรักที่พวกเขาต้องหนีตำรวจและเผชิญหน้ากับบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รู้เรื่องความลับที่เขาก่อมา โดยทั้งคู่ก็มีมุมดีๆ ที่ทำให้ปฏิเสธไม่ลง ซึ่งเรื่องยังฉาบโทนหนังรักไว้ได้ดี มีงานโปรดักชั่นทำภาพสวยๆ ประกอบเพลงเหมือนมิวสิควิดีโอเพลงรัก ทำให้เห็นพัฒนาการของคู่รักที่ห่างกันและถูกบททดสอบเข้ามาขวางกั้นไว้ ก่อนที่เรื่องในชั่วโมงหลังจะพลิกไปเป็นแนวสืบสวนอาชญากรรมซับซ้อนแบบภาคแรกอีกครั้ง

ชั่วโมงหลังของเรื่องคือการหักมุมชั่วโมงทิ้งลงทั้งหมด ตัวหนังเริ่มผูกโยงเข้ากับนิยายของ ‘ดิเนช บัณฑิต’ ที่ใช้เป็นแผนหนีในรอบก่อน แต่มาคราวนี้คือการขยายความนิยายชุดนี้เพิ่มขึ้นว่าตัวผู้เขียนสร้างนิยายชุดนี้เพื่อแก้แค้นตำรวจ โดยทำให้ตัวเอกรอดพ้นตำรวจในตอนจบได้เสมอ โดยในภาคนี้ก็มีตัวละครตำรวจใหม่ชื่อ ‘อาโมนตู’ เข้ามารับผิดชอบคดีนี้ต่อจากคนเก่าที่กลายเป็นลูกน้องของเขาอีกที และเขายังมีความหลังฝังใจกับริชูเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ซึ่งเป็นการผูกปมเรื่องให้ซับซ้อนและขยายใหญ่โตขึ้นมาก จนถึงขั้นทิ้งไว้เป็นภาค 3 ต่อได้อีก ส่วนนิยายในภาค 2 นี้ก็มีส่วนเกี่ยวกับจระเข้ที่เปิดมาตอนแรกแล้วแพลมๆ มาตลอด ซึ่งเรื่องก็ยังวางกลเกมไว้ซับซ้อนเหมือนเดิม ผู้ชมน่าจะยังเดาตอนจบได้ยากอยู่ แต่ความเนียนของแผนในภาคนี้ยังไม่เท่าภาคแรกที่เนียนกว่ามาก ซึ่งก็คือจุดด้อยที่สุดของภาคนี้แล้ว แต่ถ้าเพลินๆ ไปกับมันก็ยังสนุกกับความพยายามหักมุมหลายชั้นได้อยู่ครับ

ตัวนักแสดงยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม ราณีก็ยังเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ร้ายๆ ซ่อนไว้เหมือนเดิม ส่วนริชูในลุคใหม่ที่กลายเป็นเวอร์ชั่นหล่อแบบเข้มๆ แล้วก็พิการใส่แขนปลอม ซึ่งเรื่องก็ทำให้จุดนี้มีผลกับเหตุการณ์ในเรื่องเพิ่มด้วยหลายครั้ง ส่วน‘อภิมันยุ’ก็คือตัวละครที่โดดเด่นมากในภาคนี้ แล้วก็ปูทางความรักสามเส้าของเขากับราณีที่ดูแล้วอาภัพน่าสงสารมากไปจนถึงภาค 3 เลย แต่บทของ ‘อาโมนตู’ ตำรวจใหม่น่าผิดหวังหน่อยเพราะตอนแรกปูมาเรื่องมาเหมือนฉลาดมาก แต่ก็ยังไม่ทันเกมเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจได้ว่าหนังกำลังพยายามทำให้นิยายของ ‘ดิเนช บัณฑิต’ เป็นเรื่องจริงขึ้นมา ถ้าตำรวจฉลาดสุดๆ ก็คงจบไปต่อไม่ได้เหมือนกันครับ

 

สรุป หนังอินเดียภาคต่อโดยทีมงานชุดเดิมทั้งหมด และยังคงธีมความรักมาเป็นแรงผลักดันในการก่อคดีอาชญากรรมหลบหนีตำรวจได้ซับซ้อนและครบรสเหมือนเดิม แม้แผนการอาจจะดูด้อยกว่าภาคแรกบ้าง แต่เรื่องก็ขยายโลกของนิยายในเรื่องให้ลึกขึ้น เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามา และยังไม่จบที่ภาคนี้มีต่ออีก จนน่าจะกลายเป็นหนังแฟรนไชนส์หรือไตรภาคของเน็ตฟลิกซ์แน่นอนครับ

ติดตามรีวิวหนังอินเดีย Netflix เรื่องอื่นได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!