playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Presumed Innocent (Apple TV+) ตอนจบน่าทึ่งมาก แต่ระหว่างทางน่าผิดหวัง

Presumed Innocent

Summary

ซีรีส์ที่เคยสร้างเป็นหนังดังมาก่อน การมาทำเป็นซีรีส์ทำให้เรื่องถูกยืดยาวออกไปด้วยบทที่ไม่กระชับ เยิ่นเย้อ มีปมนิดเดียวแต่ขยายไปได้ทั้งตอน โดยที่ไม่ได้เน้นการสืบสวนว่าความในศาลจริงจังมาก แต่ไปโฟกัสที่ชีวิตความสัมพันธ์ชู้สาวที่นำมาซึ่งความแตกหักในครอบครัวมากกว่า แต่การแสดงของ เจค จิลเลินฮาล ในบทอัยการเทาๆ อ่านไม่ได้ว่าดีหรือเลวกับตอนจบของเรื่องที่เฉียบแหลม หักมุม เร้าอารมณ์ ก็ทำให้เรื่องนี้พลิกกลับมาดีพอให้ทดลองดูได้อยู่ครับ (หรือไปหาภาพยนตร์ต้นฉบับมาดูเลยก็ได้เช่นกัน)

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • สร้างจากหนังดังในอดีต
  • การแสดงของ เจค จิลเลินฮาล
  • ปัญหาความสัมพันธ์ครอบครัวแตกหัก
  • ตอนจบที่เซอร์ไพรส์เร้าอารมณ์มาก

Cons

  • เรื่องในแต่ละตอนมีปมน้อยยืดเรื่องมาก
  • ฉากสู้คดีในศาลถูกตัดซอยสั้นๆ ไปหมด
  • ส่วนของการเมืองไม่ได้มีน้ำหนักกับเรื่องมากพอ

Presumed Innocent ลิมิเต็ดซีรีส์ apple Tv+ 8 ตอนจบ เรื่องราวผู้ชมไปสู่การฆาตกรรมสยองขวัญที่พลิกผันสำนักงานอัยการในชิคาโก เมื่อ Rusty Sabich (รับบทโดย เจค จิลเลินฮาล) รองหัวหน้าอัยการ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่ตัวเองนำสืบเอง ด้วยเรื่องราวความหมกมุ่นทางเพศ การเมือง ในขณะที่เขาต้องพยายามรักษาครอบครัวและการแต่งงานเอาไว้
Presumed Innocent (2024) on IMDb

รีวิว Presumed Innocent (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์นำแสดงและอำนวยการสร้างโดย เจค จิลเลินฮาล เขียนบทโดย David E. Kelley และผู้อำนวยการสร้าง J.J. Abrams สร้างจากนิยายขายดีของนิวยอร์คไทม์ชื่อเดียวกันโดย Scott Turow และก็เคยทำเป็นภาพยนตร์มาก่อนในปี 1990 แสดงนำโดย Harrison Ford โปรไฟล์ทีมงานทั้งหมดแทบจะการันตีได้เลยว่านี่เป็นซีรีส์ที่ต้องออกมาดีมากแน่ๆ แต่ว่าสิ่งที่ดูเป็นปัญหาของเรื่องนี้ก็คือ “มันเหมาะกับการเป็นภาพยนตร์มากกว่า” เพราะเนื้อหาทั้งเรื่องจริงๆ ค่อนข้างกระชับเล่าจบได้แบบสั้นๆ รู้เรื่องเข้าใจ ซีรีส์มีตอนจบที่ให้อารมณ์เฉียบแหลม หักมุม เร้าอารมณ์ และน่าสลดใจไปพร้อมๆ กัน การันตีเลยว่ายังไงคุณก็ต้องทึ่งกับตอนจบนี้ค่อนข้างแน่นอน ซึ่งนี่คือส่วนที่ดีสุดของเรื่องนี้มอบให้จริงๆ

แต่ปัญหาก็คือ หลายเรื่องของแอปเปิลก็มักทำออกมาแบบนี้ มีแค่ตอนจบที่โดดเด่น แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยเนื้อหาที่เยิ่นเย้อและยืดยาดมาก เรื่องนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรกันเลยแม้จะเขียนโดยมือฉมังอย่าง David E. Kelley แต่ก็พยายามเขียนบทสร้างเรื่องราวแต่ละตอนด้วยเนื้อหาที่มีปมเพียงนิดเดียว แต่ลากเรื่องยาวเกินจำเป็นไปทั้งตอน มีช่วงแวะวนออกทะเลบ้าง ก่อนกลับมาตบจบประเด็นที่แต่ละตอนแทบไม่คืบหน้าไปไหน  เรื่องดูดีใน 2 ตอนแรกที่คดีพึ่งเริ่มขึ้น ซีรีส์ทำให้ดูเหมือนเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มาจากการทำงานผิดพลาดของตัวเอกทั้งคู่ ดูลึกลับในแนวสืบสวนมากกว่าอย่างอื่น ก่อนที่บทของเจคจะถูกพลิกกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ถูกอัยการที่ร่วมสำนักงานกล่าวหาว่าเขาเป็นคนร้ายเอง โดยมีจุดร่วมคือ ความโกรธแค้นแรงพิศวาสที่ทั้งคู่มีร่วมกันกับเหยื่อที่ตายไป ซึ่งเรื่องวนเวียนกับการย้อนอดีตไปทีละนิดว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น มีฉากพิศวาสของเขากับเธอซ้ำๆ อยู่ตลอดเรื่อง โดยมีปมว่าชีวิตครอบครัวของเขาเองก็กำลังมีปัญหา และการลักลอบเป็นชู้นี้ก็ถูกเผยแพร่ตีแผ่ออกมาในคดีนี้ ซึ่งทำให้ชีวิตคู่นั้นยิ่งแย่ลงไปอีก ซึ่งนี่คือสิ่งที่เรื่องนี้เน้นหนักมากกว่าการสืบคดีจริงๆ ซะอีก ซึ่งใครที่หวังการสืบสวนคดีฆาตกรรมหรือฉากว่าความในศาลแบบฟาดฟันกันหนักหน่วง ก็ต้องมีผิดหวังกันบ้าง เพราะทำได้แค่พอใช้ได้ แต่ไม่ได้ดีมาก เพราะเรื่องตัดช่วงการให้การในศาลมาสั้นๆ แล้วก็รีบจบปิดไปง่ายๆ ไม่ได้มีการสวนกลับต่อสู้กันระหว่างอัยการทั้งคู่มากมายนัก 

นอกจากนี้ปมการเมืองที่เรื่องพยายามสอดแทรกมาว่า อดีตหัวหน้าอัยการคนก่อนของเจคต้องมาฟาดฟันเป็นทนายช่วยลูกน้องเพราะเชื่อใจเขา และยังต้องทวงศักดิ์ศรีหลังจากแพ้เลือกตั้งในตำแหน่งนี้ไปให้กับอัยการคนใหม่ที่ฟ้องเจค (ตำแหน่งทางศาลของอเมริกาใช้การเลือกตั้งจากประชาชนเลือกเข้ามา) ซีรีส์เล่าเรื่องแบบไม่ได้รู้สึกเลยว่าแค้นกันแค่ไหนยังไง เหมือนเป็นปัญหาส่วนตัวพิพาทกันเองมากกว่า แม้แต่ตอนจบปมนี้ก็สลายหายไปง่ายๆ แทบไม่ได้มีความหมายสำคัญกับเรื่องเลย

 

ส่วนตัวนักแสดงเรื่องได้นักแสดงคุณภาพอย่างเจคมาแบกทั้งเรื่อง และเจคก็มักรับบทตัวเอกร้ายๆ แบบนี้มาตลอดทำให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเรื่องนี้ด้วย เขาทำให้ Rusty Sabich ดูเป็นคนเทาๆ อ่านไม่ออกว่าดีหรือร้าย มีทั้งอารมณ์ที่รุนแรงและสงบราบเรียบในเวลาเดียวกัน มีความหื่นกระหายลักลอบเป็นชู้โดยไม่รู้สึกผิดอะไร ซึ่งบทนี้คือตัวหลักที่หลอกล่อให้คนดูคิดติดตามเรื่องว่าจริงๆ แล้วเขาผิดจริงหรือไม่ จนกระทั่ง 5 นาทีสุดท้ายคนดูก็ยังอ่านไม่ออก และนั่นคือจุดที่ทำให้ฉากจบเรื่องนี้ดีมากจริงๆ ครับ

สรุป ซีรีส์ที่เคยสร้างเป็นหนังดังมาก่อน การมาทำเป็นซีรีส์ทำให้เรื่องถูกยืดยาวออกไปด้วยบทที่ไม่กระชับ เยิ่นเย้อ มีปมนิดเดียวแต่ขยายไปได้ทั้งตอน โดยที่ไม่ได้เน้นการสืบสวนว่าความในศาลจริงจังมาก แต่ไปโฟกัสที่ชีวิตความสัมพันธ์ชู้สาวที่นำมาซึ่งความแตกหักในครอบครัวมากกว่า แต่การแสดงของ เจค จิลเลินฮาล ในบทอัยการเทาๆ อ่านไม่ได้ว่าดีหรือเลวกับตอนจบของเรื่องที่เฉียบแหลม หักมุม เร้าอารมณ์ ก็ทำให้เรื่องนี้พลิกกลับมาดีพอให้ทดลองดูได้อยู่ครับ (หรือไปหาภาพยนตร์ต้นฉบับมาดูเลยก็ได้เช่นกัน)

 

รวมรีวิว apple TV+ คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!