playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Prime Time (Netflix) หนังทุนต่ำที่พยายามหลอกคนดูจนจบแบบเฟลๆ

Prime Time

สรุป

หนังพยายามหลอกล่อให้คนดูติดตามว่าตัวเอกที่เป็นคนร้ายจะพูดอะไรออกทีวี แต่เรื่องราวกลับไม่มีเฉลยอะไรทั้งสิ้น แถมยังเดินเรื่องวนซ้ำไปมาจนน่าเบื่อ ผ่านได้ผ่านเลยไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาดูเลยครับ

Overall
4/10
4/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • หนังทุนต่ำติสๆ จากเทศกาลหนังซันแดนซ์ 2021

Cons

  • ไม่มีการเฉลยเหตุผลแรงจูงใจหรืออะไรทั้งสิ้น
  • ตัวเรื่องวนอยู่กับบทพูดขอออกทีวีซ้ำๆ ไม่มีอะไรคืบหน้าไปจนจบ
  • ตัวประกันเห็นใจตัวเอกที่เป็นคนร้ายแบบงงๆ
  • เรื่องราวเกิดในปี 1999 เกาะกระแส Y2K แต่กลับไม่มีอะไรสำคัญเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเลย

ADBRO

Prime Time หนัง Netflix จากโปแลนด์เล่าเรื่องราวของการจับตัวประกันในสถานีโทรทัศน์ โดยมีข้อเรียกร้องขอออกอากาศสด เพื่อถ่ายทอดคำพูดบางอย่างออกไป

 Prime Time (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Prime Time

หนังที่ถูกเลือกมาฉายในงาน  2021 Sundance Film Festival ตอนเดือนมกราคม และ Netflix ก็ซื้อมาลงในระบบเป็นออริจินอลของตัวเอง ซึ่งจากตัวอย่างและพล็อตเรื่องชวนให้คิดว่าจะเป็นหนังแนวจับตัวประกันออกอากาศสดมันส์ๆ ระทึกๆ แต่กลายเป็นว่านี่เป็นหนังทุนต่ำแนวอินดี้ซะมากกว่า เพราะทั้งเรื่องแทบไม่มีอะไรเลยจริงๆ ตั้งแต่ต้นไปจนจบแบบติสๆ ไม่ได้มีฉากระทึกหรือมันส์อะไรแบบที่คิดเลยแม้แต่น้อย

เนื้อเรื่องเริ่มที่หนุ่มปริศนาวัย 20 ปีใช้ปืนพกบุกเข้าไปยังสถานีโทรทัศน์ในช่วงปี 1999 ก่อนขึ้นปี 2000 ที่มีกระแสความกลัว Y2K  ประกอบเรื่อง (สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Y2K คลิกอ่านเพิ่มที่นี่) พร้อมทั้งจับพิธีกรสาวกับพนักงานอีกคนไว้เป็นตัวประกัน และเรียกร้องให้ถ่ายทอดสดเขาออกทีวีเพื่อขอพูดบางอย่างออกไป ซึ่งตัวเรื่องก็พยายามหลอกล่อให้คนดูติดตามว่า สิ่งที่เขาต้องการพูดคืออะไร แต่ผู้เขียนขอเฉลยในรีวิวเลยว่า ทั้งเรื่องเราจะไม่ได้รู้เลยว่าเขาจะพูดอะไร และสาเหตุจริงๆ ของการจับตัวประกันครั้งนี้คืออะไร หนังเหมือนพยายามสร้างบรรยากาศหลอกล่อให้คนดูติดตามมากกว่า ซึ่งคนที่ไม่รู้มาก่อนก็คงทนดูจนจบด้วยความอยากรู้จุดนี้ แต่พอเจอฉากจบแบบเวิ้งว้างไม่ได้มีคำอธิบายอะไรเพิ่มเติมมาเลย หรือมีก็คงซ่อนไว้แบบนัยยะให้ตีความเอาเองสุดๆ คงแอบเสียดายเวลาที่นั่งดูชั่วโมงกว่าแน่ๆ

โอเคถึงแม้ว่าเรื่องจะไม่มีบทเฉลยจุดสำคัญตรงนั้น แต่ถ้าระหว่างการเดินเรื่องมันมีความตื่นเต้นระทึกหรือกดดันกันสุดๆ กับเหตุการณ์ก็ยังพอโอเคได้ แต่หนังกลับทำไม่ได้เลยในส่วนนี้ โดยตัวเอกที่มีปืนก็พยายามจะวนไปวนมาในห้องพูดข่มขู่ตัวประกัน ขู่ตำรวจ เป็นบทสนทนาวนไปวนมาซ้ำๆ ผ่านการเจรจาต่อรองกันทั้งเรื่อง โดยมีฉากที่เหมือนตำรวจจะบุกๆ แต่ก็ไม่ได้บุกสักที ซึ่งคนดูคงเอะใจพอดูได้สักพัก เพราะเรื่องมันวนทำซ้ำแบบนี้อยู่ตลอด โดยไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเลย แม้แต่ฉากเอาพ่อมาเจรจาก็ยังไม่สามารถทำให้คนดูเก็ทว่ามีประเด็นสำคัญอะไรกับจุดประสงค์ของตัวเอกได้

นอกจากนี้หนังยังใช้ยุคสมัย 1999 แบบกลวงๆ คือขึ้นต้นมาเป็นหนังย้อนยุค เราอาจจะคิดว่าหนังต้องมีอะไรสำคัญถึงเลือกทำแนวย้อนยุค แต่กลับไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงให้เห็นว่ายุคสมัย Y2K สำคัญกับเรื่องราวยังไงเลยแม้แต่น้อย มีแค่ช่วงคั่นฉากที่เป็นรายการทีวีรายงานบรรยากาศช่วงวันส่งท้ายปีเก่าแทรกขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องราวสักเท่าไหร่ จนไม่รู้จะย้อนยุคไปเพื่ออะไรจริงๆ ครับ

นอกจานี้ความสัมพันธ์ของตัวเอกับตัวประกันก็ยังออกแนวงงๆ ตอนแรกกลัวแทบตาย พอผ่านไปกลายเป็นเพื่อนขึ้นมาง่ายๆ โอเคแหละกับเรื่องแนวตัวประกันเห็นใจคนร้าย ซึ่งเรื่องนี้มันก็พยายามจะทำให้คนดูเห็นใจตัวเอกอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เรื่องไม่เผยปมอะไรสักอย่าง ความรู้สึกคล้อยตามตัวละครในเรื่องที่ภายหลังเกิดผ่อนคลายชิลๆ กับเหตุการณ์มันเลยดูไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่นักว่าไปเชื่อใจกันตอนไหน ถึงขนาดออกไปนอกห้องส่งได้แล้วยังกลับมาให้จับเป็นตัวประกันอีกด้วยซ้ำ

สรุปเลยว่านี่เป็นหนังที่ตั้งใจล่อหลอกคนดูสุดๆ ซึ่งก็ได้ผลกับคนที่หลงมาดูโดยไม่รู้อะไร แต่ขอเตือนเลยว่าข้ามผ่านไปเลยจะดีกว่าครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!