รีวิว ฆาตกรรมในคืนเปลี่ยว (Raat Akeli Hai) หนังนักสืบอินเดียที่ละม้ายคล้าย Knives Out ของฝรั่ง
ฆาตกรรมในคืนเปลี่ยว (Raat Akeli Hai)
สรุป
เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวสืบสวนแบบฝรั่ง แต่เปลี่ยนรสชาติมาเป็นอินเดีย ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีกว่าหนัง Original Netflix โดยทั่วไปมาก แม้ไม่ถึงกับดีเลิศ แต่ก็ถือว่าดีพอควรค่าแก่การดูเลยครับ
Overall
7.5/10User Review
( vote)Pros
- พระเอก นาวาซัดดิน ซิดดิกรี นักแสดงยอดฝีมือรูปไม่หล่อ แต่เหมาะกับบทมาก
- แนวสืบสวนแบบนักสืบของฝรั่ง แต่เป็นเวอร์ชั่นอินเดีย
- เรื่องไม่เครียดมีออกตลกจากบทพระเอกที่หาแฟนไม่ได้ แต่กลับมาหลงรักผู้ต้องสงสัยเบอร์ 1 ในคดีฆาตกรรมซะเอง
Cons
- เฉลยตอนท้ายสุดไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่มาก
- มีเพลงรักโรแมนติกประกอบเรื่องบางช่วง แต่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไหร่ (ไม่มีฉากเต้น)
- ฉากแอ็กชั่นน้อย ไม่ได้เน้นระทึกอะไรมาก
ฆาตกรรมในคืนเปลี่ยว (Raat Akeli Hai) หนังอินเดีย Original Netflix แนวสืบสวนฆาตกรรมที่ไม่ได้เป็นแนวบู๊ดุเดือด แต่มาในแบบนักสืบของฝรั่งที่มุ่งปะติดปะต่อเรื่องราวหาแรงจูงใจ และก็มีกลิ่นอายความเหมือน Knives Out หนังสืบสวนเรื่องดังของปีที่แล้ว ที่มาในรูปของคดีฆาตกรรมมรดกเลือด อันเป็นพล็อตต้นตอของนักสืบแนวนี้ที่ใช้กันประจำ ซึ่ง Raat Akeli Hai ก็มีเมนเรื่องหลักเป็นมรดกเลือดเช่นกัน แต่ได้ตำรวจนอกคอกมาสืบคดีนี้แทน
ตัวอย่าง ฆาตกรรมในคืนเปลี่ยว (Raat Akeli Hai)
บทความไม่มีสปอยล์เนื้อหาสำคัญในเรื่อง
เรื่องเปิดมาเป็นปริศนาตามชื่อเรื่องไทย ฆาตกรรมในคืนเปลี่ยว เป็นเหตุการณ์คดีฆาตกรรมที่อำพรางว่าชนแล้วหนีที่ตามจับฆาตกรไม่ได้ แล้วเรื่องก็ตัดผ่านมา 5 ปี เมื่อสารวัตร “ชาฏิล ยาดาฟ” เข้าทำการสืบสวนคดีฆาตกรรมมหาเศรษฐีที่ตายปริศนาในห้องนอนตัวเอง โดยทุกคนในครอบครัวต่างไม่มีใครรู้เห็นเหตุการณ์สักคน แต่ทุกคนสงสัยนายหญิงคนใหม่ของบ้านที่เป็นอดีตเมียน้อย และได้รับมรดกทั้งหมดจากการตายในครั้งนี้ แต่สารวัตรชาฏิลกลับตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ และไม่เชื่อว่าเธอคือฆาตกร
จุดเด่นของเรื่องคือการได้ดารายอดฝีมืออย่าง นาวาซัดดิน ซิดดิกรี มารับบทพระเอกในครั้งนี้ ซึ่งก่อนนี้เขาเล่นซีรีส์ Netflix เรื่องดัง Sacred Games (อ่านรีวิวได้ที่นี่)ในบท “คเนศ ไกทอนเด” ตัวร้ายตัวเอ้ของเรื่องที่เป็นพระเอกไปพร้อมกัน หน้าตาอาจจะไม่ได้หล่อเหลา แถมผิวเข้มจนเรียกว่าดำ แต่การแสดงของเขาเป็นธรรมชาติลงตัวกับบทมาก ซึ่งในบทนี้ก็ไม่ได้ต้องการพระเอกหล่อ เพราะตัวเรื่องถูกวางไว้ว่าพระเอกมีปัญหาเรื่องความรัก หาผู้หญิงแต่งงานด้วยไม่ได้ แม่ก็พยายามหาให้เต็มกำลัง แต่กลับทำให้เขารำคาญแม่มากยิ่งขึ้นไปอีก แถมตัวพระเอกเองก็มีปมเรื่องผิวคล้ำจนต้องทาพวกโลชั่นให้ผิวขาวขึ้นก่อนไปทำงานอีกต่างหาก คือบทถูกวางไว้แบบนี้เลยว่าพระเอกไม่หล่อ มีปมหาแฟนไม่ได้ เพื่อที่จะได้มาตกหลุมรักสาวสวยที่เป็นนายหญิงผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น และก็มีส่วนทำให้เรื่องราวซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อนายหญิงที่ว่านี้ดูเหมือนน่าสงสาร มีแต่คนรังเกียจ แต่เธอกลับมีเสน่ห์มองทะลุทะลวงใจผู้ชายอยู่หมัด ซึ่งตัวพระเอกเองก็พยายามสืบคดีไปปกป้องเธอไป แม้หลักฐานและอะไรหลายๆ อย่างจะพุ่งเป้ามาว่าเธอเป็นฆาตกรค่อนข้างแน่นอน
ตัวเรื่องมี 2 คดีฆาตกรรมที่เปิดมาตอนแรก 5 ปีก่อนให้คนสงสัยว่าเกี่ยวโยงมายังคดีในปัจจุบันได้อย่างไร ซึ่งการสืบสวนของพระเอกจะเริ่มจากปัจจุบันก่อนค่อยๆ พบว่าอดีตคดีชนแล้วหนีเมื่อ 5 ปีก่อนกลับมีส่วนในคดีฆาตกรรมหาเศรษฐีในตอนนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเรื่องดำเนินไปแบบน่าติดตามเรื่อยๆ อาจจะไม่มีแอ็กชั่นลุ้นอะไรมาก เพราะเรื่องเป็นแนวแบบนักสืบฝรั่งอย่างที่บอกไป ตัวพระเอกก็พยายามไล่ต้อนคนในบ้านทีละคนๆ หาสมมุติฐานเชื่อมโยงว่าใครเป็นฆาตกร นอกจากนายหญิงที่พระเอกไม่เชื่อว่าเธอเป็น ซึ่งพอสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็จะไปเฉลยแบบเดียวกับ Knives Out หรือพวกนิยายฆาตกรรมมรดกเลือด คือทุกคนมารวมตัวกันในบ้านที่เกิดเหตุฆาตกรรม และตัวพระเอกเองก็จะปะติดปะต่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สมาชิกในบ้านฟัง เพื่อบีบให้ฆาตกรออกมา ก่อนที่จะหักล้างโต้แย้งไล่ให้จนมุมด้วยสมมุติฐาน+หลักฐาน ซึ่งตัวเรื่องนี้ก็มาแบบเดียวกันเป๊ะ แต่ว่าอาจจะไม่ว้าวสักเท่าไหร่ เพราะเรื่องที่เฉลยออกมาค่อนข้างธรรมดาเมื่อเทียบกับระหว่างทางที่ดูซับซ้อนกว่าเยอะ
นอกจากนี้เรื่องยังเอาบริบทด้านขนบธรรมเนียมประเพณีของอินเดียมาใช้โยงกับคดีฆาตกรรมได้ลงตัว อย่างฆาตกรยิงปืนตอนงานแต่งงานอินเดียที่มีแต่คนยิงปืนขึ้นฟ้าแสดงความยินดีกันอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงที่เกิดขึ้น หรือการแต่งงานกับเด็กของอินเดีย การขายลูกสาวกิน ซึ่งอะไรแบบนี้จะไม่มีในหนังฝรั่งแน่นอน ก็เหมือนเราได้มาดูแนวหนังนักสืบฝรั่งในเวอร์ชั่นอินเดียดูบ้างนั่นเองครับ
ตัวเรื่องยาวมากถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ดูได้พลินๆ ไม่ได้น่าเบื่อเพราะการแสดงของ นาวาซัดดิน มีหลายอารมณ์ หนังไม่เครียด มีแอบตลกอยู่เรื่อยๆ อย่างฉากเขาเถียงกับแม่ หรือการที่เป็นตำรวจแปลกๆ นอกคอกกว่าคนอื่นในสถานี ทำให้บุคลิกนิสัยติดดินของพระเอกช่วยทำให้เรื่องดูมีอะไรน่าติดตามแทบทุกจุด อย่างเรื่องความรักของเขาก็น่าสนใจ เมื่อคดีที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นพหรมลิขิตให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันด้วย หนังแอบมีความมุ้งมิ้งเล็กๆ อยู่ พร้อมกับความระแวงว่าเราจะโดนหลอกไปพร้อมกับพระเอกด้วยหรือไม่ครับ ซึ่งตัวนางเอกก็มีเสน่ห์จริงๆ ตาโต เอวคอด ไม่แปลกที่บทในเรื่องนี้จะถูกวางไว้ว่าเสน่ห์ของเธอก็เป็นตัวสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นในครอบครัวนี้จนใครๆ ก็รังเกียจเช่นกัน
เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวสืบสวนแบบฝรั่ง แต่เปลี่ยนรสชาติมาเป็นอินเดีย ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีกว่าหนัง Original Netflix โดยทั่วไปมาก แม้ไม่ถึงกับดีเลิศ แต่ก็ถือว่าดีพอควรค่าแก่การดูเลยครับ