playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Ravenous (เมืองสยอง คนเขมือบ) หนังซอมบี้ฝรั่งเศสที่เงียบสนิทจนนึกว่าลืมเปิดลำโพง…

Ravenous

สรุป

หนังซอมบี้ฝรั่งเศสที่เดินเรื่องแบบเงียบๆ เนิบๆ ตามสไตล์หนังบ้านเขาเลย แต่ว่าก็ไม่ใช่การเงียบแบบหนังอินดี้ ตัวเรื่องเน้นการเงียบเพื่อให้รอดชีวิตจากซอมบี้ที่จู่โจมคนจากเสียงมากกว่าการมองเห็น ตัวเรื่องใช้ความเงียบให้ดูน่ากลัวก่อนที่ฝูงซอมบี้จะโผล่มาในแต่ละครั้ง ซึ่งก็มีหลายฉากตอบสนองคอหนังแนวนี้ได้ แต่อาจจะไม่หวือหวาเท่ากับหนังซอมบี้ชาติอื่นเท่านั้นครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
3 (2 votes)

Pros

  • ตัวเรื่องเน้นเงียบสนิทจนนึกว่าลืมเปิดลำโพง
  • เรื่องวนอยู่ในเมืองเดียวแบบมีเหตุผลอธิบายได้ลงตัว
  • ซอมบี้มีเอกลักษณ์แปลกๆ บางอย่างไม่เหมือนซอมบี้โดยทั่วไป
  • ฉากสยองขวัญใส่มาอยู่เรื่อยๆ เยอะพอตัว
  • ฉากแหวะโหดๆ ไม่มีเซ็นหรือหลบมุมกล้อง

Cons

  • สไตล์หนังฝรั่งเศสที่คนดูทั่วไปอาจจะไม่ชิน
  • บางคนอึดเกินคนปกติมากไปจนเหลือเชื่อ
  • เรื่องเปิดมาแบบไม่เล่าอะไรเลย แล้วค่อยๆ เติมมาภายหลังทำให้ก่อนหน้านั้นดูล่องลอยไม่มีเป้าหมายให้คนดูเข้าใจมากไปหน่อย

ADBRO

Ravenous เมืองสยอง คนเขมือบ หนังซอมบี้ของ Netflix ฝรั่งเศสที่เรื่องราวเกิดวนอยู่ในเมืองเดียว ผ่านแนวหนังสไตล์ฝรั่งเศสที่เน้นเงียบๆ อึนๆ แต่นำจุดนี้มาใช้เป็นจุดขายให้เข้ากับพฤติกรรมซอมบี้ในเรื่องนี้โดยเฉพาะ
 Ravenous (2017) on IMDb

ตัวอย่าง Ravenous เมืองสยอง คนเขมือบ

ไม่มีสปอยล์เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง

หนังซอมบี้ของฝรั่งเศสที่ตัวหนังก็สไตล์ฝรั่งเศสจริงๆ คือ เงียบๆ เนิบๆ อึนๆ แต่ไม่ใช่อืดแบบไม่มีอะไร ถ้าใครเคยดูหนังฝรั่งเศสมาจะเข้าใจว่ามันเป็นสไตล์หนังบ้านเขาจริงๆ ครับ เงียบๆ นี่คือ พูดน้อยบทสนทนาไม่ค่อยเยอะ เน้นดึงอารมณ์ของตัวนักแสดงมากกว่า แบบมองตาก็รู้ใจอะไรทำนองนั้น หรือก็พวกแนวแช่กล้องนิ่งๆ นี่ก็บ่อย ซึ่งตัวเรื่องก็เอาจุดนี้แหละมาใช้เป็นธีมซอมบี้ในเรื่องได้แบบเนียนๆ กับสไตล์หนังบ้านเขาเองครับ

ตัวเรื่องเปิดมาถึงก็แช่กล้องนิ่งๆ ไม่มีเสียง เงียบจนนึกว่าลืมเปิดลำโพง ซึ่งตัวหนังก็จะเป็นแบบนี้แหละตลอดเรื่องครับ อารมณ์เย็นๆ คั่นอยู่ระหว่างที่ซอมบี้กำลังมา ดังนั้นถ้าใครคิดว่าทนดูหนังลักษณะแนวนี้ไม่ได้แน่ๆ ปิดไปเลยครับ เพราะนี่เป็นหนังซอมบี้ที่มีจุดขายเล่นเรื่องอารมณ์ความเงียบของบรรยากาศเป็นหลักตลอดเรื่อง

แต่ไม่ใช่ว่าหนังเอาลักษณะนี้มาใช้เป็นสไตล์เฉยๆ แบบหนังอาร์ตนะครับ ตัวเรื่องอธิบายไว้ว่าซอมบี้ในเรื่องนี้รับรู้การมีอยู่ของคนจากเสียงเป็นหลัก ไม่ใช่มองเห็นแล้วก็วิ่งเข้าใส่แบบนั้น ทำให้ตัวเรื่องคนที่รอดชีวิตต้องเงียบให้มากที่สุด อารมณ์ที่ดูก็คล้ายๆ อย่างพวกหนังที่ส่งเสียงไม่ได้ A Quiet Place / Don’t Breathe แต่ไม่ถึงขนาดไวต่อเสียงแบบห่างไปมาก ซอมบี้ก็ยังได้ยินเสียงในระดับหูคนปกติอยู่ และตัวซอมบี้เองก็ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ส่วนหนึ่งแบบประหลาดๆ อย่างการรวบรวมข้าวของเครื่องใช้มากองไว้ด้วยกัน ยังเดินวนเวียนอยู่แถวๆ บ้านที่อยู่ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าจะออกพ้นบ้านไม่ได้ แต่เป็นแนวกึ่งๆ หลอกคนให้มาใกล้ๆ ในอาณาเขตนั้นแล้วก็รุมจัดการซะ ดังนั้นเราจะไม่ได้เห็นซอมบี้แนววิ่งไล่หาคนตลอดเวลาแบบเรื่องอื่นๆ แต่เป็นแนวซอมบี้นัดแนะรวมตัวกันแล้วบุกทีเดียว ซึ่งก็มีฉากแบบนี้อยู่หลายฉาก ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหลับ ตัวเรื่องยังคงสูตรสำเร็จซอมบี้ไล่ล่าคนแบบปกติไว้เยอะอยู่ครับ แค่มันต้องบิ้วนิ่งๆ เงียบๆ ก่อนโจมตีเท่านั้น

ส่วนฉากแหวะของเรื่องก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน มีฉากหัวระเบิด เลือดสาดแบบไม่เซ็นหรือหลบมุมกล้องเลย แต่คนในเรื่องที่ถูกกัดจะใช้เวลาติดเชื้อมากกว่าเรื่องอื่น หนังจึงใช้ช่วงเวลานี้เหมือนการสั่งลาพูดคุยกับคนที่ยังอยู่ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะยอมตายหรือปล่อนให้เป็นซอมบี้ไป

ส่วนเรื่องราวหลักในหนังจะแบ่งกระจายออกไปเป็นคนๆ ไป เป็นการเดินทางวนอยู่ในเมืองแห่งนี้เพื่อหาอาหาร ที่พัก แล้วค่อยมาเจอกันในตอนหลัง ซึ่งต่างคนก็จะมีเอกลักษณ์นิสัยแตกต่างกัน รวมถึงวิธีการฆ่าซอมบี้ที่บางคนก็ไม่ใช้ปืน ใช้มีดพร้าไล่ฆ่าซอมบี้แบบเป็นขาลุยของเรื่องเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีพวกคนตัวน่ารำคาญกวนในกลุ่มแบบเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นข้อดี แต่จะมีตัวละครหนึ่งใส่มาแบบตั้งใจให้ตลกฉีกออกไปในเรื่องเลย แต่มีฉากออกมานิดหน่อยก็ไม่ได้ทำให้โทนอารมณ์หลักของเรื่องเปลี่ยนไป

ตัวเนื้อเรื่องแรกๆ ค่อนข้างคลุมเคลือว่าเกิดอะไร และทำไมคนในเรื่องไม่หนีออกไปจากเมืองสักที ตัวหนังจะค่อยๆ เล่าในภายหลัง ซึ่งคำตอบที่ได้เป็นช่วงๆ คือการพาตัวละครเดินทางไปข้างหน้าพร้อมกัน ซึ่งโอเคทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าถ้ามีการเกิดซอมบี้ขึ้นแบบนี้ เรื่องมันก็น่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ นั่นแหละ แต่ช่วงตอนใกล้จบฉากการเอาชีวิตรอดของตัวละครเด็กในเรื่องไม่ค่อยเมคเซนส์นิดๆ หนังมีฉากจบปลายเปิดหน่อยๆ วนไปจุดเริ่มต้นของเรื่อง ซึ่งก็ดูลงตัวดีครับ

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!